วิชี

โดย สุภาพิมพ์ ธนะพรพันธุ์
นิตยสารผู้จัดการ( มกราคม 2551)



กลับสู่หน้าหลัก

ประวัติศาสตร์ฝรั่งเศสช่วงสงครามโลกครั้งที่สองสับสนวุ่นวายชอบกล เมื่อเยอรมันเข้ายึดครองฝรั่งเศส นายพลเปแตง (Petain) ไปตั้งรัฐบาลที่เมืองวิชี (Vichy) และให้ความร่วมมือกับพวกนาซี ส่วนนายพลชาร์ลส์ เดอ โกล (Charles de Gaulle) หนีไปตั้งหลักที่ลอนดอน และตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น ดังนั้นเมื่อพูดถึงวิชีจะนึกถึงรัฐบาลของนายพลเปแตงทันที

ครั้งนั้นหน่วยราชการต่างๆ ย้ายไปวิชี หมดหรือเมืองใกล้เคียง เช่น แคลมงต์-แฟรองด์ (Clermont-Ferrand) นักการเมืองยุคปัจจุบันที่เป็นคนหนุ่มในยุคนั้นต่างมีส่วนร่วมมือกับรัฐบาลวิชีไม่มากก็น้อย ก่อนที่จะปลีกตัวออกห่าง ฝรั่งเศสแบ่งเป็นสองส่วน กล่าวคือส่วนที่ถูกเยอรมันครอบครอง กล่าวคือทางเหนือและตะวันตก และส่วนที่เป็นฟรีโซนทางใต้ ซึ่งปกครองโดยรัฐบาลวิชี เหตุผลที่นายพลเปแตงเลือกเมืองวิชีเป็นเมืองหลวงของฝรั่งเศสที่ไม่ถูกเยอรมันครอบครองเพราะ อยู่ไม่ไกลจากกรุงปารีสหรือส่วนอื่นๆ ของประเทศ มีโรงแรมขนาดใหญ่ที่สามารถรองรับหน่วยราชการที่ย้ายไปจากกรุงปารีส ประกอบกับก่อนหน้านั้นวิชีได้ติดตั้งระบบโทรคมนาคมสมัยใหม่

รัฐบาลวิชีประกาศตัวเป็นอิสะ หากในทางปฏิบัติกลับให้ความร่วมมือกับนาซีจับพวกยิวเข้าค่าย หลังสงครามผู้ที่มีส่วนร่วมในการจับชาวยิวและส่งกลับไปเข้าค่ายในเยอรมันต่างถูกฟ้องร้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรอเน บุสเกต์ (Rene Bousquet) ผู้บัญชาการตำรวจในขณะนั้น ซึ่งถูกลอบสังหารระหว่างเดินทางไปขึ้นศาล

เมื่อกองทัพสัมพันธมิตรขึ้นบกที่นอร์มองดี และเข้าปลดปล่อยฝรั่งเศส เมืองแคลมงต์-แฟรองด์ถูกระเบิดเสียหาย หากน่าแปลกที่วิชีปลอดจากการทิ้งระเบิด อาจเป็นเพราะแคลร์มงต์-แฟรองด์เป็นศูนย์ผลิตยางรถยนต์ของมิชแลง (Michelin) ก็ได้

ครั้งหนึ่งระหว่างที่ไปทำธุระที่แคลร์ มงต์-แฟรองด์ ชักชวนกันขับรถไปเที่ยวเมืองวิชี พบว่าเป็นเมืองที่มีบรรยากาศผ่อนคลายมาก จนไม่อยากเชื่อว่าเคยเป็นศูนย์ราชการอยู่ หลายปี อาคารบ้านเรือนไม่ได้รับความเสียหาย จากสงครามเลย ผู้คนไม่เร่งรีบ ดูสบายๆ สมกับเป็นเมืองที่มีสปามากมาย ด้วยว่าวิชีเต็มไปด้วยแหล่งน้ำแร่ที่มีคุณสมบัติในการรักษาโรคภัย จึงมีผู้นิยมเดินทางมารับการบำบัด ช่วงสงครามแอลจีเรีย ทหารฝรั่งเศสติดเชื้อทางเดินอาหารจำนวนมาก และเข้ารับการบำบัดที่เมืองนี้

