ถึงวันนี้แม้ภาวะบ้านที่ดินอาจจะซบเซาไปบ้างแต่กลุ่มธนายง ของคีรีกาญจนพาสน์
ก็มีอะไรตื่นเต้นให้ชาวบ้านชาวช่องเขาต่อ นั่นคือโครงการรถไฟฟ้าสัมปทานของกรุงเทพมหานครที่ธนายงได้รับสัมปทานและลงนามในสัญญากันเมื่อวันที่
9 เมษายนที่ผ่านมา
เพื่อให้งานเร็วขึ้น ธนายงตั้งบริษัทใหม่ขึ้นดำเนินการคือบริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ
(BTSC) สำหรับการทำงานนี้
หลายคนยังไม่มั่นใจกับโครงการนี้มากนัก แม้ในส่วนลึก ๆ คนกรุงเทพยังฝันที่จะเห็นรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนกรุงเทพมาแก้ปัญหาจราจรที่กำลังจะทำให้คนกรุงเทพบ้าขึ้นทุกวัน
จนกระทั่งมีการเปิดตัวโครงการนั่นแหละหลายคนจึงมั่นใจโดยเฉพาะอย่างยิ่ง
การมี 2 คีย์แมนสำคัญมานั่งบริหารโครงการ
คนแรกเกษม จาติกวณิชเจ้าของฉายา "ซูเปอร์เค" ที่มีประสบการณ์การบริหารงานภาครัฐและภาคเอกชนจนประสบผลสำเร็จมามากมายหลายหน่วยงาน
และคนที่สองคือ อาณัติ อาภาภิรม อดีตรัฐมนตรีรัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์และรัฐบาลนายกอานันท์
ปันยารชุนและอดีตผู้ว่าการการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.)
"คีรีเขาชวน ตั้ง 3 ครั้งกว่าที่จะยอมรับที่ยอมรับก็เพราะเห็นว่าเป็นคนทำงานจริงจังและที่เชื่อมั่นก็คือ
การทำงานที่ตรงไปตรงมาจนสำเร็จขั้นแรกก่อนรายอื่น ๆ" เกษมบอกกับ 'ผู้จัดการ'
ในวันเปิดตัวโครงการ
ส่วนอาณัติกล่าวถึงการรับตำแหน่งว่าเนื่องจากเป็นงานที่ท้าทายเอามาก ๆ
กับความเป็นวิศวกรของตนที่ผ่านมาเฉพาะภาครัฐเท่านั้น
"เป็นงานเอกชนงานแรกในชีวิต" อาณัติบอกกับผู้จัดการพร้อมทั้งเสริมถึงเหตุผลของการรับตำแหน่งว่าเนื่องจากโครงการนี้
เป็นโครงการสำคัญมากสำหรับคนกรุงเทพ ตนซึ่งเคยเป็นประธานแก้ปัญหาการจราจรในสมัยรัฐบาลพลเอกเปรม
ติณสูลานนท์จึงให้ความสนใจมากที่จะมาทำงานนี้ เมื่อคีรีทาบทามจึงใช้เวลาในการพิจารณาไม่มากนัก
สำหรับเกษม จาติกวณิชประธานไทยออยล์ จะรับตำแหน่งประธานกรรมการ (CHAIRMAN)
ในบริษัท BTSC ในขณะที่ ดร. อาณัติ อาภาภิรม จะรับตำแหน่งประธานและกรรมการผู้จัดการใหญ่
(PRESIDENT&CHIEF EXECUTIVE OFFICER) ส่วนคีรีจะเป็นประธานกรรมการบริหาร
อาณัติยอมรับว่าการวางผังโครงสร้างดังกล่าวนั้นเป็นเพียงในระยะเริ่มเท่านั้น
เพราะจากการที่มีการคุยกันคีรีบอกว่าในอนาคตเมื่องานเริ่มมีมากขึ้น อาณัติจะต้องรับตำแหน่งทั้งประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่
นัยยะของตำแหน่งบุคคลไม่สำคัญเท่ากับความหมายของการมารับตำแหน่ง
เพราะเชื่อกันว่าการมารับตำแหน่งของทั้งสองคนนั้นมีมากกว่านี้แน่นอน
อาณัติเองยอมรับว่าเรื่องที่สำคัญที่สุดในตอนนี้มี 2 เรื่องคือเรื่องการเงินและเรื่องเทคนิคเพราะโครงการระดับ
18,000 ล้านบาทนั้นที่มาของเงินเป็นเรื่องสำคัญมาก และเป็นหนึ่งในเงื่อนไขโครงการด้วยกล่าวคือในระยะเวลา
1 ปีนับจากวันลงนามในสัญญาเมื่อ 9 เมษายนที่ผ่านมาแล้ว บริษัทจะต้องเสนอที่มาของเงินที่จะใช้ในโครงการให้กับกรุงเทพมหานครในฐานะผู้ให้สัมปทานโครงการได้รับทราบ
เชื่อกันลึก ๆ ว่าตรงนี้เป็นจุดที่เกษมและ ดร. อาณัติได้รับการทาบทาม !!
