|

วงการหุ้นลุ้นคดียุบ"พปช"คาดดัชนีรูดต่อ
ผู้จัดการรายวัน(14 มกราคม 2551)
กลับสู่หน้าหลัก
ตลาดหุ้นไทยส่อโง่หัวไม่ขึ้น โบรกเกอร์ชี้มรสุมใหญ่ทั้งปัจจัยลบนอก-ในประเทศถล่มไม่หยุด ขณะที่สัปดาห์นี้ต้องรอลุ้นผลยุบพรรคนอมินีแม้ว - การเลือกตั้งโมฆะ 15 ม.ค.นี้ ระบุแนวรับรอบนี้ 760 จุด ด้านพิษซับไพรม์ส่อไม่จบง่ายๆ จับตาตัวเลขขาดทุนสถาบันการเงินผุดเพียบ นักเศรษฐศาสตร์เชื่อเฟดลดดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมสิ้นเดือนนี้หวังบรรเทาปัญหา
สถานการณ์ตลาดหุ้นไทย ยังคงต้องเผชิญมรสุมลูกใหญ่ไม่ว่าจะเป็นการคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างเต็มตัว รวมถึงเศรษฐกิจของประเทศในกลุ่มยุโรปที่จะได้รับผลกระทบจากปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ (ซับไพรม์) โดยหนึ่งในแนวทางในการบรรเทาปัญหาดังกล่าวช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานักเศรษฐศาสตร์จากหลายสำนักได้ออกมาคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจจะต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยรุนแรงและเร็วกว่าที่คาดการณ์โดยในรอบหน้าที่จะมีการประชุมในสิ้นเดือนนี้ โดยคาดว่าเฟดอาจจะต้องปรับลดดอกเบี้ยถึง 0.50% จากเดิมที่คาดว่าจะลดเพียง 0.25%
ขณะที่ประเด็นทางการเมืองในประเทศ โดยเฉพาะการพิจารณาของศาลในกรณีที่มีผู้ยื่นคำร้องให้ยุบพรรคพลังประชาชน จากข้อหาที่เป็นนอมินีของพรรคการเมืองเดิมที่เคยโดยคำสั่งยุบพรรค รวมถึงคดีของนายยงยุทธ ติยะไพรัช ว่าที่ ส.ส สัดส่วนกลุ่ม 1 พรรคพลังประชาชน เกี่ยวกับการทุจริตการเลือกตั้งซึ่งในขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนเพื่อหาข้อสรุป
ทั้งนี้ ในช่วงตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา (7 - 11 ม.ค.) ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบอย่างต่อเนื่องจนทำให้ดัชนีปรับตัวลดลงหลุดแนวรับสำคัญทางเทคนิคที่ 800 จุด โดย ณ สิ้นวันที่ 11 ม.ค.ดัชนีปิดที่ 796.47 จุด ซึ่งจากต้นปีนักลงทุนต่างชาติได้มีการเทขายสุทธิหุ้นไทยแล้วเกือบ 1.7 หมื่นล้านบาท
แหล่งข่าวผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์ กล่าวว่าในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้ ถือเป็นช่วงที่วิเคราะห์ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นค่อนข้างยาก เนื่องจากปัจจัยลบที่ควบคุมไม่ได้หลายเรื่องทั้งในประเทศและนอกประเทศยังไม่มีความชัดเจน และยังเป็นเรื่องที่ยากที่จะระบุได้ว่าปัจจัยต่างๆ จะส่งผลให้เกิดข่าวร้ายหรือข่าวดีขึ้นกับตลาดทุน
ด้านปัจจัยนอกประเทศโดยเฉพาะผลกระทบจากซับไพรม์ จากเดิมที่หลายฝ่ายคาดว่าจะใกล้ช่วงที่ปัญหาจะจบ ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าปัญหาจากเรื่องดังกล่าวจะถึงจุดที่สามารถประเมินตัวลขความเสียหายที่ใกล้เคียงที่สุดได้ประมาณกลางปีนี้ แต่ในขณะนี้เรื่องดังกล่าวกลับประทุขึ้นมาอีกครั้งและยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติลงในเร็ววันนี้
สำหรับปัจจัยในประเทศที่เริ่มทวีความร้อนระอุขึ้นมาอีกครั้ง เนื่องจากเป็นสัปดาห์ที่จะมีการพิจารณาคดีสำคัญทางการเมืองซึ่งอาจจะนำไปสู่จุดเปลี่ยนทางการเมืองครั้งสำคัญอีกครั้ง เนื่องจากในสัปดาห์นี้จะมีการพิจารณาเกี่ยวกับคดีที่มีผู้เข้ามาร้องเรียกให้มีการยุบพรรคพลังประชาชน รวมถึงให้การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาเป็นโมฆะซึ่งหากเกิดขึ้นจริงจะส่งผลทำให้การเมืองไทยเข้าสู่ช่วงที่วิกฤตอีกครั้ง โดยหากเกิดขึ้นจริงปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคมจะตามมา
