"กัมพูชา : อดีตที่รุ่งโรจน์กับความหวังในอนาคต"


นิตยสารผู้จัดการ( กรกฎาคม 2535)



กลับสู่หน้าหลัก

กัมพูชาในปัจจุบันเป็นประเทศที่สืบทอดมาจากมหาอาณาจักรที่เคยรุ่งเรืองและเป็นมหาอำนาจในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์มาแต่โบราณ ซึ่งเคยปกครองพื้นที่ส่วนใหญ่ที่ปัจจุบันนี้คือ เวียดนามลาวและไทยอารยธรรมอินเดียโบราณที่กัมพูชารับมาผสมผสานดัดแปลงเข้ากับลักษณะเฉพาะถิ่น ได้กลายเป็นรากฐานทางวัฒนธรรมของบรรดาชนชาติทั้งหลายที่ก่อตัวขึ้นในอาณาบริเวณแห่งนี้มาจนถึงปัจจุบัน

อารยธรรมเขมรอาจสืบค้นลึกลงไปไกลถึงอาณาจักรฟูนันซึ่งมีอายุเก่าแก่ระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 1 ถึง 6 อาณาจักรที่ยึดครองเมืองท่าแถบเวียดนามใต้ปัจจุบันแห่งนี้รุ่งเรืองด้วยการค้าระหว่างอินเดียกับจีน เพื่อนร่วมชนชาติของเขาอาศัยอยู่ตอนในของที่ราบลุ่มน้ำโขงได้แพร่อิทธิพลและเข้าครอบครองพื้นที่ฟูนันทั้งหมดตอนกลางศตวรรษที่ 6 ในนามอาณาจักรเฉินลา ซึ่งสามารถดำรงอยู่ได้ก่อนจะเสื่อมลง เมื่อศูนย์การค้าทางทะเลได้ย้ายไปอยู่ชวาและเฉินลาบางส่วนถูกยึดครองโดยพวกชวาช่วงปลายศตวรรษที่ 8

กัมพูชาได้ต่อสู้ดิ้นรนเพื่อสถาปนาอำนาจของตนขึ้นใหม่อันเป็นช่วงเริ่มต้นแห่งยุคอังกอร์วัด อังกอร์ธมในต้นศตวรรษที่ 9 ที่การสร้างสังคมเกษตรพร้อมด้วยระบบชลประทานที่ยิ่งใหญ่ได้ก่อตัวขึ้นรอบ ๆ ทะเลสาบใหญ่ ตนเลซับช่วยให้อาณาจักรใหม่สามารถรวบรวมผู้คนจำนวนมากเข้ามาไว้ในพื้นที่ขนาดเล็กแห่งนี้ อารยธรรมฮินดูและพุทธศาสนามหายานได้พัฒนาไปจนถึงขีดสุดอันปรากฏรูปแบบออกมาทั้งการเมืองศาสนาและสถาปัตยกรรม

อย่างไรก็ตามการอพยพเข้ามาของชนเผ่าทางเหนือที่เริ่มมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 10 ซึ่งขึ้นถึงขีดสุดในศตวรรษที่ 13 เมื่ออาณาจักรสุโขทัยของสยามปรากฏตัวขึ้นพร้อม ๆ กับการขยายตัวลงมาทางใต้ของเวียดนาม

สงครามยืดเยื้อกับไทยทำให้กัมพูชารักษาอารยธรรมสังคมเกษตรรอบทะเลสาบใหญ่ได้ลำบาก กาต่อต้านสิ้นสุดลงเมื่อสยามยึดครองอังกอร์วัด-อังกอร์ธมได้ในกลางศตวรรษที่ 15 และกษัตริย์ต้องย้ายเมืองหลวงมาที่พนมเปญเพียงเพื่อจะเสียมันให้กองทัพไทยในอีกศตวรรษต่อมาในปี ค.ศ. 1594

หลังจากนั้น กัมพูชาก็ตกเป็นของไทย และต้องเอาใจเวียดนามเพื่อความอยู่รอดของราชสำนักเวียดนามได้เข้ายึดครองบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงและไทยก็เข้าครอบครองเสียมเรียบ พระตะบองและศรีโสภณ และยึดครองจอมกระสานและเมรูเปรยในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของจำปาสัก จนกระทั่งการเข้ามาของนักล่าอาณานิคมฝรั่งเศสในปี 1863 ยุคใหม่ของเอเชียอาคเนย์

ในปี 1863 ฝรั่งเศสบังคับให้กษัตริย์เขมรยินยอมทำสนธิสัญญาอยู่ภายใต้การคุ้มครองของตน และอิทธิพลของไทยในกัมพูชาก็จบสิ้นลงเมื่อไทยเสียจำปาสักให้ฝรั่งเศสในปี 1904 และเสียเสียมเรียบ พระตะบอง ศรีโสภณไปอีก 3 ปีต่อมา