ทั้งนี้เป็นที่ทราบกันว่าเกษมนั้นเป็นบุคคลที่สถาบันการเงินต่างชาติเชื่อถือใน
CREDIT มากที่สุดคนหนึ่งการกู้เงินของไทยออยล์ที่เขาเป็นประธานหรือการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยที่ผ่าน
ๆ มาลายเซ็นต์ของเขาคือเครื่องหมายค้ำประกันเป็นอย่างดี
ในส่วนของอาณัตินั้นเชื่อกันว่า ธนาคารกรุงเทพในฐานะ ADVISER ด้านการเงินในประเทศ
เป็นผู้ส่งมาช่วยในการดูแลโครงการเนื่องจาก ดร. อาณัติ มีส่วนในการช่วยเหลือชาตรี
โสภณพนิชไม่น้อยในการวางผังโครงสร้างบริหารเมื่อประมาณ 10 ปีก่อนเพื่อลดความขัดแย้งบางระดับภายในธนาคาร
อาณัติกล่าวยอมรับเรื่องนี้กับ "ผู้จัดการ" เพียงสั้น ๆ ว่า
"ผมรู้จักกับคุณชาตรีพอสมควรในการวางโครงสร้างให้แบงก์เมื่อเกือบ 10
ปีก่อน"
ขณะเดียวกันสิ่งที่เชื่อกันว่าคีรีมุ่งที่จะให้อาณัติใช้ความรู้ความสามารถตลอดจนถึง
CONNECTION ที่มีอยู่ในการให้ความช่วยเหลือโครงการ นั่นคือในเรื่องของการผลักดันโครงการนี้ให้รัฐบาลที่จะดูแลเรื่องรถไฟฟ้านี้
คือรัฐบาลของนายกอานันท์ รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ และเพิ่มปฏิเสธเก้าอี้สมัยที่
2 ไปเมื่อรับตำแหน่งนี้
เหตุผลก็คือก่อนที่จะครบ 1 ปีบริษัท BTSC จะต้องได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
(BOI) แต่เนื่องจากมติของรัฐบาลมีว่าได้ลดภาษีเครื่องจักรกลลงมาเหลือเพียง
5% ดังนั้นจึงไม่สามารถพิจารณาเรื่องนี้ได้ต้องให้คณะรัฐมนตรีเป็นผู้พิจารณา
อาณัติ กล่าวว่า ตนเชื่อว่ารัฐบาลชุดนี้จะต้องให้การสนับสนุนโครงการแน่นอน
เพราะโครงการนี้ก็เป็นการอนุมัติของรัฐบาลนี้เช่นกัน ในการประชุม ครม. อานันท์
1 ครั้งสุดท้าย
คีรีเองยอมรับกับ "ผู้จัดการ" ว่าการชักชวนเกษมมารับตำแหน่ง
CHAIRMAN ก็เนื่องจากเชื่อมั่นในฝีมือการบริหารของเกษมและหวังว่าสามารถที่จะช่วยโครงการได้มากในขณะที่การทาบทาม
ดร. อาณัตินั้น ก็เพื่อดูงานให้สำเร็จเพราะมีความรู้ความสามารถในด้านนี้มาก
นับเป็นการแสดงถึงการยอมรับอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ของคีรี
เพราะงานนี้อาณัติจะต้องทุ่มเทสุดตัวในการผลักดัน เนื่องจากเป็นงานเอกชนงานแรกที่มีแบงก์กรุงเทพสนับสนุนที่ท้าทายความสามารถมาก
การทาบทามเกษมและ ดร. อาณัติของคีรีครั้งนี้จึงไม่ใช่ธรรมดาสำหรับมังกรฮ่องกงคนนี้