ยศบวกสายทรัพย์สินฯฤา ภัทรประสิทธิ์ จะใหญ่ในแบงก์เอเชีย


นิตยสารผู้จัดการ( มกราคม 2532)



กลับสู่หน้าหลัก

วงการธุรกิจธนาคาร 2-3 ปีมานี้การปรับตัว หน้าตาในระดับกรรมการกันมาพอสมควร โดยเฉพาะแบงก์ขนาดกลางและเล็ก ดูจะมีการเคลื่อนไหวปรับตัวกันมากเป็นพิเศษกว่าแบงก์ขนาดใหญ่ๆ

แบงก์ศรีนคร ที่ว่ากันอย่างเชื่อมั่นว่า เป็นของเตชะไพบูลย์ก็ขยับขยายสัดส่วนที่นั่งในบอร์ดกรรมการให้กลุ่มอื่นเข้ามาแทนที่บ้าง อาทิ ซอ โสตถิกุล ยักษ์ ใหญ่ธุรกิจก่อสร้างและผงชูรสซึ่งเป็นกลุ่มแต้จิ๋ว เหมือนกัน

แบงก์เอเชียก็อีกแห่งหนึ่งที่เอื้อชูเกียรติ และภัทรประสิทธิ์ยืนยัดสัดส่วนที่นั่งบอร์ดไว้มากก็ต้องคลายตัวลงให้สายทรัพย์สินฯเข้ามาแทน

จรูญพันธ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา องคมนตรี พ่อจิรายุ ผู้อำนวยการทรัพย์สินฯ และจรัส ชูโต กรรมการปูนใหญ่และอดีตกรรมการแบงก์ชาติทั้ง 2 ท่านนี้อยู่ในบอร์ดแบงก์เอเชียที่ถูกคนในวงการวิเคราะห์ว่าเป็นตัวแทนของสายทรัพย์สินฯ ที่เข้าไปในแบงก์นี้

การปรับตัวในระดับบอร์ดของแบงก์เป็นเรื่องของหน้าตาหรือภาพพจน์และธุรกิจที่ผู้ใหญ่เหล่านี้มีสายสัมพันธ์อยู่ เป็นผลพลอยได้ที่ไหลเข้าแบงก์ได้โดยไม่ยากนัก

ตามข่าวรายงานว่า ยอกจากหม่อมจรูญพันธ์ และจรัสแล้วยังมีนันท์ กิจจาลักษณ์ อดีตผู้ช่วยผู้ว่าการแบงก์ชาติ ที่เกษียณออกมา หม่อมดิศนัดดา ดิศกุล และ ภิญโญ ธีรนิติ อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา ก็นั่งอยู่ในบอร์ดกรรมการด้วย "กรรมการท่านเหล่านี้ไม่ได้เข้ามาในฐานะผู้ถือหุ้น แต่เข้ามาในส่วนตัวที่ถูกเชื้อเชิญจากกรรมการท่านอื่น" จุลกร สิงหโกวินทร์ เจ้าหน้าที่บริหารระดับสูงในแบงก์เล่าให้ "ผู้จัดการ" ฟัง

การเชื้อเชิญกรรมการผู้ทรงเกียรติท่านเหล่านี้ แหล่งข่าวในวงการธนาคารให้ข้อมูลว่า ต้องให้เครดิตกับ ยศ เอื้อชูเกียรติลูกชายจรูญ เอื้อชูเกียรติ ประธานกรรมการแบงก์คนเก่าที่เปิดทางให้หม่อมจรูญพันธ์เข้าแทนที่เพราะยศรู้จักดีกับธารินทร์ นิมมานเหมินทร์ คนโตสุดในไทยพาณิชย์ การต่อสายกับหม่อมจิรายุ เพื่อให้ไปถึงพ่อ จึงไม่ยากเย็นนัก เมื่อผ่านทางธารินทร์

ส่วนกรรมการท่านอื่นๆ เป็นหน้าที่สิริลักษณ์ รัตนากร ที่ยศชวนเข้ามาเป็นที่ปรึกษาเพื่อวางงานด้านระบบบัญชีและการตรวจสอบที่เธอชำนาญการเอามากๆ

ว่ากันจริงๆ แล้ว การเปลี่ยนแปลงกรรมการในแบงก์มีเหตุผล 2 ประการ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งคือ เปลี่ยนเพราะกรรมการคนเก่าอยากเกษียณ หรือเพราะเป็นไปตามเงื่อนไขข้อตกลงกับแบงก์ชาติ

เป็นที่รู้กันว่า แบงก์เอเชียได้รับความช่วยเหลือจากแบงก์ชาติวงเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำอย่างมีเงื่อนไข จำนวน 1,000 ล้านบาทเพื่อนำรายได้ส่วนนี้ไปทยอยคิดยอดขาดทุนสะสมที่มีอยู่เป็นพันล้านบาท จากการที่ผู้บริหารชุดก่อนๆ สร้างกันมา