ฝรั่งเศสปกครองกัมพูชาในฐานะอาณานิคมผ่านสงครามโลกครั้งที่ 2 จนกระทั่งกัมพูชาได้เอกราชไปในปี 1953 เจ้านโรดมสีหนุซึ่งขึ้นครองราชย์โดยการเลือกสรรของฝรั่งเศสในปี 1941 และแสดงบทบาทสูงในการได้มา ซึ่งเอกราชนำพากัมพูชามาพบกับความปั่นป่วนทางการเมือง เมื่อความขัดแย้งระหว่างกองทัพกับปัญญาชนปีกซ้ายรุนแรงขึ้นในช่วงสงครามของสหรัฐฯในอินโดจีน อันจบลงโดยการรัฐประหารของนายพลลอนนอนที่มีสหรัฐฯ หนุนหลังในปี 1970

การถอนตัวของสหรัฐฯ ออกจากเวียดนามในปี 1973 ทำให้เขมรแดงมีชัยชนะเหนือรัฐบาลลอนนอน และยึดครองประเทศได้ในปี 1975 ด้วยความทะเยอทะยานที่จะสร้างสังคมคอมมิวนิสต์เกษตร เขมรแดงอพยพผู้คนในเมืองทั้งหมดออกสู่ชนบท และทำลายโครงสร้างพื้นฐานของประเทศลง ปัญญาชนถูกกวาดล้างโดยการทารุณและเข่นฆ่าอย่างเป็นระบบ สิ่งที่ชาวโลกเรียกว่า "การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ตนเอง" ซึ่งประมาณว่ามีผู้เสียชีวิตไปไม่น้อยกว่า 1 ล้านคนนี้ สิ้นสุดลงในวันคริสต์มาส ปี 1978 เมื่อกองทหารเวียดนามได้ยาตราทัพเข้าพนมเปญ

ด้วยขนาดพื้นที่ 180,000 ตารางกิโลเมตรใกล้เคียงกับภาคอีสานของไทย กัมพูชาโอบอุ้มประชากรเอาไว้ราว 7 ล้านคนและคงลักษณะการมีชนชาติเดียวไว้ได้สูงสุดเมื่อเทียบกับประเทศต่างๆ ในภูมิภาคกล่าวคือคนส่วนใหญ่ถึงร้อยละ 90 เป็นคนเขมรที่เหลือปะปนไปด้วยคนเวียดนาม จีน จาม ไทย และลาว

ลักษณะเด่นที่สุด้านภูมิศาสตร์ของกัมพูชาก็คือ แม่น้ำโขงซึ่งบางแห่งกว้างถึง 5 กิโลเมตรและทะเลสาบใหญ่ตนเลซับ ความยาวของแม่โขงที่ไหลผ่านที่ราบภาคกลางและแตก ออกเป็น 2 สายใต้พนมเปญนั้นยาวถึง 315 กิโลเมตร ส่วนทะเลสาบใหญ่นั้นมีขนาดพื้นที่ถึง 3,000 ตารางกิโลเมตร เมื่อถึงหน้าฝนมันจะขยายตัวขึ้นครอบคลุมพื้นที่ถึง 7,500 ตารางกิโลเมตรแม่น้ำทั้งหมดในกัมพูชาล้วนไหลลงแม่น้ำโขงและทะเลสาบใหญ่

เมื่อน้ำในแม่โขงลดลง น้ำในทะเลสาบที่เอ่อนองก็จะถูกสูบลงทะเล ทิ้งดินอุดมที่ทับถมอยู่ให้กลายเป็นพื้นที่เกษตรขนาดใหญ่ประมาณว่ามีประชาชนกว่า 5 ล้านคนอาศัยอยู่รอบ ๆ ทะเลสาบใหญ่และลุ่มน้ำโขงตอนล่างที่อุดมสมบูรณ์

ที่ราบลุ่มตอนกลางหัวใจของกัมพูชาล้อมรอบไปด้วยป่าเบญจพรรณที่สมบูรณ์ทางตอนเหนือ และป่าดงดิบผืนใหญ่ที่สุดและหนาแน่นที่สุดทางตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นการวางตัวของ เทือกเขาสลับซับซ้อน 2 ลูกอันได้แก่เทือกเขาชาดามอนและเทือกเขาช้าง ในโพธิสัตว์ เกาะกงและกำโพช พื้นที่เหล่านี้ยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแร่ธาตุ อัญมณี นานาชนิด รวมทั้งแร่ยูเรเนียม นอกจากนี้กัมพูชายังมีชายฝั่งทะเลที่อุดมสมบูรณ์ด้วยปลานานาชนิด

ความหลากหลายของทรัพยากรธรรมชาติ ทำให้อนาคตของการฟื้นฟูบูรณะประเทศเป็นที่ดึงดูดใจของนักลงทุนจากต่างประเทศโดยเฉพาะจากไทย



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.