อันที่จริงน้ำแร่ของวิชีเป็นที่รู้จักตั้งแต่ปี 52 ก่อนคริสต์ศักราช เมื่อกองทัพโรมันภายใต้การนำของจูเลียส ซีซาร์พ่ายแพ้การรบ กับแวร์แซงเจโตริกซ์ (Vercingetorix) ผู้นำชาวโกลัวส์ (gaulois) ที่แจร์โกวี (Gergovie) จึงเดินทางมาพักทัพที่แถบแม่น้ำอัลลีเอร์ (Allier) และเป็นพวกแรกที่ได้ใช้น้ำแร่ในการบำบัด ต่อมาศตวรรษที่ 3 จักรพรรดิโรมันจัดระเบียบการปกครองแถบนี้เสียใหม่ ตั้งชื่อ เมืองว่า Vipiacus ซึ่งภายหลังกลายเป็น Vichiacus, Vichiet, Vichier และ Vichy ในที่สุด ต่อมาในยุคกลาง กษัตริย์หลุยส์ที่ 2 ได้รับปราสาทวิชี จึงรวมวิชีเข้าเป็นดินแดนของราชวงศ์บูร์บง (Bourbon) ในปี 1410 นักบวชเซเลสตีน (Celestine) สร้างวัดในบริเวณที่เป็นแหล่งน้ำแร่ ในปี 1527 ปลายศตวรรษที่ 16 ผู้ป่วยหลั่งไหลมาวิชีเพื่อรับการบำบัดรักษา มาร์กีส เดอ เซวีเญ (Marquise de Sevigne) มารักษาตัวที่เมืองนี้ระหว่างปี 1676-1677 ทำให้มือหายจากโรคอัมพาต และสามารถกลับไปเขียนจดหมายได้อีก หลังจากนั้นราชสำนักฝรั่งเศสคุ้นเคยกับน้ำแร่เมืองวิชี ไม่ว่าจะเป็นอเดลาอีด (AdelaIde) และวิคตัวร์ เดอ ฟรองซ์ (Victoire de France) ธิดาในกษัตริย์หลุยส์ 15 แลติเซีย โบนาปาร์ต (Laetitia) มารดาของนโปเลอง (Napoleon) มาพักผ่อนรักษาตัวที่วิชี ในปี 1799 มีการปรับปรุงสวนสาธารณะ Parc des Sources

การมารับการบำบัดรักษาที่วิชีกลายเป็นแฟชั่น ผู้มีชื่อเสียงต่างมุ่งมาวิชี นโปเลองที่ 3 เดินทางมาพำนักที่วิชีระหว่างปี 1861-1863 เป็นยุคที่มีความเปลี่ยนแปลง นโปเลองที่ 3 ให้สร้างฝายน้ำในแม่น้ำอัลลีเอร์ สร้างสวน ถนนและตำหนัก รวมทั้งอาคารสำหรับชาววังที่ติดตามมาด้วย นอกจากนั้นยังสร้าง กาสิโนในบริเวณใกล้ๆ กับ Parc des Sources ต่อมาในช่วง Belle epoque มีการก่อสร้างขนานใหญ่อีกครั้งหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นโรงโอเปรา Hall des Sources-ศูนย์รวมน้ำแร่ของวิชี Parc des Sources-สวนสาธารณะ และสร้างทางเดินรอบ Parc des Sources เป็นโครงเหล็กสวยงาม เป็นเหล็กที่ใช้ในงานเอ็กซ์โปนานาชาติในปี 1889 ในปี 1900 ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 มีผู้มารับการบำบัดที่วิชีประมาณ 40,000 คน

วิชีมีบ่อน้ำแร่ 6 บ่อด้วยกัน แบ่งเป็น บ่อน้ำเย็น 3 บ่อคือ Celestins มีอุณหภูมิ 22 องศา เป็นน้ำที่มีส่วนผสมของแร่ธาตุน้อยที่สุด ได้ชื่อตามวัดของพวก Celestins แหล่งที่สองคือ Parc ซึ่งพบในบริเวณ Parc des Sources อุณหภูมิ 23.8 องศา และ Lucas ซึ่งบารง ลูกาส์ (Lucas) ซื้อให้รัฐ ใช้เป็นน้ำดื่มหรือน้ำฉีดสำหรับการรักษาผิวหนัง

บ่อน้ำร้อน 3 บ่อ คือ Hopital อุณหภูมิ 34 องศา ได้ชื่อนี้เพราะพุ่งขึ้นมาใน บริเวณใกล้กับโรงพยาบาลแห่งแรกในวิชี Chomel อุณหภูมิ 43 องศา ตั้งชื่อตามแพทย์ ที่ดูแลน้ำ เป็นน้ำที่เต็มไปด้วยฟลูออไรด์เหมาะกับการใช้รักษามากที่สุดและ Grande Grille อุณหภูมิ 39 องศา มีฟลูโอไรด์มากที่สุด การใช้ต้องให้แพทย์สั่ง

