ถ่านหินพุ่งดันบ้านปู ชนินท์ลั่นรายได้โต13%


ผู้จัดการรายวัน(7 กุมภาพันธ์ 2551)



กลับสู่หน้าหลัก

ผู้บริหาร "บ้านปู" แจงเหตุราคาหุ้นพุ่งในช่วงที่ผ่านมาได้รับอานิสงส์จากราคาถ่านหินปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ยังคงเป้ารายได้ปี 51 โตจากปีก่อนที่ 13% อ้างราคาถ่านหินทรงตัวในระดับสูงไม่แน่นอน "ชนินท์"คาดพ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯฉบับแก้ไขประกาศใช้ภายในปลายปีนี้ เดินหน้าจับมือตลาดหุ้น-ก.ล.ต. จัดสัมมนาชี้แจงบจ.ทั้งตลาด

นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU เปิดเผย กรณีที่ราคาหุ้น BANPU ในช่วงที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ว่า เกิดจากราคาถ่านหินที่ปรับตัวสูงขึ้น จาก 3 ปัจจัย คือ การที่น้ำท่วมในรัฐควีนแลนด์ ประเทศออสเตรเลีย การขาดแคลนถ่านหินเพื่อใช้ในการผลิตไฟฟ้าไม่เพียงพอในประเทศจีน ทำให้ประเทศจีนมีการประกาศงดการส่งออกถ่านหินเป็นเวลา 2 เดือน คือในเดือนกุมภาพันธ์ และเดือนมีนาคม และจากการที่แอฟริกาใต้มีกำลังการผลิตไฟฟ้าไม่เพียงพอจากที่มีการเก็บสต็อกถ่านหินไม่เพียงพอ

จากปัจจัยทั้ง 3 ประการดังกล่าวเกิดในระยะเวลาที่ใกล้เคียงกัน บวกกับเป็นช่วงที่ราคาถ่านหินมีการตึงตัวอยู่แล้วจึงทำให้ราคาถ่านหินปรับตัวเพิ่มขึ้นสูง ซึ่งราคาถ่านหินในออสเตรเลียเดิมอยู่ที่ระดับ 90 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้นสูงกว่า 100 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน แต่ยังไม่สามารถตอบได้ว่าราคาถ่านหินจะยังทรงตัวในระดับราคาดังกล่าวนานเท่าไร

"บริษัทคาดว่าราคาถ่านหินในปีนี้จะตึงตัวจาก 3 เหตุการณ์ที่เกิดใกล้เคียงกัน คือ น้ำท่วมในออสเตรเลีย การสต็อกถ่านหินเพื่อผลิตไฟฟ้าในแอฟริกาใต้ไม่เพียงพอ และการขาดแคลนถ่านหินในประเทศจีน แต่ราคาถ่านหินจะทรงตัวสูงเป็นระยะเวลาที่นานหรือไม่นั้น ไม่สามารถตอบได้ "นายชนินท์ กล่าวว่า

สำหรับความเคลื่อนไหวราคาหุ้นบ้านปูในปีนี้ (1ม.ค.-5 ก.พ.) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 44 บาท หรือเพิ่มขึ้น 11% ซึ่งราคาหุ้นปรับตัวสูงสุดในหมวดอุตสาหกรรมพลังงานและสาธารณูปโภค โดยราคาหุ้นปรับตัวสูงสุดอยู่ที่ 460 บาท วันที่ 31 มกราคม และปรับตัวต่ำสุดอยู่ที่ 352 บาท เมื่อวันที่ 7 มกราคม

