"สีชังขอเป็นโครงการตัวอย่าง…?"

โดย วิลาวัณย์ วิวัฒนากันตัง
นิตยสารผู้จัดการ( กุมภาพันธ์ 2535)



กลับสู่หน้าหลัก

สีชังฯ เป็นร่องน้ำธรรมชาติชายฝั่งทะเลอ่าวไทยในระดับ 18 เมตรด้านเหนือจะเป็นที่ตั้งชุมชนเกาะสีชังที่ค่อนข้างแออัดส่วนกลางของเกาะเป็นแหล่งที่มีคนอาศัยน้อย ซึ่งแบ่งได้ 2 ส่วน คือที่ตั้งสถานีวิจัยวิทยาศาสตร์ทางทะเลจุฬาลงกรณ์วิทยาลัย ในบริเวณเดียวกับพระราชวังจุฑาธุชราชฐาน และอีกส่วนหนึ่งเป็นที่ของตระกูลหงส์ลดารมภ์ใช้เป็นที่เพาะปลูกเล็กน้อย และมีบริษัท พรเพ็ญประทานจำกัดระเบิดหินไปจำหน่าย โดยบริเวณใกล้เคียงนี้จะใช้สร้างท่าเรือ

การสร้างท่าเรือ สีชังฯ ได้ศึกษาและกำหนดแผนอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยมีจริยา บรอคเคลแมน น้องสาวของจิระเป็นผู้สำรวจร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียดโดยศึกษา 3 ขั้นตอน จากที่ สวล. กำหนดไว้แค่ 2 ขั้นตอนเท่านั้นได้แก่ บริเวณป่า กระแสน้ำ ปะการัง และศึกษาพิเศษในเรื่องโอกาสที่น้ำมันจะรั่วลงสู่ทะเล การกำจัดขยะ พร้อมวิธีการป้องกันและแก้ไข

การออกแบบโรงงานและกระบวนต่าง ๆ จะมีมาตรการนำสารมลพิษออกจากวัตถุดิบเสียก่อน จะมีการติดตามคุณภาพน้ำของโครงการ ทั้งระยะก่อสร้าง ซึ่งได้แก่น้ำเสียจากบ้านพักคนงาน สำนักงานในเขตก่อสร้าง ต้องมีระบบบำบัดน้ำเสียครบถ้วน และระยะดำเนินโครงการ ต้องเพิ่มเติมถังเก็บกักสารที่รั่วไหลพร้อมระบบท่อปิดเพื่อมิให้มีการรั่วไหลของสารลงสู่พื้นดินหรือทะเล

ให้มีมาตรการเฝ้าระวังคุณภาพน้ำทะเลโดยทำงานร่วมกับสถานีวิจัยวิทยาศาสตร์ทางทะเล และศูนย์ฝึกนิสิตเกาะสีชัง จุฬาฯ พร้อมทั้งมีแผนติดตามคุณภาพอากาศตามวิธีที่ สวล. กำหนด และรายงานการศึกษาผลกระทบเช่น บริเวณเตาเผาขยะ ถังเก็บน้ำมัน หรือโรงเก็บวัตถุดิบ รวมไปถึงย่านชุมชนสีชัง

ด้านสาธารณูปโภค ให้มีระบบกำจัดของเสียทั้งจากน้ำมันและคาบน้ำมัน ระบบกำจัดขยะ และมีมาตรการสร้างความปลอดภัย

ส่วนการพัฒนาชุมชน เสนอตั้ง "โครงการสีชังทอง" มีเป้าหมายที่จะพัฒนาและรักษาคุณภาพชีวิตบนเกาะสีชัง

โดยกำหนดพื้นที่สีเขียวเป็นสถานที่พักผ่อน ให้สวัสดิการด้านที่อยู่อาศัย พนักงานทุกคนจะมีพื้นที่อยู่อาศัยไม่น้อยกว่า 10 ตารางเมตรต่อคนหรือเฉลี่ย 10 คนต่อไร่ จะร่วมปรับปรุง พัฒนาและยกระดับโรงเรียนที่มีอยู่ 3 แห่ง คือ ระดับอนุบาล ประถมหก และ ม.3 ให้มีการสอนถึงมัธยมอย่างสมบูรณ์และส่งเสริมช่างฝีมือให้เกิดขึ้น

จริยากล่าวว่าจากการทำแบบสอบถามนักเรียน 75 คนจาก 82 คน ต้องการเรียนวิชาชีพเพื่อทำงานกับสีชังฯ เมื่อเรียนจบ ขณะเดียวกัน จะลดการจับปลาบริเวณเกาะที่นับวันปลาจะน้อยลง และพัฒนาคนที่มีความรู้เครื่องยนต์ให้เป็นช่างของโครงการต่อไป

นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะอนุรักษ์โบราณสถานบนเกาะ คือ พระราชวังจุฑาธุชราชฐานเกาะสีชังซึ่งสร้างขึ้นในรัชกาลที่ 5 เพื่อเป็นพระราชฐานส่วนพระองค์โดยทางสีชังฯ ได้ยื่นจดหมายต่อกรมศิลปากรเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2533 ที่จะเป็นผู้ร่วมบูรณะ โดยออกทุนเริ่มแรก 5 ล้านบาทใช้จัดตั้งกองทุนมูลนิธิฟื้นฟูพระอุโบสถและหามาตรการพิทักษ์รักษาให้อยู่ในสภาพดี และจะเปิดให้คนทั่วไปเข้าชมได้

สีชังฯ ยังได้เสนอตัวขอเป็นผู้ร่วมอนุรักษ์โบราณคดีใต้น้ำ เนื่องจากเกาะสีชังอยู่ในเส้นทางเดินเรือตั้งแต่สมัยอยุธยา และมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ว่ามีเรือสินค้าอับปางบริเวณเกาะโดยเฉพาะรอบเรือโบราณ ซึ่งเป็นหลักฐานบ่งชี้ประวัติศาสตร์ด้านคมนาคม ค้าขาย ชีวิตความเป็นอยู่ จึงกำหนดที่จะแสดงสิ่งเหล่านี้ในรูปของ "พิพิธภัณฑ์" ด้วยการตั้งมูลนิธิเพื่อพัฒนาส่วนนี้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ จิระได้ทำบันทึกความเข้าใจในข้อตกลงกับคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม เกี่ยวกับการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมว่าในหลักการสำคัญว่า สีชังฯ จะไม่ขยายโครงการเกินขีดความสามารถการขยายตัวของชุมชนเกาะสีชัง จนชุมชนขยายตัวมากเกินไปและกระทบต่อสังคมเกาะสีชังในด้านลบ

จริยาและจิระกล่าวว่า เป็นการถือปรัชญา "ป้องกันดีกว่าจะมาแก้ไขทีหลัง" เนื่องจากสิ่งแวดล้อมเมื่อเสียไปแล้วยากที่จะแก้ไข

อีกประการหนึ่ง นักธุรกิจควรจะลงทุนในด้านต้นทุนสิ่งแวดล้อมและสังคมไปด้วย

นโยบายการบริหารสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์ศิลปกรรมที่สีชังฯ ทำไว้ จึงเป็นความภูมิใจอย่างเงียบ ๆ ดังที่จริยาเล่าว่า "มีหลายคนชมว่าทำดี ลงทุนเงินไปหลายล้าน"

จิระหวังว่าการเริ่มต้นอย่างถูกต้องจะเป็นการช่วยให้โครงการเดินไปอย่างราบรื่น แต่วันนี้คงได้คำตอบแล้วว่า "ยังคงไม่ใช่"



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.