เกาะกันโต


นิตยสารผู้จัดการ( มีนาคม 2551)



กลับสู่หน้าหลัก

เมื่อกลางปี 2550 เอไอเอสตัดสินใจผลิตโทรศัพท์มือถือเฮาส์แบรนด์ภายใต้แบรนด์ "โฟนวัน" (phoneOne) ออกจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

ว่ากันว่า การเปิดตัวโทรศัพท์มือถือของเอไอเอสขณะนั้นทำเอาผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือในประเทศ หรือ local brand หนาวๆ ร้อนๆ กันเป็นทิวแถว โดยเฉพาะผู้ที่ครองส่วนแบ่ง local brand อยู่แต่เดิมแล้ว อย่างไอ โมบาย ของสามารถ คอร์ปอเรชั่น หรือ G-net และแบรนด์อื่นๆ

แม้จะเปิดตัวและทำตลาดได้เพียง 3 เดือนในปีที่ผ่านมา แต่ระหว่างงานแถลงข่าวเปิดตัวโทรศัพท์รุ่นใหม่ของโฟนวันเมื่อไม่นานมานี้ ผู้บริหารของโฟนวันก็ระบุว่าสามารถทำโทรศัพท์ขายได้ถึง 1.5 แสนเครื่อง คิดเป็นรายได้สำหรับหน่วยธุรกิจนี้ประมาณ 400 ล้านบาท เฉพาะเดือนมกราคมที่ผ่านมาเดือนเดียว โฟนวันขายได้ถึง 6 หมื่น เครื่อง อีกทั้งยังคาดว่าปีนี้ทั้งปีจะทำรายได้ถึง 1,300 ล้านบาทเลยทีเดียว

ความนิยมชมชอบในการเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือเครื่องเก่ามาเป็น เครื่องใหม่ หรือมีโทรศัพท์ใช้สองสามเครื่องโดยเจ้าของเพียงคนเดียว ที่ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือเรียกกลุ่มผู้บริโภคแบบนี้ว่า "replacement" ถือเป็นตัวแปรสำคัญที่ผลักดันให้ local brand หรือโฟนวันประสบ ความสำเร็จภายในเวลาอันรวดเร็ว

ขณะที่ตัวแปรทางด้านราคาเทียบกับประสิทธิภาพในการใช้งานที่หลากหลายพอยอมรับได้ โดยเฉลี่ยเครื่องมาตรฐานที่เต็มไปด้วย ฟังก์ชันทั้งกล้องดิจิตอลในตัว ฟังเพลงได้ อัดเสียงได้ ของ local brand ไม่ถึง 4 พันบาทด้วยซ้ำ ทำให้ความสำเร็จยิ่งทวีคูณอย่างเห็น ได้ชัด

เมื่อต้องจ่ายแพงกว่าทำให้การตัดสินใจเปลี่ยนเครื่องใหม่นั้น ยากมากขึ้น ดังนั้นความพยายามของทั้งโฟนวันและผู้ผลิตรายอื่นๆ จึงอยู่ที่การใส่ความสามารถและลูกเล่นทุกอย่างลงไปในโทรศัพท์ ขณะที่ต้องลดราคาลงมาในจุดที่คนมักจะเลือกควักเงินในกระเป๋าจ่ายออก ไปโดยไม่ลังเลให้ได้มากที่สุด

นอกเหนือจากนั้น การรุกตลาดต่างจังหวัดทั้งเหนือและอีสาน ถือเป็นต้นทุนหลักของงบประชาสัมพันธ์นับร้อยล้านของทุกค่าย เฉพาะโฟนวันในรอบหลายเดือนที่ผ่านมายอดขายกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ล้วนมาจากต่างจังหวัดแทบทั้งสิ้น

เชื่อกันว่าปีนี้ราคาโทรศัพท์มือถือจะลดลงอีก ขณะที่คุณสมบัติ ในการใช้งานกลับเพิ่มขึ้น โฟนวันก็เช่นเดียวกัน นั่นคือสิ่งที่ผู้บริหาร บอกว่าอยากจะไปถึง โดยตั้งเป้าเอาไว้ว่าปีนี้ราคาโทรศัพท์มือถือโดยเฉลี่ยของโฟนวันจะอยู่ต่ำกว่า 2,500 บาท

เมื่อนำทุกปัจจัยมารวมกันทั้งราคาที่ถูก คุณสมบัติการใช้งาน ที่หลากหลาย บวกกับรูปลักษณ์ในการออกแบบสินค้าที่ทันสมัยขึ้น เหนือสิ่งอื่นใดคือการเป็นบริษัทลูกของเอไอเอส ที่ทุกบูธขายสินค้าโฟนวันจะบอกว่า "สินค้าคุณภาพจากเอไอเอส" ก็ทำให้เห็นถึงความ เป็นไปได้ที่โฟนวันจะโตได้ในแบบที่เรียกว่า "เกาะกันโต" และอาจจะ โตพอที่จะทำให้อีกหลายเจ้าผู้ผลิตเฮาส์แบรนด์หนาวๆ ร้อนๆ อย่างที่คาดการณ์กันไว้ด้วยเช่นเดียวกัน


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.