จนวันนี้ฐานะของแบงก์เอเชียเริ่มฟื้นตัวขึ้น แม้จะมีการลงทุนด้านสินทรัพย์ถาวรกันหลายร้อยล้านบาทเมื่อ 2 ปีก่อนจนเป็นที่รู้กันในวงการแบงก์เกอร์ว่า สามารถหารายได้และทำกำไรสุทธิได้ไม่ต่ำกว่า 150 ล้านบาทต่อปีเพื่อนำไปทยอยคิดยอดขายขาดทุนสะสม ผู้บริหารระดับสูงรวมทั้งกรรมการในแบงก์เองเห็นผลการประกอบการแล้ว ก็เชื่อมั่นกันว่าสิ้นปี 2535 จะสามารถลบล้างยอดขาดทุนสะสมได้หมด

ความจริงกลุ่มผู้ถือหุ้น และกรรมการในแบงก์เอง ก็หวานอมขมกลืนไม่น้อยที่ความหวังในสิ่งนี้จะต้องแลกมาด้วยการถูกระงับจ่ายเงินปันผลจากกำไรถึง 2 งวดบัญชีมาแล้ว และก็ไม่รู้ว่าในงวดบัญชีต่อๆ ไป ทางแบงก์ชาติจะยินยอมให้มีการจ่ายปันผลจากกำไรแก่ผู้ถือหุ้นได้หรือไม่เพราะเงื่อนไข SOFT LOANS ที่ว่า มันค้ำคออยู่

การสับเปลี่ยนตัวกรรมการจากบุคคลภายนอก โดยเฉพาะจากสายทรัพย์สินฯนับว่าเป็นความฉลาดของยศไม่น้อย เท่ากับยิงกระสุนนัดเดียวได้นกสองตัวคือ หนึ่ง-ยศรู้ว่ายิ่งนานวัน ความจำเป็นของฐานะเงินกองทุนแบงก์ต้องใหญ่ขึ้น นั่นหมายถึงการเพิ่มทุนต้องตามมา จังหวะขั้นตอนนี้เท่ากับเป็นเงื่อนไขให้ภัทรประสิทธิ์มีโอกาสซื้อหุ้นเก็บเข้ากระเป๋าได้เต็มที่ จนอาจเป็นอันตรายต่อสัดส่วนหุ้นของเอื้อชูเกียรติได้การที่ยศดึงคนนอกเข้ามา ก็เท่ากับช่วยคุ้มกันความเป็นไปได้ในเรื่องนี้ และสอง-การเข้ามาของกรรมการสายทรัพย์สินฯและนักบริหารมืออาชีพ ไม่ว่าจะเป็นจรัส ชูโต ก็ดี หรืออัศวิน คงสิริจากบรรษัทเงินทุนฯก็ดี กรรมการเหล่านี้มีประสบการณ์และสายสัมพันธ์กับสถาบันธุรกิจอื่นๆ กว้างขวาง เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจของแบงก์มากว่าโทษ

"อย่างน้อยทางแบงก์ชาติก็สบายใจที่เงื่อนไข SOFT LOANS คงไม่มีปัญหาอะไร เพราะทางผู้บริหารแบงก์เอเชียคงต้องพยายามบริหารธุรกิจนี้ให้ได้ตามเป้าหมายของแผนที่ตกลงไว้กับแบงก์ชาติ" แบงก์เกอร์ระดับกรรมการบริหารท่าหนึ่งให้ความเห็นกับ "ผู้จัดการ"

ว่ากันจริงๆ แล้วผลจากการสับเปลี่ยนกรรมการครั้งนี้ทางฝ่ายยศ และคนในตรักูล เอื้อชูเกียรติ ซึ่งใจกว้างพอที่จะเปิดทางให้คนข้างนอก ดูจะสบายใจมากกว่าทุกข์ใจ แม้จะดูอึดอัดบ้าง เพราะมีคนมาคุมอีกทีก็ตามแต่นั่นก็หมายถึงจุดหมายปลายทางของยศมิใช่หรือที่ต้องการให้แบงก์นี้บรรลุเป้าหมายแผนพัฒนา 5 ปีของธนาคารให้ได้

ซึ่งเมื่อถึงตรงนั้นได้ ก็หมายถึงความเป็น "ไท" ของแบงก์เอเชียเสียที ขณะเดียวกัน ยศและตระกูล "เอื้อชูเกียรติ" ก็อาจคุมแบงก์นี้ได้ต่อไป โดยมีคนในภัทรประสิทธิ์ เป็นมวยรองไป



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.