บางจาก-ปตท.-ไทยออยล์กลั่นน้ำมันร่วมแก"ขาดทุน"


ผู้จัดการรายวัน(3 มิถุนายน 2546)



กลับสู่หน้าหลัก

กนร. อนุมัติ แผนฟื้นบางจากฯ (BCP) กำหนดปรับยุทธศาสตร์บริษัท เร่งปรับโครงสร้างการเงิน หาแหล่งเงินกู้ใหม่ รีไฟแนนซ์หนี้เดิม เพื่อลดภาระดอกเบี้ย มั่นใจหลังปรับโครงสร้างเสร็จ ลดสัดส่วนหนี้ต่อทุนเหลือ 2.2 เท่า จาก 4.36 เท่าปัจจุบัน ภายใน 5-6 เดือนข้างหน้า รมว.พลังงานยันรัฐไม่ปล่อยให้บริษัทล้มแน่ เพราะจะทำให้ต้องรับภาระหนี้สินถึง 1.4 หมื่นล้านบาท จากสัดส่วนถือหุ้นที่คลังมีอยู่ 58% ด้านการปรับโครงสร้างธุรกิจและการจัดการ ให้ บางจากฯ จับมือ ปตท. และโรงกลั่นน้ำมันไทยออยล์ ร่วมกันใช้ทรัพย์สินบางส่วน ใช้กำลังผลิต ร่วมกัน ในการกลั่นน้ำมัน

นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงพลังงาน เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายรัฐวิสาหกิจ (กนร.) เพื่อแก้ปัญหาดำเนินงานบริษัท บางจาก ปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) วานนี้ (2 มิ.ย.) ว่า กนร. ได้รับรายงานผลการศึกษา จากคณะทำงานปรับโครงสร้าง และแก้ปัญหาธุรกิจ บริษัท บางจากฯ ที่นายชัยอนันต์ สมุทวณิช เป็นประธาน

เสนอทางแก้ 3 แนว

คณะทำงานฯ ดังกล่าวเสนอแนว ทางว่า บริษัท บางจากฯ ต้องปรับยุทธ-ศาสตร์ใหม่ ประกอบด้วย การปรับโครง สร้างการเงิน ปรับโครงสร้างธุรกิจ และปรับโครงสร้างการจัดการ

ส่วนการปรับโครงสร้างการเงิน จะจัดหาเครื่องมือการเงินใหม่ ปรับโครง สร้างทุน โดยหาแหล่งเงินใหม่เพิ่มเติม ขณะนี้ มีสถาบันการเงินที่เสนอตัวพร้อม ช่วยเหลือแล้ว 2-3 แห่ง ซึ่งเป็นได้ที่อาจ ให้สถาบันการเงินร่วมถือหุ้น หรือร่วมมือ ทางการเงินรูปแบบอื่น

นอกจากนั้น จะเร่งรีไฟแนนซ์หนี้บางจากฯ ที่มีอยู่เดิม 2 หมื่นล้านบาท เพื่อลดภาระดอก เบี้ยจ่าย ซึ่งเขาเชื่อว่า หากปรับโครงสร้างการเงินเรียบร้อยแล้ว จะทำให้บริษัทสามารถลดสัด ส่วนหนี้สินต่อทุนได้ จากปัจจุบัน 4.36 เท่า เหลือ 2.2 เท่า ภายใน 5-6 เดือนข้างหน้า กำไรก่อนหักค่าเสื่อมและดอกเบี้ยต่อสัดส่วนทุน จาก 1.24 เท่า เพิ่มเป็น 2.8 เท่า และระยะเวลาชำระดอกเบี้ยต่อรายได้ จะลดลงจาก 12 ปี เหลือ 7.7 ปี

