เพียงชื่อธวัช อังสุวรังษีก็ทำให้หลายคนในสมาคมบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมหนาว
เพราะผู้บริหารหนุ่มสมองร้อนอย่างธวัชเชื่อมั่นในตัวเองสูงจนคนหมั่นไส้ และกล้าทำสิ่งที่แตกต่างกว่าจนคนลือทั้งยุทธจักร
เช่น เป็นคนแรกที่จัดตั้ง"กองทุนเปิด"บัวหลวง โดยปรัชญาบริหารแบบคนรุ่นใหม่ที่ชอบการแข่งขันแบบแฟร์เกม
เร้าใจด้วยการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ เช่น จุดขายหน่วยกองทุนผ่านเอทีเอ็มคนแรกและคนเดียวซึ่งธวัชภูมิใจที่ทุกวันนี้ยังไม่มีคู่แข่งขันรายใดจะไล่ตามทัน
"กองทุนเปิดบัวแก้ว" เป็นความแปลกแยกที่แตกต่าง ณ จุดเริ่มต้นขณะที่บลจ.คู่แข่ง
7 รายล้วนแล้วแต่ทำกองทุนปิดแต่ในที่สุดกองทุนเปิดเป็นที่นิยม เพราะซื้อง่ายขายคล่องและให้กำไรจากส่วนต่างของราคา
ขณะที่กองทุนปิดต้องครบตามกำหนด 3-5 ปี แล้วรอรับเงินปันผล นอกจากนี้บลจ.บัวหลวงไม่เก็บค่าธรรมเนียมขาย
ขณะที่คู่แข่งหักค่าธรรมเนียมขาย ยิ่งกองทุนปิด ลูกค้าจะต้องถูกหัก 0.3%
ทีเดียว ในที่สุดคู่แข่งทุกคนก็ต้องกลายพันธุ์ผสมหรือเปลี่ยนทิศทางตลาดหรือเปลี่ยนทิศสู่กองทุนเปิดกันเป็นแถว
ถึงเวลานี้ธวัชก็ยิ้มในฐานะแชมป์บริหารกองทุนรวมแห่งปี
10 กองทุนรวมที่บลจ.บัวหลวงตั้งระหว่างเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2536 สองกองทุนที่ให้ผลตอบแทนรวมเพิ่มขึ้น
ได้แก่กองทุนเปิดบัวแก้วให้มากที่สุดถึง 29% และบัวขวัญให้ 20.74% ขณะที่กองทุนปิดของคู่แข่งต่างมีผลตอบแทนขาดทุนกำไรขาดทุนมากหรือน้อยทั้งนี้เพราะกองทุนต่างๆ
ติดหุ้นในกลุ่มไฟแนนซ์และพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หนัก ขณะที่บางกองทุนถือหุ้นทีพีไอโพลีนซึ่งราคาปรับตัวลงมากก็ทำให้พอร์ตบางกองทุนขาดทุนหนัก
ใช่ว่าธวัชจะไม่มีกองทุนขาดทุนกองทุนที่ขาดทุนมากที่สุดในกลุ่มกองทุนรวมของทุกแห่งที่จัดตั้งระหว่าง
สิงหาคม-ธันวาคม 2537 ก็คือกองทุนบัวหลวงธนคมนั่นเอง ขาดทุน ประมาณ 11.21%
ขณะที่กองทุนบัวหลวงโครงสร้างขาดทุน 4.83% เหตุผลขาดทุนย่อมอ้างภาวะตกต่ำของตลาดหุ้นที่ปรับตัวลดลง
12% แต่งานนี้ลูกค้าที่ถือหน่วยลงทุนก็กล้ำกลืนรอจังหวะ
พยัคฆ์หนุ่มลำพองอย่างธวัชที่มีความรู้ระดับปริญญาเอกด้านวิศวกรรมเครื่องกลจากมหาวิทยาลัยชั้นเยี่ยม
CALTECH (CALIFORNIA INSTITUTE OF TECHNOLOGY) แต่มาประสบความสำเร็จในฐานะ
THE BEST FUND MANAGER OF THE YEAR มืออาชีพที่บริหารกองทุนรวมบัวหลวงมูลค่าสองหมื่นล้านบาท
รักการอ่านหนังสือมากที่สุด ชอบเล่นกอล์ฟ สะสมภาพเขียนและมีจิตวิญญาณของนักวิชาการอยู่สูงในมาดผู้บริหารกองทุนผู้ปราดเปรื่องที่พูดเร็วและคิดเร็ว
"ผมไม่ใช่นักธุรกิจแต่คล้ายๆ นักวิชาการมากกว่า ผมอยากให้เข้าใจว่า
ผมไม่มีแรงทะเยอทะยานอยากจะไปบริหารสมาคม แต่ผมก็ไม่ต้องการให้เขาเอาสมาคมมาปิดปากผม
ไม่ว่าจะเรื่องประเมินผลหรือการให้ข่าวที่ต้องผ่านสมาคมอย่างเดียว หรือการตัดสินใจแบบพวกมากลากไปไม่เข้ามาตรฐานโลกก็ไม่ใช่สิ่งถูกต้อง
ระยะหลังๆ นี้ผมเบื่อความไม่จริงใจ" นี่คือความอึดอัดใจของธวัช
ถึงกระนั้น สามปีที่บริหารกองทุนรวมบัวหลวงธวัชสร้างผลงานชิ้นโบวแดงที่เข้าตากรรมการ
