5 เทรนด์ สู่ความสำเร็จปีหนู


ผู้จัดการรายสัปดาห์(31 ธันวาคม 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

ในปัจจุบันซึ่งถือเป็นยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง การปรับเปลี่ยน ความยืดหยุ่นและความรวดเร็วในการตอบสนองต่อสิ่งต่างๆ ทรัพยากรมนุษย์ได้กลายเป็นกุญแจสำคัญที่มีผลต่อความสำเร็จขององค์กร หากการทำให้องค์กรของท่านมีความสามารถแข่งขันได้ในตลาดถือเป็นสิ่งสำคัญ ท่านควรให้ความสนใจกับทิศทางทั้ง 5 ประการ ที่จะนำพาองค์กรสู่ความสำเร็จในปี 2551 ดังนี้

ทิศทางที่ 1 ผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีและการรักษาความสัมพันธ์และความรู้สึกที่ดี

ส่วนใหญ่แล้ว องค์กรที่ประสบความสำเร็จจะสามารถบริหารปัจจัยด้านเทคโนโลยีและปัจจัยด้านพนักงานให้สามารถดำเนินงานได้อย่างผสมผสานโดยมีประสิทธิภาพ องค์กรที่ประสบความสำเร็จเหล่านี้จะประสานหน่วยงานต่างๆ ภายในองค์กรเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีก็ยังคงมีอยู่เช่นนี้ต่อไปและจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับสถิติการลาออกจากงานของบางบริษัท ซึ่งไม่ว่าเราจะมีความก้าวหน้าในด้านเทคโนโลยีมากเพียงใด พนักงานก็ยังถือเป็นปัจจัยหลักที่จะทำให้องค์กรเติบโตและประสบความสำเร็จ ผู้นำจะเป็นผู้ที่มีความเข้าใจว่าความสามารถใดที่จำเป็นต่อการนำองค์กรไปสู่อีกขั้นหนึ่ง และจะเป็นผู้ที่จัดเตรียมการพัฒนาอย่างต่อเนื่องให้แก่พนักงาน เราจะเห็นการผสมผสานกันอย่างลงตัวเมื่อเทคโนโลยีเป็นสิ่งที่สนับสนุนให้ผลการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิผล

ทิศทางที่ 2 การพัฒนาพนักงานถือเป็นกระบวนการไม่ใช่โปรแกรม

การพัฒนาพนักงานควรจะเป็นกระบวนการที่ต่อเนื่อง จะไม่มีเสียงเรียกร้องว่า "เราต้องการการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพมากกว่านี้" ระหว่างช่วงหลักสูตรการสื่อสารระยะเวลา 1-2 วันอีกต่อไป องค์กรจะประเมินระบบการสื่อสารทั้งหมด กำหนดเป้าหมายโดยรวม และพัฒนาโปรแกรมที่ตอบสนองต่อเป้าหมายและวัตถุประสงค์ด้วยความระมัดระวัง แทนที่จะส่งพนักงานและผู้จัดการที่มีความคล้ายคลึงกันเข้าร่วมฝึกอบรมในหลักสูตรการบริหารจัดการความขัดแย้ง การสร้างทีม หรือการเป็นหัวหน้างานที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นพร้อมกัน พนักงานแต่ละคนและทีมต่างๆจะได้รับการสอนงานและการสนับสนุนที่เฉพาะเจาะจงตามความต้องการของแต่ละคน โปรแกรมต่างๆ จะได้รับการจัดเตรียมไว้อย่าง "ทันเวลา" โดยสอดคล้องกับความจำเป็นต่อธุรกิจในด้านต่างๆ สำหรับผู้นำอุตสาหกรรมแล้ว โปรแกรมเดียวที่ใช้กับทุกสถานการณ์ถือเป็นสิ่งที่ล้าสมัยไปแล้ว

ทิศทางที่ 3 พนักงานในฐานะที่ปรึกษาภายในองค์กร

กล่าวลากับการเป็นจ้าวแห่งการกำหนดรูปแบบและตัวเก็บเอกสาร ถึงแม้ว่าผู้ที่มีข้อมูลหรือเอกสารต่างๆ จะมีความจำเป็นอยู่เสมอก็ตาม แต่เขาเหล่านี้จะกลายเป็นรองให้กับบทบาทที่มีความสำคัญมากยิ่งกว่า ทอม ปีเตอร์ส ได้กล่าวไว้ในนิตยสาร 200 Workforce ไว้ว่า "...ในความคิดของเจ้านายหรืออาจจะเป็นความคิดของคุณ คุณเป็นเพียงแค่ช่างกลมากกว่าที่จะเป็นผู้ที่มีวิสัยทัศน์ ...สิ่งที่เป็นข้อกังวลอย่างแท้จริงสำหรับผมก็คือการที่ทรัพยากรมนุษย์ไม่มีบทบาทอื่นนอกเหนือจากกรอบการทำงานของตนเอง" เขายังกล่าวไว้ว่า "แทนที่จะจมอยู่กับงานในตำแหน่งธุรการสนับสนุนภายใต้ระบบการทำงานอันเชื่องช้ามีขั้นตอนมากมายเหมือนราชการ ทำไมคุณไม่เปลี่ยนโฉมตัวเองให้กลายมาเป็นดาวเด่นแห่งยุคของคนมีฝีมือ"

