|
รุมบอนด์รถไฟฟ้า5แสนล้าน บิ๊กประกันฯขอดูผลตอบแทน
ผู้จัดการรายวัน(6 กุมภาพันธ์ 2551)
กลับสู่หน้าหลัก
นายกสมาคมประกันชีวิตเผยสนลงทุนอินชัวรันส์บอนด์โครงการเมกะโปรเจกต์ 5 แสนล้าน ตั้งเงื่อนไข 3 ข้อ ความเสี่ยง อายุพันธบัตรและผลตอบแทน พร้อมส่งอนุกรรมการด้านลงทุนศึกษารูปแบบให้ชัดเจนก่อนตัดสินใจลงทุน ขณะที่ธุรกิจประกันวินาศภัยชี้เหมาะกับธุรกิจประกันชีวิตมากกว่า แย้มขอดูรายละเอียด 3 ด้าน อายุ สภาพคล่องในตลาดรองและความน่าเชื่อถือก่อน
นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด ในฐานะนายกสมาคมบริษัทประกันชีวิตไทย เปิดเผยว่า กรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ประกาศผลักดันงานเร่งด่วนหลังรับตำแหน่ง โครงการระบบขนส่งมวลชน 9 เส้นทาง พร้อมรถไฟรางคู่ วงเงิน 500,000 ล้านบาท โดยการออกพันธบัตรระยะยาวอายุ 30 ปีนั้น ทางสมาคมได้เคยหารือเรื่องดังกล่าวกับนายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) มาแล้วก่อนหน้านี้
ทั้งนี้หลักการลงทุนของธุรกิจประกันชีวิตนั้นจะเน้นลงทุนในตราสารหนี้ในสัดส่วนที่สูงอยู่แล้ว โดยเฉพาะการลงทุนในพันธบัตรของรัฐบาลที่มีความเสี่ยงต่ำและมีผลตอบแทนที่ดี เพราะเม็ดเงินในธุรกิจประกันชีวิตส่วนใหญ่จะเป็นการออมเงินของลูกค้าที่ถือกรมธรรม์ระยะยาวอายุ 20-25 ปี ซึ่งเงินดังกล่าวที่มีอยู่หลายแสนล้านบาทนั้นมีความเหมาะสมที่จะมาลงทุนในโครงการเมกะโปรเจกต์ของรัฐบาลได้
ซึ่งทางสมาคมเองได้ส่งเรื่องนี้ให้อนุกรรมการด้านการลงทุนไปหารือร่วมกับสบน.เพื่อหารูปแบบการลงทุนที่เหมาะสมและรายละเอียดที่ชัดเจนทุกด้านก่อนพิจารณาตัดสินใจลงทุน โดยทางสมาคมจะพิจารณาประเด็นหลักๆ 3 ด้านคือ 1.เรื่องความเสี่ยงของพันธบัตรที่รัฐบาลจะนำออกมาระดมทุนในครั้งนี้ว่ามีมากน้อยเพียงใด 2.อายุของพันธบัตรมีความเหมาะสมมากเพียงใดซึ่งหากพันธบัตรที่ออกมามีอายุมากบริษัทประกันก็จะให้ความสนใจมาก และ3.เรื่องผลตอบแทนเนื่องจากเงินที่นำมาลงทุนนั้นมีสัญญาการจ่ายผลตอบแทนให้กับผู้ถือกรมธรรม์ด้วย
“การที่บริษัทสมาชิกของสมาคมทั้ง 24 แห่งมีความสนใจที่จะลงทุนในพันธบัตรชุดนี้หรือไม่ขึ้นอยู่กับความสมัครใจ ทางสมาคมจะไม่บีบบังคับว่าจะต้องลงทุนหรือไม่ลงทุนแต่อย่างใด แต่ทั้งนี้เชื่อว่าการตัดสินใจลงทุนในพันธบัตรที่ใช้ลงทุนในโครงการเมกะโปรเจกต์นี้บริษัทสมาชิกทุกรายต้องพิจารณารายละเอียดของโรงการทั้งหมดก่อนจึงจะตัดสินใจลงทุน” นายสาระกล่าว
ไทยประกันขอดูความมั่นคงก่อน
นางวรางค์ เสรฐภักดี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด กล่าวว่า การที่รัฐบาลมีนโยบายออกพันธบัตรเพื่อระดมทุนในการก่อสร้างรถไฟฟ้า โดยเปิดโอกาสให้บริษัทประกันชีวิตเข้าไปซื้อได้นั้น หากพิจารณาในแง่ผลตอบแทนที่อยู่ระดับ 5% เศษ ถือว่าน่าสนใจ แต่การที่จะออกพันธบัตรที่มีอายุยาวถึง 30 ปี ต้องพิจารณาในรายละเอียดเพิ่มเติม โดยเฉพาะแนวทางการบริหารจัดการในอนาคต ว่าจะมีความมั่นคงมากน้อยเพียงไร เช่น มีการแปลงสินทรัพย์เป็นทุนหรือไม่ เพราะการลงทุนของบริษัทประกันชีวิตจำเป็นต้องคำนึงถึงทั้งผลตอบแทนและความมั่นคง เนื่องจากกรมธรรม์ประกันชีวิตเป็นสัญญาผูกพันกับลูกค้าในระยะยาว ประกอบกับรัฐบาลไทยยังไม่เคยออกพันธบัตรที่มีอายุยาวถึง 30 ปีมาก่อน
สำหรับนโยบายการลงทุนของบริษัทฯ ยังคงเน้นการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจเป็นหลัก มีสัดส่วนลงทุนประมาณ 40% เศษ รองลงมาเป็นเงินฝาก ตั๋วสัญญาใช้เงิน หุ้นกู้ หน่วยลงทุน ปัจจุบันมีพอร์ตการลงทุนประมาณ 110,000 ล้านบาท มีผลตอบแทนจากการลงทุนในปี 2550 อยู่ที่ 5.2%
