ชีวิตที่ลงตัวของสุเมธ สุขพันธ์โพธาราม

โดย สุปราณี คงนิรันดรสุข
นิตยสารผู้จัดการ( มกราคม 2551)



กลับสู่หน้าหลัก

หลายคนใฝ่ฝันอยากจะได้ทำงานในสิ่งที่ได้ร่ำเรียนมา เพราะหมายถึงได้ทำในสิ่งที่รัก และมีความสุขกับสิ่งที่ได้ทำ "สุเมธ สุขพันธ์โพธาราม" เป็นหนึ่งในนั้น

สุเมธ สุขพันธ์โพธาราม ก่อตั้งศุภราช กรุ๊ป เมื่อปี 2545 แม้จะเป็นระยะเวลาถึง 5 ปีมาแล้ว แต่ยังถือว่าหน้าใหม่สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องอาศัยเวลาและประสบการณ์เพื่อพิสูจน์

สุเมธเป็นลูกเขยของชัย โสภณพนิช เขาแต่งงานกับเลอลักษณ์ โสภณพนิช บุตรสาวคนที่ 2 จากลูกทั้งหมด 5 คนของชัย เมื่อ 6 ปีที่ผ่านมา

ตระกูลโสภณพนิช คนส่วนใหญ่ย่อมรู้จักเป็นอย่างดี เพราะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในธนาคารกรุงเทพ ธนาคารพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุด ในประเทศไทย รวมถึงยังแตกตัวขยายธุรกิจ ออกไปอีกหลายแขนง

สุเมธในฐานะบุตรเขยคนที่ 2 ของชัย ไม่ได้เข้ามาทำธุรกิจร่วมกับตระกูลของโสภณ พนิชโดยตรง เหมือนกับชอง โท ชาวจีนสัญชาติมาเลเซีย ที่เป็นบุตรเขยคนแรก แต่งงานกับชนิดา โสภณพนิช บุตรสาวคนโต ปัจจุบันชอง โท มีตำแหน่งเป็นรองผู้อำนวยการฝ่ายวาณิชธนกิจของธนาคารกรุงเทพ ส่วนชนิดาเป็นกรรมการใน บล.บัวหลวง

สุเมธเลือกทำงานที่เขาเรียนจบมาโดยตรง คือสถาปัตยกรรมศาสตร์ ในขณะที่เลอลักษณ์ก็เรียนจบมาทางด้านการออกแบบ หลังแต่งงานทั้งสองคนตัดสินใจก่อตั้งบริษัททีเอ็มดีไซน์ จำกัด ขึ้นเป็นบริษัทแรกเมื่อปี 2545 เพื่อรับออกแบบและตกแต่งภายใน หลังจากนั้นก็เปิดเพิ่มอีก 2 แห่งในเวลาใกล้เคียงกัน คือบริษัทศุภราช ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด และบริษัทศุภราช รีสอร์ท จำกัด ซึ่งบริษัททั้งหมดจะอยู่ภายใต้การดูแลของศุภราช กรุ๊ป ที่มีสุเมธนั่งเป็นกรรมการผู้จัดการทำหน้าที่ดูแลทุกบริษัท ส่วนเลอลักษณ์เป็นผู้บริหารอยู่ในบริษัททีเอ็มดีไซน์

บริษัททีเอ็มดีไซน์ เลอลักษณ์จะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และมีเพื่อนๆ เข้าร่วมด้วย ด้านบริษัทศุภราช ดีเวลลอปเมนท์ สุเมธและกลุ่ม เพื่อนๆ ที่มีแนวคิดเดียวกันเข้าร่วมถือหุ้น ดำเนินธุรกิจโครงการซิตี้ คอนโด ส่วนบริษัทศุภราช รีสอร์ท จะมีกลุ่มพี่น้องของสุเมธถือหุ้น และมีโชติ โสภณพนิช พี่ชายของชัย ร่วมถือหุ้นด้วย 7-8% ดำเนินธุรกิจโครงการบ้านพักตากอากาศในต่างจังหวัด