หากปล่อยล้มรัฐรับหนี้อ่วม

มีการพิจารณาแล้วว่า หากรัฐปล่อยให้บริษัทล้ม จะทำให้ต้องรับภาระหนี้สินที่มีอยู่ถึง 1.4 หมื่นล้านบาท จากสัดส่วนการถือหุ้นที่กระทรวงการคลังมีอยู่ 58% ซึ่งรัฐบาลไม่ต้อง การใช้วิธีนี้ เพราะตอนนี้ เมื่อพิจารณาจากการ ประกอบการของบริษัทแล้ว มีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดยเฉพาะ EBITDA หรือกำไรก่อนหักค่าเสื่อมช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เป็นบวกมาตลอด คาดว่าหลังจากนี้ ก็จะเป็นบวกต่อเนื่อง อีกทั้ง ผลประกอบการก็คาดว่าจะดีขึ้น เพราะฉะนั้น เมื่อแนวโน้มของบริษัทดี ก็สามารถที่จะนำผลประกอบการที่มีอยู่ ไปค้ำเพื่อกู้เงินจากสถาบันการเงินได้ น.พ.พรหมินทร์กล่าว

อย่างไรก็ตาม การปรับโครงสร้างการเงินบางจากฯ จะต้องไม่เพิ่มภาระการค้ำประกันให้ กระทรวงการคลัง ซึ่งขณะนี้ มีภาระค้ำประกันอยู่แล้ว 8.1 พันล้านบาท เนื่องจากไม่ต้อง การรับภาระค้ำประกันเงินกู้ให้บางจากฯ เพิ่มเติม อีก เพราะเห็นว่ามีแนวทางเหมาะสมทางอื่นได้อีก

บางจาก-ปตท.-ไทยออยล์ร่วมใช้ทรัพย์สิน

สำหรับการปรับโครงสร้างทางธุรกิจและการ จัดการ ให้บริษัท บางจาก ร่วมกับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และโรงกลั่นน้ำมันไทยออยล์ โดยร่วมกันใช้ทรัพย์สินบางส่วน ใช้กำลังผลิตร่วมกัน ในการกลั่นน้ำมัน

โดยทั้ง 3 บริษัทสามารถป้อนการผลิต และวัตถุดิบที่มีอยู่ ร่วมกันได้ เพื่อสร้างผลิต ผลที่ดีให้ทุกฝ่าย โดยกระทรวงการคลัง ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ จะประสานงานเรื่องดังกล่าว

มั่นใจว่าตามแนวทางนี้ เมื่อมีการปรับยุทธ-ศาสตร์ทั้งหมดได้แล้ว จะสามารถทำให้บางจากฯ อยู่ต่อไปได้ อีกทั้งในอนาคต ยังเป็นผลดีต่อผู้ถือหุ้น เพราะเชื่อมั่นว่า เมื่อแนวโน้มธุรกิจดี ราคาหุ้นก็จะปรับตัวขึ้นมาเอง

"ซึ่งแนวทางทั้งหมดนี้ คณะกรรมการ กนร. ได้ให้กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยว ข้อง กลับไปศึกษาภายใน 2 สัปดาห์จากนี้ หลัง จากนั้น เมื่อเสร็จเรียบร้อย ก็จะเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป" รัฐมนตรีพลังงานกล่าว

ทางด้านนายณรงค์ บุญยสงวน กรรมการผู้จัดการ บริษัท บางจากฯ กล่าวว่า ขณะนี้ บริษัทมีภาระดอกเบี้ยจ่ายสูงมากถึง 1.2-1.3 พันล้านบาทต่อปี เพราะฉะนั้น หากรัฐบาลช่วย เหลือปรับโครงสร้างหนี้ จะทำให้ภาระดอกเบี้ยจ่ายบริษัทลดลงได้

ล่าสุดเดือนนี้ บริษัทยังมีหนี้ที่ครบกำหนดชำระ 3.6 พันล้านบาท ซึ่งเป็นหนี้จากสถาบันการเงินในประเทศ

แหล่งข่าวทำเนียบรัฐบาลกล่าวว่า การปรับโครงสร้างธุรกิจบางจากฯ บริษัทต้องแยกธุรกิจการตลาดจากโรงกลั่นน้ำมัน และแนวโน้ม ทำธุรกิจจากนี้ไป ต้องร่วมมือกับ ปตท. และไทยออยล์ อย่างใกล้ชิด ส่วนเรื่องเงินทุน ยืน ยันว่าจะไม่มีการใส่เงินเพิ่ม แต่เป็นไปได้ ที่จะมี แผนระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์เพิ่มเติมแทน



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.