|
ถึงเวลา"โน้ตบุ๊ก"โกยรอบใหม่ ใครไม่แน่จริงถูกดีดตกขบวน
ผู้จัดการรายสัปดาห์(14 มกราคม 2551)
กลับสู่หน้าหลัก
- ตลาด "โน้ตบุ๊ก" ปี 2551 ยุคเฟื่องฟูค่ายคอมพิวเตอร์โกยยอดขายรอบใหม่
- ถึงเวลาใครไม่แน่จริงถูกเตะสกัดตกขบวนไม่ได้ใจลูกค้าเปลี่ยนเครื่อง ลามลูกค้าใหม่
- จับตาสองขั้วอำนาจใหญ่สุด เอเซอร์-เอชพี สร้างวาไรตี้โปรดักส์ เจาะทุกเซกเมนต์
- ปิดทางผู้ค้ารายอื่นจนแต้มดิ้นเจาะบางตลาดทดแทน
- พร้อมการเกิดตลาดใหม่ "โลว์คอสต์โน้ตบุ๊ก" ดูดเงินผู้เริ่มต้นใช้โน้ตบุ๊ก
ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา เป็นช่วงที่ตลาดคอมพิวเตอร์พกพา หรือโน้ตบุ๊ก เติบโตขึ้นอย่างมาก บรรดาผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ต่างพาเหรดสินค้าเข้าสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก มีการแข่งขันกันทั้งทางด้านราคา ดีไซน์ ความล้ำสมัยของเทคโนโลยี เพื่อเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้บริโภคคนไทย
อย่างไรก็ตามความร้อนแรงของความต้องการใช้งานโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ ยังไม่มีทีท่าว่าจะชะลอตัวลงแต่อย่างไร แต่กลับจะยิ่งทวีเพิ่มมากขึ้นในปี 2551 นี้ โดยมีการคาดการณ์ว่าตลาดโน้ตบุ๊กไทยในปีนี้น่าจะมีการเติบโตที่สูงถึง 30-35% มากกว่าการเติบโตของตลาดเครื่องคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะหรือเดสก์ทอปค่อนข้างมาก
ปัจจัยที่ทำให้ตลาดโน้ตบุ๊กมีการเติบโตอย่างมากในปีนี้ เป็นผลจากความต้องการของผู้ที่ใช้งานอยู่แล้วต้องการมีเครื่องโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่เป็นเครื่อง 2 และ 3 เพื่อรองรับการใช้งาน ที่สำคัญผู้ใช้ที่ซื้อโน้ตบุ๊กในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา จะมีการเปลี่ยนโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ เพื่อทดแทนโน้ตบุ๊กตัวเก่า นอกจากนี้การที่ผู้ผลิตโน้ตบุ๊กได้มีการเพิ่มฟีเจอร์ที่หลากหลายกว่าเดิม รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีของอินเทล และซอฟต์แวร์รุ่นใหม่ๆ จากไมโครซอฟท์ ได้กลายเป็นตัวเร่งให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อโน้ตบุ๊กเครื่องใหม่
วาไรตี้โน้ตบุ๊กจุดขายเจ้าตลาด
หากมองถึงตลาดโน้ตบุ๊กในขณะนี้ เป็นที่ยอมรับว่า "เอเซอร์" ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์สัญชาติไต้หวันสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดในตลาดคอนซูเมอร์ไทยได้มากที่สุด จึงเป็นที่น่าจับตาว่าความเคลื่อนไหวของค่ายนี้ย่อมมีผลต่อตลาดโน้ตบุ๊กไทยโดยรวม
"จุดขายโน้ตบุ๊กในปีนี้อยู่ที่การสร้างวาไรตี้ของโปรดักส์ให้ตอบสนองกับความต้องการของตลาดในทุกเซกเมนต์"
