กลุ่มยนตรกิจ กับรถมือสองที่ไม่ใช่เรื่องของมือใหม่


นิตยสารผู้จัดการ( กุมภาพันธ์ 2539)



กลับสู่หน้าหลัก

แม้สถานการณ์ของบีเอ็มดับบลิวในเมืองไทย จะดูถดถอยเต็มทีแต่ก็ใช่ว่าบีเอ็มดับบลิวจะหมดโอกาสเทียบเคียงเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในตลาดเมืองไทยอีกแล้ว กลับตรงกันข้าม

บีเอ็มดับบลิว มียอดจำหน่ายในปีล่าสุด เพียง 4,836 คันเท่านั้น และไม่ต้องพูดถึงว่าอัตราเติบโตมีเท่าไร

ในปี 2536 กลุ่มยนตรกิจ จำหน่าย บีเอ็มดับบลิวได้ 6,340 คัน และปี 2537 จำหน่ายได้ 7,045คัน

ขณะที่คู่ขับเคี่ยวสำคัญ คือ เมอร์เซเดส-เบนซ์ โดยบริษัท ธนบุรีประกอบรถยนต์ ยังคงยอดจำหน่ายเกินหนึ่งหมื่นคันต่อปีไว้ได้ มาโดยตลอดนับจากปี 2535 เรื่อยมา

ที่สำคัญปี 2538 เมอร์เชเดส-เบนซ์ มียอดจำหน่ายถึงประมาณ 14,000 คัน นับเป็นยอดจำหน่ายที่สูงมากสำหรับรถยนต์ในตลาดหรูหราเช่นนี้

หลังเปิดเสรีรถยนต์เรื่อยมา บีเอ็มดับบลิวดูจะถดถอยลงเป็นลำดับเมื่อเทียบกับความเติบใหญ่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นบีเอ็มดับบลิวมียอดจำหน่ายอยู่ในแนวหน้าของตลาดรถยนต์หรูหรา ส่วนเมอร์เซเดส-เบนซ์ แม้ว่าภาพพจน์ชื่อเสียงจะเป็นที่ติดตาติดใจคนไทย แต่ยอดจำหน่ายแต่ละปีมีไม่มากนัก เพราะข้อจำกัดในด้านซีรีส์รถที่มีน้อยเกินไป

ความเพลี้ยงพล้ำที่เกิดขึ้น ในช่วง 3-4 ปีที่ ผ่านมา กลุ่มยนตรกิจ ก็รับทราบถึงปัญหาและพยายามแก้ไขสถานการณ์มาตลอด ไม่ว่าจะเป็นการปรับโครงสร้างองค์กร การบริหารงาน ปรับกลยุทธ์การทำตลาด ให้ทันกับสถานการณ์

ในหลายยุทธวิธี มีอยู่ประการหนึ่งที่น่าสนใจ และถ้ากลุ่มยนตรกิจ สามารถกระทำได้สำเร็จและสม่ำเสมอระยะยาวแล้ว เชื่อว่าการกลับมาเทียบเคียงหรือบดบังรัศมีเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในอนาคต น่าจะเกิดขึ้นได้

บุญฤทธิ์ ผ่องเมฆินทร์ ดูแลฝ่ายการตลาดของบีเอ็มดับบลิว ในไทยกล่าวว่า ในราวกลางปี(2539) ทางบริษัทจะเปิดศูนย์จำหน่ายรถยนต์บีเอ็มดับบลิวมือสองขึ้นที่ถนนรัชดาภิเษกและสุขุมวิท 87 เพื่อรักษามาตรฐานราคาของรถยนต์บีเอ็มดับบลิวไว้ เนื่องจากที่ผ่านมาการซื้อขายรถยนต์บีเอ็มดับบลิวมือสองมีระดับราคาต่ำกว่าความเป็นจริงของสภาพการใช้งาน

"ที่เราพูดเช่นนี้เพราะผู้ที่ต้องการจะขายรถบีเอ็มดับบลิวเพื่อเปลี่ยนเป็นรถใหม่ถูกเต็นท์รถกดราคามากกว่าควรจะเป็น เพราะมีช่องว่าของกำไรมาเกี่ยวข้อง"

ราคาขายรถเก่านับเป็นปัจจัยประกอบด้านหนึ่งที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อรถของลูกค้าแต่ละค่ายรถยนต์ และความล้มเหลวของรถยนต์หลายยี่ห้อในตลาดเมืองไทยที่มาจากสาเหตุนี้ก็มีตัวอย่างให้เห็น หนึ่งในจำนวนนั้นก็เป็นรถยยนต์ทีอยู่ในค่ายยนตรกิจเอง

ซีตรองคือตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด

มาถึงบีเอ็มดับบลิว รถยนต์ตัวหลักของกลุ่มยนตรกิจ เมื่อแนวโน้มเรื่องราคามือสองตกต่ำลง จึงต้องเร่งรีบแก้ไขสถานการณ์ก่อนที่จะสายเกินไป

การดันราคารถยนต์เก่าบีเอ็มดับบลิว โดยกลุ่มยนตรกิจจะลงมารับซื้อด้วยตัวเอง จึงเป็นทางออกที่เหมาะสมแม้จะต้องลงทุนเข้ามามากพอสมควร แต่ก็ยังนับว่าน่าจะคุ้มค่า

ดูจากแผนงานที่วางไว้ ทางกลุ่มยนตรกิจคงไม่ได้หวังเพียงเสนอทางเลือกให้ผู้ใช้รถยนต์บีเอ็มดับบลิวมีทางออกที่ดีเมื่อต้องการขายรถเท่านั้น