พรูเด็นเชียลโยนบอร์ดตัดสินใจ
นายเท็ด ซี ริดจ์เวย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทพรูเด็นเชียล ประกันชีวิต(ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า หากโครงการเมกะโปรเจกต์สามารถเกิดขึ้นได้โดยการระดมทุนจากในประเทศก็ถือเป็นเรื่องที่ดี บริษัทเองในฐานะเป็นนักลงทุนรายหนึ่งก็ให้ความสนใจเนื่องจากเป็นพันธบัตรรัฐบาลมีความมั่นคงค่อนข้างสูง แต่จะตัดสินใจลงทุนหรือไม่นั้นระบบการดำเนินงานของบริษัทจะต้องส่งเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการลงทุนของบริษัทก่อนจึงจะสามารถตัดสินใจในเรื่องนี้ได้
ประกันภัยขอดูเงื่อนไขสภาพคล่อง
นายปกิต เอี่ยมโอภาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อลิอันซ์ ซี.พี.ประกันภัย จำกัด กล่าวว่า หากรัฐบาลออกพันธบัตรเพื่อใช้ระดมทุนในการก่อสร้างโครงการเมกะโปรเจกต์ถือเป็นเรื่องที่ดีเพราะถือเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับนักลงทุนโดยทั่วไปรวมทั้งธุรกิจประกันวินาศภัยด้วย แต่การระดมทุนในระยะยาว 30 ปีแล้วโดยธรรมชาติของการลงทุนจะเหมาะสมกับธุรกิจประกันชีวิตมากกว่าธุรกิจประกันวินาศภัย
ทั้งนี้ทางบริษัทมองว่าการลงทุนในตราสารระยะ 3-5 ปีสำหรับธุรกิจประกันวินาศภัยถือว่าเป็นการลงทุนระยะยาวเนื่องจากเบี้ยประกันภัยที่รับมาเป็นปีต่อปีหรืออย่างมากก็เพียง 3 ปีเท่านั้น แต่บริษัทก็ไม่ได้ปิดกั้นการเข้าไปซื้อพันธบัตรดังกล่าว เพราะในขณะนี้โครงการออกพันธบัตรเพิ่มเริ่มต้นยังไม่มีความชัดเจนและรายละเอียดของโครงการทั้งหมดประกอบการพิจารณาตัดสินใจลงทุน
โดยสิ่งสำคัญที่บริษัทจะนำมาพิจารณาประกอบการตัดสินใจลงทุนประกอบไปด้วย 3 ประเด็นคือ 1.อายุของพันธบัตรที่ออกมาจะมีรูปแบบอย่างไร มีความยืดหยุ่นมากพอที่จะลงทุนมากน้อยเพียงใด 2.สภาพคล่องของพันธบัตรในการถือครองซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นประเด็นที่สำคัญเพราะแม้ว่าพันธบัตรจะออกมาระยะ 30 ปีแต่หากมีสภาพคล่องสามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดในตลาดรองได้ง่ายก็อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ตัดสินใจซื้อได้ และ3. ความน่าเชื่อถือของพันธบัตร
เมืองไทยฯ รอรายละเอียดโครงการ
นางนวลพรรณ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด กล่าวว่า แนวคิดการทำระบบขนส่งมวลชนระบบรางในเขตกรุงเทพและปริมณฑลถือเป็นเรื่องที่ดีเพราะเป็นการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาลอยู่แล้ว แต่การที่บริษัทจะตัดสินใจลงทุนในพันธบัตรดังกล่าวหรือไม่ต้องขอพิจารณารายละเอียดของโครงการทั้งหมดเสียก่อนจึงจะสามารถให้คำตอบได้
ฟีนิกซ์สนดอกเบี้ยสูง
นายธีระศักดิ์ แสนวรางกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ฟีนิกซ์ ประกันภัย(ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในเบื้องต้นแล้วบริษัทยินดีที่จะลงทุนในพันธบัตรที่จะออกมาในโครงการนี้ โดยเมื่อพิจารณาจากอัตราดอกเบี้ย 5% ที่นายกรัฐมนตรีประกาศออกมาถือว่ามีความน่าสนใจลงทุนเมื่อเปรียบเทียบกับภาวะตลาดในปัจจุบันที่อัตราดอกเบี้ยในตลาดไม่สูงมากนัก แต่อย่างไรก็ตามต้องขอดูรายละเอียดของโครงการก่อนที่จะตัดสินในลงทุนในโครงการนี้
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|