เป็นคำกล่าวของ นิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัดและว่า สิ่งที่จะเกิดขึ้นในตลาดโน้ตบุ๊กในเรื่องของความวาไรตี้นั้น จะมีผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลายเรื่องของขนาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งขนาดของหน้าจอที่จะมีตั้งแต่ 12 นิ้ว 14 นิ้ว 15 นิ้ว 17 นิ้ว และ 19 นิ้ว นอกจากนี้ยังมีเรื่องของดีไซน์ที่จะเน้นความเป็นแฟนซีทำให้เป็นการสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแต่ละบุคคลมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้เอเซอร์มองโอกาสในการเข้าทำตลาดในทุกเซกเมนต์ ไม่ว่าจะเป็นตลาดคอมเมอร์เชียลทีจะเน้นจุดขายเรื่องของความทนทายและความปลอดภัยเป็นหลัก ส่วนตลาดคอนซูเมอร์เน้นเรื่องของเอนเตอร์เทนเมนต์
เอเซอร์เชื่อว่าตลาดคอมเมอร์เชียลจะหันมาใช้โน้ตบุ๊กมากขึ้น เพื่อทดแทนการใช้งานเดสก์ทอป ส่วนในตลาดคอนซูเมอร์จะแข่งขันกันในเรื่องของราคาที่จะมีผลิตภัณฑ์ต่ำกว่า 2 หมื่นบาทออกมาวางจำหน่ายแข่งขันกัน
"ทุกเวนเดอร์จะให้ความสำคัญเรื่องของราคาเป็นหลัก และหากใครทำราคาไม่ได้ก็จะอยู่ในตลาดนี้ไม่ได้"
มีความเป็นไปได้ว่าในปีนี้จะเห็นผู้ประกอบการโน้ตบุ๊กต้องหลุดวงโคจรออกจากตลาดกันอีกรอบ เมื่อค่ายใหญ่ลุยหนักเช่นนี้
HP ลีดเดอร์อินโนเวชั่นลงลึกดีไซน์-แฟชั่น
หันมองดูค่ายเบอร์สองที่ประชิดติดเบอร์หนึ่งอย่างค่ายเอชพี ในปีนี้เอชพีเตรียมโปรแกรมการตลาดแบบหลากหลายเพื่อที่จะขยับแซงเอเซอร์ในประเทศไทยให้ได้ เนื่องจากตัวเลขในตลาดโลกเอชพีถือได้ว่าเป็นผู้ประกอบการอันดับหนึ่งในธุรกิจนี้
"เอชพีไม่ได้ขายโน้ตบุ๊กเพื่อตัวฮาร์ดแวร์อย่างเดียว แต่มีเรื่องของแบรนด์ดิ้ง มีเรื่องของดีไซน์ มีเรื่องของเทคโนโลยีในลักษณะของโทเทิ่ลคัสโตเมอร์เอกซ์พีเรียนซ์ที่ไม่เหมือนใคร" เป็นคำกล่าวของ ปวิณ วรพฤกษ์ ผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์และการตลาด กลุ่มธุรกิจเพอร์ซันแนล ซิสเต็มส์ บริษัท ฮิวเลตต์-แพคการ์ด (ประเทศไทย) จำกัด
ปวิณ ย้ำว่า เอชพีเน้นจุดแข็งความเป็นผู้นำที่นำเสนอผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมใหม่ๆ เป็นรายแรกในตลาดเสมอ ในลักษณะของลีดเดอร์อินโนเวชั่นจะเป็นจุดขายสำคัญในปีนี้ ผนวกกับการลงลึกเรื่องของดีไซน์แฟชั่น และการทำอีเวนต์มาร์เก็ตติ้งอย่างต่อเนื่องรวมถึงการทำโปรโมชั่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำโปรโมชั่นร่วมกับธุรกิจอื่นๆ ซึ่งจะช่วยให้เอชพีสามารถสร้างช่องทางใหม่และพาร์ตเนอร์ใหม่ได้
ในการทำตลาดของเอชพีนั้น จะมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับผู้บริโภคทั่วโลก และมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับคนในแต่ละภูมิภาคด้วย
อย่างไรก็ตาม กลุ่มตลาดหนึ่งที่เอชพีจะให้ความสำคัญอย่างมากในปีนี้ คือวัยรุ่น นักเรียน นักศึกษา และคนที่เพิ่งจะเริ่มทำงาน โดยเอชพีได้มีการศึกษาพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มนี้อย่างต่อเนื่อง และมีกิจกรรมที่มุ่งไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมายกลุ่มนี้ เห็นได้ชัดจากกิจกรรมในช่วงปลายปี 2550 ที่ผ่านมา อย่าง Inter Action: Art in Motion เพื่อเอาใจคนรุ่นใหม่ทั่วเอเชีย