น้ำแร่ของวิชีที่ทำเป็นเครื่องดื่มมีอยู่ 2 แหล่งด้วยกัน คือ Vichy Celestins และ Vichy Saint-Yorre ช่วยบำบัดปัญหาเกี่ยวกับ ผิวหนัง แหล่งน้ำของ Vichy Celestins มา จากเทือกเขาปุย (Puy) ในโอแวร์ญ (Auvergne) ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ดับแล้ว น้ำแร่นี้คือน้ำฝนที่ไหลลงดิน และเซาะไปตามหินใต้ดินชะเกลือแร่ต่างๆ ไปตามทาง เดิมอยู่ในบริเวณที่เป็นวัดของพวกเซเลสแตง (Couvent des Celestins)

น้ำที่ขายในฝรั่งเศส มี 2 ประเภท คือ eau de source และ eau minerale naturelle เป็นน้ำใต้ดินตามธรรมชาติที่ดื่มได้ eau minerale naturelle ต้องบริสุทธิ์และมีแร่ธาตุที่ยังผลดีต่อสุขภาพ ในขณะที่ eau de source ไม่มีคุณสมบัตินี้ การใช้คำว่า eau minerale naturelle ต้องได้รับการเห็น ชอบจากแพทยสภาและกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นผู้อนุมัติให้ใช้แหล่งน้ำด้วย นอกจากนั้นแหล่งน้ำจะต้องปลอดจากมลภาวะท่อส่งน้ำและถังเก็บน้ำต้องใช้วัสดุหรือวิธีการที่ไม่ทำให้คุณสมบัติทางเคมีของน้ำเปลี่ยนแปลง อีกทั้งระบบการล้างและการบรรจุขวดไม่ทำให้ สภาวะทางเคมีของน้ำเปลี่ยนแปลงด้วย และต้องปลอดจากแบคทีเรีย

เมืองวิชีสงบ สิ่งที่เห็นเด่นคือ Hall des Sources ศูนย์รวมน้ำแร่จากแหล่งต่างๆ ของวิชี มีก๊อกให้ประชาชนดื่มได้ด้วย จะมีชื่อของแหล่งน้ำติดไว้ น้ำแร่ส่วนใหญ่มีรสชาติเหมือนไข่เน่า หรือ มีกลิ่นของโลหะฉุน ไม่เหมาะกับการนำมาดื่ม หากมากด้วยคุณสมบัติ จึงนำไปใช้ในการบำบัดมากกว่า มีเพียงแหล่งเดียวที่ "ใส" สดชื่น คือ Celestins ซึ่งนำมาบรรจุขวดขาย ในชื่อ Vichy Celestins นั่นเอง

น้ำแร่ที่มากด้วยคุณสมบัติ นอกจากนำไปใช้ในการบำบัดแล้ว ยังนำไปทำเครื่องสำอาง ดังเครื่องสำอาง Vichy

และน้ำแร่ทำให้วิชีเต็มไปด้วยสถานบำบัดด้วยน้ำ ต่างเสนอโปรแกรมการบำบัดใน สนนราคาที่ต้องบอกว่า ไม่ถูกเลย

ระหว่างรับประทานอาหารกลางวัน ขอน้ำแร่ที่ไม่เข้าแก๊ส หนุ่มเสิร์ฟแนะนำให้ดื่ม Chateldon เป็นน้ำแร่ที่มีแก๊สเบาบางแทบไม่รู้สึก สดชื่นปากดี น้ำแร่ Chateldon มาจากเมืองเล็กๆ ชื่อเดียวกันนี้ อยู่ไม่ห่างจากวิชีนัก เป็นเมืองน่ารักที่ส่งเข้าประกวดเมืองที่สวยที่สุดในฝรั่งเศส

ชาแตลดง (Chateldon) เป็นเมืองที่อยู่ตีนเนิน บนยอดเนินเป็นปราสาทแต่เดิมเป็น ของกงต์ โอแวร์ญ (Comte d'Auvergne) ในปี 1783 พบแหล่งน้ำแร่ 2 แหล่งใน Chateldon เป็นน้ำที่เบาและช่วยการย่อยดีที่สุดในฝรั่งเศส ฟากง (Fagon) แพทย์ในราชสำนักแนะนำให้ กษัตริย์หลุยส์ 14 ดื่มน้ำแร่จาก Chateldon น้ำแร่ Chateldon จึงมิใช่น้ำแร่ธรรมดาๆ หากบรรจุในขวดแก้ว ดูโก้ทีเดียว และไม่มีขายทั่วไป นอกจากตามร้านหรูอย่าง Fauchon มีเสิร์ฟตามโรงแรมและร้านอาหารหรูอย่าง Maxim's และ Fouquet's เป็นต้น

Chateldon เข้าแข่งเป็นหมู่บ้านที่สวยที่สุดในฝรั่งเศส les Plus villages de France การคัดเลือกยังไม่แล้วเสร็จ


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.