โดยเฉพาะบิ๊กบอส "โทนี่" ชาติศิริ โสภณพนิชที่สนับสนุนดาวรุ่งมาแรงคนนี้เต็มที่
โทนี่เคยบอกว่า "เรื่องอายุมากหรือน้อย ผมไม่มอง แต่สิ่งที่สำคัญคือ
ต้องมีคุณสมบัติที่เหมาะสม การตัดสินใจ ประสบการณ์ความรอบคอบ เหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญกว่า"
ธวัชจึงเป็น "มนุษย์ทองคำ" รุ่นใหม่ที่มีค่าท่ามกลางคนรุ่นเก่าผู้สร้างฐานธุรกิจ
แต่ความเด่นบางทีก็เป็นภัยหากไม่รู้จักรักษาระยะใกล้ไกลกับอำนาจ ธวัชจึงเก็บตัวเงียบๆแบบโลว์โปร์ไฟล์
เว้นแต่ถูกรุกรานจึงตอบโต้แบบป้องกันตัวเองที่วัดกันด้วยกึ๋น
ความที่ธวัชเป็น"คนหัวแข็ง"ซึ่งเป็นฉายาที่คนในสมาคม บลจ.ตั้งให้
เพราะเหตุไม่ซูฮกนายกสมาคม ก็ทำให้เป็นเรื่องที่ต่างฝ่ายต่างก็เบื่อเอือมระอาด้วยกันทั้งสองฝ่าย
ฝ่ายธวัชก็ยืนยันอย่างเชื่อมั่นในตัวเองว่า ที่ผ่านมาพิสูจน์ว่าตนเองเดินมาถูกทางและกวาดหน้าบ้านตนเองสะอาด
"ผมเป็นคนอย่างนี้มานานแล้วสมัยเรียนมศ.2 ที่สวนกุหลาบ ผมอ่านแคลคลูลัสและชอบนั่งทำ
โจทย์ฟิสิกส์ อาจารย์เห็นเข้าก็หมั่นไส้เพราะผมไม่ซูฮก จับผิดผมในห้องบ้าง
พอเขาตั้งคำถามยากๆ ผมก็ตอบได้เลยผมทอปวิชาคณิตศาสตร์ ในรุ่นผมไม่มีใครกินผม
ผมสอบเทียบเอนทรานซ์เข้าหมอได้ตอนมศ.4 และจบมศ.5 ได้ที่ 1 ของประเทศไทย แต่ผมไม่เรียนหมอแม้จะสอบเข้าได้
เพราะมันง่ายที่จะเดินตามคนอื่น แต่ผมชอบทำสิ่งที่แตกต่างแม้จะยากลำบากกว่าแต่ให้ผลเกินคุ้มแบบ
EXTRA RETURN ในบั้นปลาย เหมือนทำกองทุนเปิด เราคิดไปอีกด้านหนึ่ง"
ธวัชเล่าให้ฟังถึงอุปนิสัยขบถที่เชื่อมั่นตัวเอง
ตั้งแต่ยังแค่ตัวเล็กๆ ในฐานะMANAGEMENT TRAINEE ของปูนซิเมนต์ไทย ธวัชกล้าแย้งกับชุมพลในเรื่องสร้างระบบขนหินสู่โรงงานท่าหลวง
แต่ธวัชอยู่ที่นี่ได้เพียงสิบอาทิตย์ก็ลาออก ทั้งๆ ที่พารณจะเตรียมส่งเขาไปเรียนฮาร์วาร์ด
แต่ธวัชปฏิเสธ
หัวเลี้ยวหัวต่อชีวิตตรงนี้พิสูจน์ว่าเขาตัดสินใจถูกธวัชเข้าสู่แบงก์กรุงเทพ
ที่ซึ่งเป็นดินแดนอุดมด้วย เงินๆ ทองๆ และตัวเลขก่อนธวัชมาบริหารอกงทุนรวม
เขาเคยเป็น AVP ของฝ่ายธนบดีธนกิจ ซึ่งประสบการณ์ช่วงนี้เองที่เป็นคำตอบว่าทำไมธวัชไม่สนใจตื่นเต้นกับไพรเวตฟันต์
เพราะว่าประสบการณ์ตอนทำไพรเวตแบงกิ้งบอกเขาว่าไม่คุ้ม แต่เขาเตรียมลุยไปข้างหน้ากับงานที่รออนุมัติจากก.ล.ต.คือ
SECTORAL FUND ที่เจาะเฉพาะกลุ่ม และ ALLOCATION FUND ที่ย้ายการลงทุนได้
แต่จุดอ่อนของคนที่คิดว่าตัวเองเก่งมักจะไม่อดทนขี้เบื่อและคิดว่าคนอื่นไม่เข้าท่าเลอะเทอะ
ธวัชก็หนีไม่พ้นธรรมชาติข้อนี้ เพียงแต่ถ้าหากใครสักคนจะสามารถทำให้เขายอมรับนับถือได้
คนๆ นั้นก็น่าจะเป็นคนในตระกูลโสภณพนิช ดร.ประสาน ไตรรัตน์วรกุลและอีกคนคือบันเทิงตันติวิท
ประธานกรรมการ บงล.ธนชาติ คนที่ธวัชพูดได้เต็มปาก เต็มคำว่า "VERY SMART
GUY"
เหนือคนยังมีคน วันนี้ธวัชเป็นแชมป์บริหารกองทุนรวม แต่วันหน้าการแข่งขันที่มีผู้เล่นมากขึ้นอีก
6 บลจ.ใหม่ เพิ่มจากปัจจุบันที่มีอยู่ 8 บริษัทที่แตกตัวออกกองทุนปัจจุบันทั้งสิ้น
125 กองทุน ใครคือผู้ช่วงชิงเค้กส่วนแบ่งตลาดมูลค่าไม่ต่ำกว่า 2 แสนล้านบาทนี้
!!