ด้านประมาณการสำหรับผลการดำเนินงานในปี 2551 นั้น ขณะนี้บริษัทยังไม่ปรับเป้ารายได้ปีนี้เพิ่มขึ้นเนื่องจากไม่ทราบว่าราคาถ่านหินปรับตัวในระดับสูงนานเท่าไร โดยยังคงเป้ารายได้ปีนี้โต 13% จากปี 2550 ส่วนการที่ประเทศจีนมีการประกาศงดการส่งออกถ่านหิน 2 เดือนนั้น คำสั่งซื้อซื้อถ่านหินของบริษัทอยู่ในระดับที่เหมาะสมในระดับปกติไม่ได้มีคำสั่งซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นมากนัก โดยที่ผ่านมาบริษัทคาดว่ารายได้ปี 2550 ปรับตัวลดลง 7% จากปี 2549ที่มีรายได้รวม 33,378.26 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามจากการที่สหรัฐอเมริกามีปัญหาในเรื่องสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์คุณภาพต่ำ (ซับไพรม์) นั้นมีผลกระทบต่อการการใช้จ่ายและมีการใช้พลังงานที่น้อยลง ซึ่งเป็นแรงกดดันให้ราคาน้ำมันมีการปรับตัวลดลง ได้ส่งผลต่อราคาถ่านหินด้วยเช่นกัน โดยผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/51 คาดว่าจะใกล้เคียงกับไตรมาส 1/50 ที่มีรายได้รวม 8,167.67 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 1,193.69 ล้านบาท

พร้อมกันนี้ นายชนินท์ กล่าวในฐานะอุปนายกและกรรมการสมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย ว่า พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ 2535 (ฉบับแก้ไข) นั้น คาดว่าจะสามารถประกาศใช้ได้ประมาณปลายปีนี้ ซึ่งเชื่อว่าพ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯใหม่นี้จะมีความยืดหยุน และมีความชัดเจนมากขึ้นเพื่อจะได้ไม่ต้องมีการตีความสามารถที่จะปฏิบัติได้ทันทีโดยเฉพาะบทบาทหน้าที่การรับผิดชอบของกรรมการ ผู้บริหารของบริษัทจดทะเบียน และให้บริษัทจดทะเบียนมีการแต่งตั้งเลขานุการบริษัทซึ่งเป็นตำแหน่งใหม่ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จะเน้นในเรื่องโครงสร้างของบริษัทด้านงานเอกสารต่างๆของบริษัทจดทะเบียนมีความถูกต้องมากขึ้นส่วนในเรื่องบทลงโทษนั้นก็มองว่ามีความสมเหตุสมผล

ทั้งนี้ ก.ล.ต.ต้องการให้ตลาดทุนมีการปรับตัวมากขึ้น โดยที่จะมีการจัดตั้งคณะกรรมการกำกับตลาดทุนขึ้นมาเพื่อที่จะดูและในเรื่องการออกประกาศต่างๆหรือมีการแก้ไขเกณฑ์ตลาดทุนให้มีการพัฒนามากขึ้นโดยจะมีผู้ทรงคุณวุฒิที่ไม่มีส่วนได้เสียเข้ามาเป็นคณะกรรมการ1หรือ 2 คนในคณะกรรมการชุดนี้ โดยคาดว่าคณะกรรมการกำกับตลาดทุนนี้จะจัดตั้งขึ้นได้หลังจากที่พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฉบับใหม่มีการประกาศใช้

สำหรับจากนี้ไปทางสมาคมบจ.จะร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และก.ล.ต.จัดสัมมนาชี้แจงและเตรียมความพร้อมของบริษัทจดทะเบียนสำหรับกฎหมายใหม่การปรับปรุงกฎเกณฑ์เกี่ยวกับความรับผิดชอบของกรรมการผู้บริการ และเลขานุการ บทบาทหน้าทีของกรรมการตรวจสอบและผู้สอบบัญชีของบริษัท และสิทธิของผู้ถือหุ้นบริษัทจดทะเบียน ตามพ.ร.บ.ฉบับแก้ไขใหม่นี้ เพื่อให้บจ.ทั้งหมดกว่า 500 บริษัทได้ทราบและมีความเข้าใจเพื่อที่จะมีการปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง

นายชนินท์ กล่าวว่า ขณะนี้ทางสมาคมบจ.ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์และสมาคมต่างๆจัดทำข้อเสนอให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่ เพื่อให้สนับสนุนและพัฒนาตลาดทุนไทยเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลอีกนโยบายหนึ่ง เพราะ ตลาดทุนถือว่ามีความสำคัญต่อพื้นฐานเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งเป็นแหล่งระดมทุนอีกทางหนึ่งนอกจากการกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์และมีตุ้นที่ต่ำ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มทุน ออกตราสารหนี้ ฯลฯ


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.