ห่วงศก.US-การเมืองไทย
นายอภิสิทธิ์ ลิมศุภนาค ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ บีฟิท จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้นยังคงรอปัจจัยบวกเข้ามาสนับสนุนเนื่องจากในช่วงที่ผ่านมามีปัจจัยลบเข้ามากระทบค่อนข้างมาก โดยเฉพาะความกังวลต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะถดถอย โดยยังต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจสหรัฐฯ และมาตรการแก้ปัญหาต่างๆ ของสหรัฐฯ
ขณะที่ความไม่ชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาล การรับรองส.ส.จาก กกต. การเลือกตั้งซ่อม และความกังวลในคดียุบพรรคพลังประชาชนทำให้นักลงทุนขายหุ้นเพื่อรอดูความชัดเจนก่อน ซึ่งหากยุบพรรคคงเกิดความยุ่งยากแน่ รวมทั้งมีแนวโน้มว่าอาจจะไม่สามารถตั้งรัฐบาลและเปิดสภาผู้แทนราษฎรได้ ซึ่งก็จะส่งผลต่อตลาดหุ้นมาพอสมควรหากเกิดขึ้นจริง
สำหรับทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ต้องดูว่าดัชนีจะยังยืนที่ 800 จุดได้อยู่หรือไม่ หากสามารถยืนได้ก็จะมีแนวต้านที่ 817-820 จุด แต่หากดัชนีหลุด 800 จุด ก็อาจจะปรับลงไปถึง 760-765 จุดได้ ยังคงแนะนำให้นักลงทุนถือเงินสดเพื่อรอดูความชัดเจนก่อน
นายโกสินทร์ ศรีไพบูลย์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า นักลงทุนต้องติดตามการพิจารณาให้ใบเหลือง-ใบแดงของกกต. และการตัดสินคดีนายยงยุทธว่าจะออกมา แต่มีกระแสข่าวออกมาว่ากกต.ยืนยันว่าจะรับรองส.ส.ได้อย่างน้อย 456 คน (95%) ภายในวันที่ 15 ม.ค. เพื่อให้สามารถเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ทันตามกำหนดในวันที่ 22 ม.ค. ประกอบกับประเด็นคือคำตัดสินของศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งในกรณีที่พรรคพลังประชาชนเป็นนอมินีของพรรคไทยรักไทยที่จะมีออกมาในวันที่ 15 ม.ค.นี้ ซึ่งปัจจัยทั้งหมดจะเป็นปัจจัยกดดันให้ตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้ายังคงมีความผันผวนต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ในสัปดาห์นี้ทิศทางตลาดหุ้นไทยจะยังคงผันผวนตามตลาดหุ้นต่างประเทศเป็นหลัก และมีปัจจัยทางการเมืองเป็นปัจจัยกดดันสำคัญ โดยคาดว่าผลคำตัดสินที่ออกมาคงส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นบางแต่คงไม่มากนัก โดยประเมินว่าดัชนีจะเคลื่อนไหวในกรอบ 780-820 จุด
นายวีระชัย ครองสามสี ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ฟาร์อีสท์ กล่าวว่า ทิศทางดัชนีตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้คาดว่ามีโอกาสปรับลดลงต่อจากสัปดาห์ที่ผ่านมาเนื่องจากดัชนีปรับลดต่ำกว่าแนวรับจิตวิทยาการลงทุนที่ 800 จุด ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยนอกและในประเทศ โดยเฉพาะประเด็นทางการเมืองในวันที่ 15 มกราคมนี้ว่าศาลพิจารณายุบพรรคพลังประชาชนหรือไม่ รวมถึงการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 16 มกราคมนี้ เพื่อพิจารณาเรื่องอัตราดอกเบี้ยว่ามีการปรับลดหรือไม่
ทั้งนี้ ประเมินแนวรับดัชนีฯไว้ที่ 790 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 810 - 815 จุด โดยหากยังไม่มีข่าวดีกระตุ้นการลงทุนช่วงนี้ แนะนำให้ชะลอลงทุนรอดูสถานการณ์
กลับสู่หน้าหลัก
 ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|