|
ส่องอนาคตทีอาร์ซีฯกับ3บทบาท ลุยธุรกิจใหม่เสริมรายได้รับเหมา
ผู้จัดการรายสัปดาห์(21 มกราคม 2551)
กลับสู่หน้าหลัก
จับตารับเหมาดาวรุ่งดวงใหม่ทีอาร์ซี สวม 3 บทบาท ผู้รับเหมา-ผู้บริหารโครงการ-ดีเวลลอปเปอร์ ตั้งเป้าดันรายได้ปี 51 โต 55% ปรับกลยุทธ์มุ่งรับงานเทิร์นคีย์-เป็นดีเวลลอปเปอร์รักษากำไรเติบโต พร้อมจับมือพันธมิตรลุยงานต่างประเทศ เผยจุดยืนขอโดดเด่นในตลาดบลูโอเชี่ยนงานรับเหมาเฉพาะทาง
เมื่อมองภาพทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น แม้จะเป็นเพียงบริษัทขนาดเล็ก มีทุนจดทะเบียนเพียง 256.67 ล้านบาท แต่การเติบโตด้านรายได้อย่างก้าวกระโดดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาด MAI พร้อมกับจุดยืนธุรกิจที่แตกต่าง เน้นรับเหมางานเฉพาะด้านที่ต้องอาศัยเทคนิคสูง ได้แก่ งานวางระบบท่อก๊าซ งานก่อสร้างโรงไฟฟ้า และโรงงานปิโตรเคมี เป็นบลูโอเชี่ยนของตลาดรับเหมาก่อสร้างที่มีการแข่งขันระหว่างผู้รับเหมาไทยไม่สูงนักเมื่อเทียบกับงานก่อสร้างประเภทอื่น ก็ทำให้ทีอาร์ซีฯ เป็นดาวรุ่งที่วงการรับเหมาก่อสร้างต้องจับตา
การอิงไปกับธุรกิจประเภทพลังงานและปิโตรเคมีที่กำลังเติบโตอยู่ในขาขึ้น เป็นข้อได้เปรียบของทีอาร์ซีฯ ทำให้มีงานรับเหมาเข้ามาอย่างต่อเนื่อง หากงานมีขนาดใหญ่เกินตัว หรือเป็นงานในต่างประเทศทีอาร์ซีจะใช้วิธีจับมือพันธมิตร เพื่อสร้างเครดิตและความแข็งแกร่งในการเข้าไปรับงานดังกล่าว เช่น การจับมือกับบริษัท ไชน่า ปิโตรเลียม ไพพ์ไลน์ บูโร (CPP) บริษัทย่อยของไชน่า เนชั่นแนลปิโตรเลียม คอร์ปอเรชั่น (CNPC) ซึ่งเป็นกลุ่มพลังงานที่ใหญ่ที่สุดในจีน
อีกบทบาทใหม่ที่น่าจับตาของทีอาร์ซี คือ การสวมบทบาทเป็นตัวกลางระหว่างเจ้าของที่ดิน กับนักลงทุนต่างชาติ ในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษา และผู้บริหารงานก่อสร้างให้กับนักลงทุนจนจบโครงการ ภายใต้หน่วยงาน “Project Development & Investment” ซึ่งเพิ่งตั้งขึ้นใหม่ ภายหลังจากการควบรวมกิจการกับบริษัท สหการ วิศวกร จำกัด เพื่อดูแลงานด้านการพัฒนาโครงการโดยเฉพาะ โดยประเดิมด้วยโครงการรอยัล ราชดำริ อาคารสำนักงานเกรดเอสูง 50 ชั้น บนที่ดิน 6 ไร่ริม ถ.ราชดำริ ของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ในนามบริษัท ราชเพลิน จำกัด ซึ่งทีอาร์ซีถือหุ้นร่วมพันธมิตร คือ บริษัท ซีแลนด์ เบอร์ฮาด จำกัด ในสัดส่วน 60% และกลุ่มมณียา 30% โดยเป็นการใช้สิทธิเช่าที่ดินจากกลุ่มมณียา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับกองทุนอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่จากอเมริกาเพื่อขายยกโครงการ และจะมีความชัดเจนในอีก 1 เดือนข้างหน้า ทั้งนี้บริษัทฯ จะยังคงทำหน้าที่เป็นผู้บริหารงานก่อสร้างตลอดโครงการ
สมัย ลี้สกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีอัตรากำไรขั้นต้นประมาณ 30% สูงกว่าธุรกิจรับเหมา ซึ่งการรุกธุรกิจนี้ช่วยหนุนให้บริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาว นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมองหาที่ดินแปลงใหม่ในย่านซีบีดีที่จะพัฒนา และนำไปเสนอขายต่อในลงทุนในโมเดลเดียวกับโครงการรอยัล ราชดำริอีก 1 โครงการด้วย
แม้ว่าทีอาร์ซีฯ จะมีบริษัท สหการ วิศวกร จำกัด ที่มีประสบการณ์ด้านงานโยธาเป็นบริษัทลูก แต่ทีอาร์ซีฯ ก็ยังวางตัวเป็นเพียงผู้บริหารโครงการ และให้ผู้รับเหมารายใหญ่ที่มีประสบการณ์ด้านงานโยธามารับงานแทน เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับเจ้าของโครงการ โดยที่ไม่ได้ตั้งเป้าที่จะผลักให้บริษัทนี้เติบโตเป็นยักษ์ใหญ่ทางด้านงานโยธา หรือเพื่อรองรับโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่บริษัทจะพัฒนาเอง เนื่องจากบริษัทนี้ยังไม่มีประวัติการรับงานที่มากพอ และไม่อยากเข้าไปในตลาดงานที่มีการแข่งขันสูง แต่สมัยตั้งเป้าเพียงว่า จะต้องมีรายได้ต่อเนื่องปีละ 200 ล้านบาท ในช่วง 3 ปีแรก แต่ในอนาคตจะมีทิศทางเป็นอย่างไร ต้องรอดูอีกครั้ง
ปีนี้ทีอาร์ซีตั้งเป้ารายได้ 2,400 ล้านบาท เติบโตจากปีที่แล้ว 55% โดยมีการปรับตัวเพื่อรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเน้นรับงานเทิร์นคีย์เป็นหลัก ซึ่งจะสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้ด้วยตนเอง พร้อมกับจับมือพันธมิตรรุกรับงานในต่างประเทศ เช่น ตะวันออกกลาง แอฟริกา ลาว กัมพูชา เวียดนาม พม่า ส่วนในระยะยาวของทีอาร์ซี สมัยวางไว้ว่า จะต้องเร่งพัฒนาตัวเองให้ทันกระแสโลก ด้วยการเน้นเข้าไปในตลาดงานที่มีเทคโนโลยีสูง มีการแข่งขันต่ำ
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|