อินเด็กซ์ฯร่วมทุนดีซิกซ์ตี้ทรีเท40ล้านบาทผุดโรงงานใหม่


ผู้จัดการรายวัน(30 มกราคม 2551)



กลับสู่หน้าหลัก

อินเด็กซ์ ชี้ปีหนูธุรกิจอีเวนต์ 6,500 ล้านบาท โตพรวด 10% รับอานิสงส์รัฐบาลชุดใหม่เทงบทำอีเวนต์โปรโมตผลงาน ภาคเอกชนเชื่อมั่นเศรษฐกิจอัดฉีดงบทำอีเวนต์ ดอดร่วมทุนบริษัท ดี – 63 ขยายธุรกิจเกี่ยวเนื่องยันงานออกแบบและก่อสร้างหนุนธุรกิจหลัก เท 40 ล้านบาท ผุดโรงงานใหม่ สิ้นปีรายได้โต 50% กวาด 120 ล้านบาท ส่วนอินเด็กซ์ กรุ๊ป โต 10%

นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเด็กซ์ อีเวนท์ เอเจนซี่ จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจอีเวนต์ เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจอีเวนต์ มูลค่า 6,500 ล้านบาท ในปีนี้คาดว่ามีอัตราการเติบโต 10% ทั้งนี้เพราะมีปัจจัยบวกจากการที่ประเทศไทยมีรัฐบาลจากการเลือกตั้งเข้ามาบริหารประเทศ และคาดว่ารัฐบาลจะใช้เม็ดเงินในการทำอีเวนต์ต่างๆ เพื่อสร้างการรับรู้ให้กับประชาชน ขณะเดียวกันภาคเอกชนเกิดความมั่นใจและใช้งบในการทำอีเวนต์มากขึ้นเช่นกัน เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาธุรกิจอีเวนต์ไม่มีอัตราการเติบโต โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทขนาดกลางมีปัญหาการบริหารต้นทุนเป็นจำนวนมาก

ล่าสุดบริษัทฯได้ร่วมทุนกับบริษัท ดี ซิกซ์ตี้ ทรี จำกัด (ดี-63) ผู้ดำเนินธุรกิจด้านการออกแบบและงานก่อสร้างธุรกิจงานแสดงสินค้า กิจกรรมการตลาด และบันเทิง โดยถือหุ้นสัดส่วน 50:50 หรือลงทุนประมาณ 15 ล้านบาท ทั้งนี้การร่วมทุนที่เกิดขึ้นโนว์ฮาว ของบริษัท ดี – 63 และบริษัทต่างๆในเครืออินเด็กซ์ กรุ๊ปจะส่งเสริมกับให้เกิดการทำงานที่ดียิ่งขึ้น และเสริมสร้างประสิทธิภาพธุรกิจหลักให้มีความแตกต่างจากบริษัทมากยิ่งขึ้น จากปัจจุบันบริษัทฯได้เข้าไปร่วมทุนกับธุรกิจเกี่ยวเนื่องร่วม 10 บริษัทแล้ว

นายเกรียงไกร กล่าวว่า ปกติงานอีเวนต์ต้องใช้งบก่อสร้างหรือองค์ประกอบต่างๆ ครบวงจรค่อนข้างสูง แต่การร่วมทุนกับบริษัท ดี -63 จะช่วยลดต้นทุนได้ ล่าสุดได้ทุ่มงบลงทุน 40 ล้านบาท สร้างโรงงานผลิตแห่งใหม่บริเวณลาดพร้าว 107 และโยกการผลิตจากโรงงานเดิมมาไว้ที่เดียวกัน โดยคาดว่าโรงงานแห่งใหม่แล้วเสร็จในกลางปีนี้ สำหรับโครงสร้างธุรกิจของบริษัทดี – 63 แบ่ง เป็นงานแสดงสินค้า งานอีเวนต์ บันเทิง มีสัดส่วนรายได้ใกล้เคียงกัน โดยในแต่ละปีอีเวนต์มาใช้บริการมากกว่า 200 งาน ซึ่งจะเป็นลักษณะของการรูปแบบการผลิต 90% และเช่า 10%

ทั้งนี้บริษัทฯยังวางแผนที่เข้าร่วมทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีความซับซ้อน จึงต้องมีเครื่องมือที่สามารถเข้าถึงได้อย่างแยบยลและสร้างความพึงพอใจ เพื่อให้ธุรกิจของอินเด็กซ์ กรุ๊ปเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับเป็นบริษัทธุรกิจอีเวนต์อันดับ 1 ของ ประเทศไทยที่มีคุณภาพ และจากการร่วมทุนกับบริษัทดี-63 คาดว่าผลประกอบการสิ้นปีนี้เติบโต 50% หรือมีรายได้ 120 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมามีรายได้ 80 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมของอินเด็กซ์ กรุ๊ป เติบโต 10%


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.