ดังนั้นการจัดการสร้างวิสัยทัศน์ภายในจำเป็นต้องมุ่งเน้นเพื่อช่วยให้เกิดความเข้าใจในความต้องการโดยรวมขององค์กร ท่านจะไม่สามารถเป็นที่ปรึกษาภายในได้หากท่านจมปลักอยู่กับรายละเอียดยิบย่อยต่างๆ การดึงตัวออกจากเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แล้วมุ่งเน้นไปที่สิ่งที่จะช่วยก่อให้เกิดคุณค่าสูงสุดแก่องค์กรถือเป็นสิ่งที่มีความสำคัญ ตอนนี้ถือเป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะเข้ามาปฏิบัติงานในสายทรัพยากรมนุษย์ เนื่องจากได้มีการมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับความสามารถกันอย่างมาก พนักงานฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ทั้งหลายควรพิจารณาว่านี่คือช่วงแห่งการเก็บเกี่ยวประโยชน์จากโอกาส องค์กรของท่านจะต้องการกลยุทธ์ที่ครอบคลุมสำหรับการดึงและรักษาตัวพนักงานที่มีความสามารถไม่เหมือนกับแต่ก่อน ซึ่งตรงนี้นี่เองที่ท่านสามารถสร้างความแตกต่างได้

ทิศทางที่ 4 องค์กรที่มีทุนความรู้ถือเป็นพระราชา (หรือพระราชินี)

การจัดการองค์ความรู้กำลังเข้ามามีความสำคัญอย่างรวดเร็วในองค์กรต่างๆ และองค์กรเหล่านี้ก็ได้พยายามด้วยวิธีการต่างๆ ที่จะช่วยคงรักษาความรู้เอาไว้เมื่อมีพนักงานลาออก ส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหานี้ก็คือ การสร้างสภาพแวดล้อมที่จะช่วยรักษาให้พนักงานคงอยู่กับองค์กร อย่างไรก็ตาม องค์กรต่างๆ ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการลาออกจากงานของพนักงานได้ทั้งหมด

ในกรณีเช่นนี้ การจัดการองค์ความรู้จะเป็นการช่วยให้เกิดความแน่ใจว่าความรู้ต่างๆ ที่พนักงานมีอยู่จะไม่หายไปพร้อมกับที่พวกเขาก้าวออกจากประตู ดร.ยูเกช มาลโฮตรา จาก @Brint.com ได้เคยให้สัมภาษณ์ไว้กับ Inc.Technology และได้เน้นความสำคัญไว้ใน Inc.Technology ฉบับพิเศษที่ 3 ปี 1999 ไว้ว่ามันมากไปกว่า "การรู้ว่าคุณรู้ในสิ่งใดและดึงเอาผลประโยชน์จากสิ่งที่คุณรู้" หากจะกล่าวอย่างง่ายๆ ก็คือว่า "อัพเดทความรู้ความสามารถตนเองให้ทันสมัยอยู่เสมอ ก่อนที่คนอื่นจะก้าวมาทำให้ความรู้ที่คุณมีอยู่เป็นสิ่งล้าหลังและสร้างผลประโยชน์โดยการสร้างความท้าทายและโอกาสต่างๆ ที่ผู้อื่นไม่เคยคาดคิดมาก่อน"

การจัดการองค์ความรู้เป็นการใช้สิ่งที่ท่านรู้และนำมาใช้เป็นข้อได้เปรียบในการแข่งขัน องค์กรแถวหน้าต่างๆ ก็จะได้รับผลประโยชน์มากที่สุด

ทิศทางที่ 5 โลกาภิวัฒน์สามารถย่อโลกให้แคบลง

โลกได้กลายมาเป็นชุมชนขนาดใหญ่ถือเป็นข้อเท็จจริงของธุรกิจและชีวิต ด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ประเทศที่พัฒนาแล้วส่วนใหญ่จะแข่งขันกันในเรื่องของการผลิตและการจัดจำหน่ายสินค้าและบริการ และด้วยการเจริญเติบโตและการขยายไปสู่ตลาดใหม่ๆ ขององค์กรต่างๆ ความรู้ในประเด็นต่างๆ รอบโลกถือเป็นการบริหารองค์กร กรุณาพิจารณาข้อมูลด้านล่างที่อ้างอิงมาจาก SHRM's Workplace Visions (Number 5-2000) Publication:

* 5 ใน 6 ระบบเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของโลกจะเป็นประเทศในภูมิภาคเอเชีย ในปี 2020

* ในปัจจุบัน ฟอร์ดและไอบีเอ็มมีพนักงานที่อยู่นอกประเทศสหรัฐอเมริกามากถึง 54% และ 51% ในอีกไม่ช้า องค์กรต่างๆ ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐอเมริกาก็อาจจะมีพนักงานที่ทำงานอยู่นอกประเทศสหรัฐอเมริกามากยิ่งขึ้น

* รูปแบบความชื่นชอบของลูกค้าจากทั่วโลกจะมีความคล้ายคลึงกันมากขึ้น หกในสิบขององค์กรจากสหรัฐอเมริกาได้กล่าวไว้ว่าพวกเขามีบริษัทที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศท่ามกลางบริษัทคู่แข่งของ 5 อันดับต้นตน

แล้วองค์กรของท่านมีลักษณะเช่นใด อะไรเป็นโอกาสและอุปสรรคสำหรับองค์กรของท่าน ซึ่งนักบริหารจำเป็นจะต้องสวมบทบาทผู้นำในการกำหนดกลยุทธ์การใช้ทุนทรัพยากรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในระดับสากลอันถือเป็นวิธีการที่จะก้าวไปสู่องค์กรที่ประสบความสำเร็จ

แหล่งข้อมูลจาก บริษัท APMLearning ผู้เชี่ยวชาญในการบริหารและพัฒนาบุคลากร


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.