กิจกรรมดังกล่าวเอชพีมุ่งการนำเสนอประสบการณ์ใช้งานเฉพาะบุคคลและแรงบันดาลใจในการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ที่ถ่ายทอดผ่านนวัตกรรม Imprint ของเอชพี
"ในวงการไอทีไม่มีผู้ประกอบการรายใดทำกิจกรรมเช่นเดียวกับเอชพี และในบางกิจกรรมเป็นคอนเซ็ปต์ในระดับภูมิภาคด้วย"
ที่ผ่านมาเอชพีมีการทำตลาดในแต่ละกลุ่มที่แตกต่างกัน และการที่เอชพีมุ่งที่จะทำตลาดวัยรุ่น นักเรียน นักศึกษา และคนที่เพิ่มเริ่มทำงานในปีนี้อย่างมาก เนื่องจากเป็นตลาดที่จะมีการเติบโตสูงมากในปีนี้ โดยเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่ชอบสิ่งที่ทันสมัย และต้องการผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างจากผลิตภัณฑ์อื่นในตลาดอย่างชัดเจน
โน้ตบุ๊กเครื่องที่สองโอกาสของ "อัสซุส"
เมื่อสองเจ้าตลาดมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรงในตลาดโน้ตบุ๊ก บรรดาผู้เล่นตัวรองในตลาดก็ต้องพยายามหาตลาดที่เป็นโอกาสสร้างส่วนแบ่งทางการตลาดให้กับตัวเอง เช่นเดียวกับ โน้ตบุ๊กยี่ห้อ "อัสซุส" ที่ได้เฝ้ารอโอกาสหลังจากที่ผู้ใช้โน้ตบุ๊กเครื่องแรกตัดสินเปลี่ยนเครื่อง จะหันมาเลือกโน้ตบุ๊กอัสซุส หลังจากมีประสบการณ์ใช้งานและมีการศึกษาข้อมูลของโน้ตบุ๊กแต่ละยี่ห้อแต่ละแบรนด์อย่างดีแล้ว โน้ตบุ๊กอัสซุส น่าที่จะเป็นทางเลือกอันดับหนึ่งให้กับผู้ที่ต้องการซื้อเครื่องโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ได้
"อัสซุสวางตัวเองเป็นเครื่องที่สองของผู้ใช้งานโน้ตบุ๊ก โดยมีจุดเด่นเรื่องของอินโนเวชั่นโน้ตบุ๊กที่เหนือกว่าคู่แข่งขันรายอื่นในตลาด" พรเทพ วัชรอำนวย ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท อัสซุสเทค คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว
พรเทพ ได้อธิบายแนวทางการทำตลาดในปีนี้ของอัสซุสว่า อัสซุสพร้อมทำตลาดโน้ตบุ๊กอย่างแตกต่าง เพราะอัสซุสไม่ใช่เบอร์ต้นในตลาดโน้ตบุ๊กไทย แต่คนที่ซื้อโน้ตบุ๊กของอัสซุสจะเป็นคนที่มีความรู้เรื่องเทคโนโลยีดี หรือไม่ก็ได้รับการแนะนำจากเพื่อน หรือผู้ที่เคยใช้งานโน้ตบุ๊กอัสซุสมาก่อน
"จุดเด่นของอัสซุสคือเรื่องของความเสถียรภาพของเครื่องโน้ตบุ๊กถือเป็นโน้ตบุ๊กที่มีปัญหาน้อยมากๆ"
อัสซุสมีแนวทางการทำตลาดในปีนี้ที่จะขยายตลาดเดิมให้เพิ่มมากขึ้น และจะมีการขยายผลิตภัณฑ์ไปยังตลาดต่างจังหวัดมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะตามหัวเมืองใหญ่ๆ ทั่วประเทศ ผู้บริหารอัสซุสมองว่าตลาดกรุงเทพฯเริ่มที่จะอิ่มตัว เป็นตลาดที่จะต้องให้ความรู้กับผู้บริโภคยิ่งขึ้น ส่วนตลาดต่างจังหวัดถือเป็นการทำตลาดแบบโลคัล ทำให้ต้องมีการแยกวิธีการทำตลาดที่ชัดเจน ด้วยการลงพื้นที่มากขึ้น ใช้สื่อที่เข้าถึงคนในพื้นที่โดยเฉพาะ เพื่อที่จะได้เข้าไปอยู่ในใจ และเป็นการซื้อความเชื่อใจผู้บริโภคท้องถิ่นให้ได้
เบ็นคิวสร้างแบรนด์เข้าถึงไลฟ์สไตล์ผู้ใช้