บุญฤทธิ์ กล่าวว่า รถยนต์บีเอ็มดับบลิวมือสองที่กลุ่มยนตรกิจรับซื้อไว้ และนำออกจำหน่ายจะรับประกันอายุการใช้งาน 6 เดือนถึง 1 ปี

การรับประกันประกอบกับแนวนโยบายที่ต้องการพยุงราคาบีเอ็มดับบลิวมือสอง อย่างเป็นจริงเป็นจังน่าจะทำให้ความเชื่อมั่นของลูกค้ารถยนต์มือสองบีเอ็มดับบลิวมีอยู่มากและความน่าเชื่อถือจะสะท้อนกว้างออกไป ไม่เฉพาะรถเก่าบีเอ็มดับบลิว แต่จะส่งผลต่อภาพพจน์ของบีเอ็มดับบลิวโดยรวมทีเดียว

เมื่อซื้อรถยนต์บีเอ็มดับบลิวจะสามารถจำหน่ายได้ในราคาที่เหมาะสมเมื่อต้องการเปลี่ยนรถ

ในส่วนของผู้ซื้อรถยนต์มือสองบีเอ็มดับบลิวก็จะได้ราคาที่แทบไม่มีส่วนต่างของกำไรมาเกี่ยวข้อง ขณะที่ได้รถยนต์คุณภาพเหมาะสมไปใช้ หมดกังวลเรื่องปัญหาการย้อมแมวไปได้ระดับหนึ่ง

การปูรากฐานของตลาดเช่นนี้ นับได้ว่าบีเอ็มดับบลิวกำลังเริ่มต้นครั้งใหม่ในตลาดแมืองไทยก็ว่าได้และที่สำคัญเป็นการเริ่มต้นที่รอบคอบ มั่นคงด้วยพื้นฐานที่แน่น

การเริ่มต้นเช่นนี้ ถ้าทุกอย่างกระทำอย่างต่อเนื่อง ระยะยาว เชื่อได้ว่า ภาพพจน์ของบีเอ็มดับบลิวในตลาดเมืองไทย จะไม่ด้อยไปกว่ารถยนต์ยี่ห้อใด

ขึ้นอยู่กับว่ากลุ่มยนตรกิจจะบริหารเงินทุนที่ลงมาครั้งนี้ได้อย่างรัดกุมเพียงใด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของต้นทุนดอกเบี้ย เงินที่ต้องจมลงไป การค้างสต๊อก ถ้าสามารถคุมในประเด็นเหล่านี้ไม่ให้ขาดทุนมากนักหรือถ้าสามารถสร้างกำไรได้บ้างก็นับว่าโครงการนี้ประสบความสำเร็จอย่างสูง

วิทิต ลีนุตพงษ์ กรรมการบริหารกลุ่มยนตรกิจ กล่าวถึงทิศทางของบีเอ็มดับบลิว ไว้อย่างน่าฟังว่า 5-10 ปีข้างหน้า บีเอ็มดับบลิวจะขึ้นเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์หรูหราเมืองไทยอีกครั้ง

"ไม่อยากให้มองอะไรกันในระยะสั้นๆ ต้องมองกันยาวๆ"

วิทิต ตั้งความหวังว่า จากการปรับเปลี่ยนในหลายเรื่องช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา จะเริ่มเห็นภาพชัดเจนก็ต่อเมื่อ 4-5 ปีข้างหน้า ด้วยนโยบายหลักที่นำมายึดถือตอนนี้ "น้ำซึมบ่อทราย"

การที่บีเอ็มดับบลิวจะผงาดขึ้นมาอีกครั้งในเมืองไทย ได้หรือไม่นั้น คงต้องถามเมอร์เซเดส-เบนซ์ ว่าจะยินยอมด้วยหรือไม่

มองการปรับเปลี่ยนแนวทางของฝ่ายบีเอ็มดับบลิว ที่กลับมาเน้นการสร้างฐานเปรียบเทียบกับการรุกแบบก้าวกระโดดของเมอร์เซเดส-เบนซ์ในช่วง 3-4 ปีมานี้ ยังไม่อาจบอกได้ว่า ใครจะเป็นอย่างไร

แต่ ณ วันนี้ ตลาดเมอร์เซเดส-เบนซ์นับว่าเติบโตอย่างมาก จากปีละไม่กี่พันคันเพิ่มทันทีมากกว่าหมื่นคันต่อปี แต่ภายใต้การทำตลาดที่รุกเร็วเช่นนี้สถิติการขายเมอร์เซเดส-เบนซ์เข้าสู่ตลาดรถเก่าหรือในส่วนของรถยึด ก็มีมากตามไปด้วยและอย่างน่ากลัวทีเดียว

สถานการณ์เช่นนี้ อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เมอร์เซเดส-เบนซ์ ล้นตลาดมือสอง ตรงนี้น่าสนใจว่า จะถึงขั้นทำให้ราคามือสองเมอร์เซเดส-เบนซ์ ตกต่ำลงและภาพพจน์ความเป็นเมอร์เซเดส-เบนซ์ จางหายไป ได้หรือไม่

ถ้าเมอร์เซเดส-เบนซ์ ปล่อยตัว จนเข้ามาสู่วังวนที่ว่านั้น

ก็เท่ากับ เร่งแผนงานของบีเอ็มดับบลิว ให้สำเร็จได้เร็ววันขึ้น



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.