ค่ายเบ็นคิวถือเป็นอีกค่ายที่ตั้งเป้าหมายในการทำตลาดโน้ตบุ๊กอย่างหนักในปี 2551 ด้วยการกำหนดทิศทางธุรกิจโน้ตบุ๊กในมีความชัดเจนกว่าช่วงอดีตที่ผ่านมา โดยมุ่งการสร้างคาแร็กเตอร์ให้กับแบรนด์เบ็นคิวให้ได้ ในลักษณะของการเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีดีไซน์ คุณภาพดี และตอบสนองไลฟ์สไตล์
รวมถึงการใช้กิจกรรมต่างๆ เป็นหัวหอกในการทำตลาดเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย อย่างการเป็นผู้สนับสนุนกิจกรรมแจ๊ส เฟสติวัล ในช่วงปลายปี 2550 เป็นการใช้มาร์เก็ตที่เจาะกลุ่มผู้ที่มีไลฟ์สไตล์ชื่นชอบการฟังเพลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มวัยรุ่น และกลุ่มคนวัยทำงาน
นอกจากนี้จะมีการเน้นการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย และการให้ความรู้กับตัวแทน เพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งขันในตลาด รวมถึงการมุ่งพัฒนาดีไซน์ผลิตภัณฑ์ให้ผู้ใช้รู้สึกเกิดความภาคภูมิใจที่ได้เป็นเจ้าของ ทั้งนี้เบ็นคิวตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดของโน้ตบุ๊กอีก 5-6% พร้อมทั้งการก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำอันดับที่ 4 ในตลาดโน้ตบุ๊กไทย
โลว์คอสต์โน้ตบุ๊กทางเลือกผู้เริ่มใช้งาน
ปรากฏการณ์ "อีพีซี" (Eee PC) ของอัสซุสที่เปิดตัววางจำหน่ายในปลายปีที่ผ่านมาในประเทศไทย ถือได้ว่าสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับตลาดไทย พร้อมๆ กับการสร้างนิยามใหม่ให้กับตลาดโน้ตบุ๊กไทย ด้วยราคาจำหน่ายเริ่มต้นไม่ถึงหมื่นบาท จนเกิดกระแสความต้องการจำนวนมากกว่าจำนวนสินค้าที่นำเข้ามา
ในปีนี้จึงเป็นที่จับตาว่าบรรดาผู้ผลิตค่ายอื่นๆ จะนำผลิตภัณฑ์ที่มีราคาต่ำกว่าหนึ่งหมื่นเช่นเดียวกับอัสซุสเข้ามาจำหน่ายเช่นกัน เพราะตลาดในส่วนนี้ถือได้ว่าโดนใจผู้บริโภคในกลุ่มที่เริ่มใช้งานโน้ตบุ๊ก และผู้ที่ใช้งานโน้ตบุ๊กอยู่แล้ว แต่ต้องการโน้ตบุ๊กตัวเล็กไม่มากประสิทธิภาพ ราคาประหยัด ไว้สำหรับพกพา ใช้งานอินเทอร์เน็ต
โลว์คอสต์โน้ตบุ๊กเป็นสิ่งที่คนในวงการไอทีเชื่อว่าจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนในช่วงกลางปีนี้ โลว์คอสต์โน้ตบุ๊กนี้จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่เข้ามาช่วยขยายฐานตลาดโน้ตบุ๊กให้เติบโตมากขึ้น เป็นการขยายตลาดในเซกเมนต์ใหม่ ซึ่งทั้งหมดเป็นผลจากการเกิดขึ้นและได้รับความนิยมจาก "อีพีซี" ของอัสซุส
คอนเซ็ปต์ของโลว์คอสต์โน้ตบุ๊ก จะเน้นความสามารถในการทำงานพอสมควร แต่มีระดับราคาที่ดีมากไม่เกินหมื่นบาท ส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดโลว์คอสต์โน้ตบุ๊กคือการที่ผู้ผลิตชิปอย่างอินเทลได้มีการพัฒนาชิปแพลตฟอร์มใหม่ที่เรียกว่าซิลเวอร์ตอน โดยใช้กระบวนการผลิตแบบ 45 นาโนมิเตอร์ ทำให้ราคาต่อประสิทธิภาพลดต่ำลงมาก ซึ่งจะมีการออกวางจำหน่ายในปีนี้
ทั้งนี้อินเทลคาดว่าทั้งอินเตอร์แบรนด์และโลคัลแบรนด์ที่ได้รับรู้ถึงเทคโนโลยีใหม่ จะผลิตโลว์คอสต์โน้ตบุ๊กออกสู่ตลาดในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2551
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|