ปัจจุบันบริษัททั้งหมดของศุภราชมีพนักงานทั้งหมด 16 คน และบริษัทตั้งอยู่ในอาคาร กรุงเทพประกันภัย สำนักงานใหญ่ ชั้น 21 บนถนนพระราม 4 ซึ่งเป็นอาคารที่ชัย โสภณพนิช นั่งเป็นประธานบริหารอยู่ในปัจจุบัน

ตลอดการทำงานร่วม 5 ปีที่ผ่านมา สุเมธบอกกับ "ผู้จัดการ" ว่ายังไม่พบปัญหาหรืออุปสรรคในการทำงานที่หนักๆ จนไม่สามารถแก้ไขได้ เป็นเพราะว่ามีการตั้งรับก่อนล่วงหน้า หรือถ้าหากมีปัญหาก็จะปรึกษาภรรยา รวมถึงการได้รับคำแนะนำจากโชติและชัย

วิธีการแนะนำและเตือนของโชติและชัยจะออกในเชิงปรัชญาที่มีความหมาย โดยเฉพาะ เรื่องเงินที่ต้องมีความรับผิดชอบ ซึ่งวิธีการสอนในรูปแบบนี้ สุเมธยอมรับว่าพึงพอใจ โดยเฉพาะชัยที่เขาใฝ่ฝันให้ได้เป็นอย่างเขาในสักวันหนึ่ง

สุเมธยอมรับว่าได้มีโอกาสพบปะพูดคุยกับชัยและญาติพี่น้องที่เกี่ยวข้องฝั่งโสภณพนิชบ่อยครั้ง เพราะเป็นครอบครัวใหญ่ที่มักจะมีกิจกรรมของครอบครัวอยู่เสมอ รวมทั้งมีโอกาสได้พูดคุยกับชอง โท ที่ให้คำปรึกษาอยู่บ่อยๆ

"ลูก 5 คน รู้จักกันดี อาจโชคดี ทุกคนน่ารักหมดเลย ทุกคนเป็นกันเอง ปรึกษาหารือกันอยู่เรื่อย คุณชัยเป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพ ลูกๆ ทุกคนรัก ฟังคุณชัย ท่านเป็นหัวเรือใหญ่ที่ทุกคน พึ่งพา เราต่างก็เคารพนับถือ"

นอกเหนือจากคำแนะนำที่ดีแล้ว เงินทุนส่วนหนึ่งที่นำมาใช้ในการพัฒนาโครงการใหม่ๆ ก็ได้เงินกู้มาจากธนาคารกรุงเทพ อย่างเช่นโครงการปราณลักษณ์ เป็นบ้านพักตากอากาศที่อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่มูลค่าโครงการ 400 ล้านบาท

ศุภราช กรุ๊ป ไม่ได้ประโยชน์ทางด้านการเงินเพียงฝ่ายเดียว แต่ธนาคารกรุงเทพก็ได้ประโยชน์เฉกเช่นเดียวกัน โดยได้ประโยชน์จากลูกค้าที่ซื้อคอนโดมิเนียม และบ้านพักตากอากาศ ของศุภราช ที่มาใช้บริการสินเชื่อจากธนาคาร

การเกื้อกูลของทั้งสองตระกูล เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจได้เป็นอย่างดี และเป็นการขยายธุรกิจไปสู่ธุรกิจใหม่ๆ และการเกี่ยวดองกันเช่นนี้ย่อมทำให้มีการไว้เนื้อเชื่อใจกันมากขึ้น

แม้ว่าตระกูลโสภณพนิชจะเป็นส่วนหนึ่งของผู้อยู่เบื้องหลังที่ผลักดันให้ศุภราชกรุ๊ป ประสบความสำเร็จในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็ตาม แต่ผลการทำงานส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นนั้นมาจากสุเมธและเลอลักษณ์ที่ใช้ความรู้และประสบการณ์ที่เก็บเกี่ยวมานานกว่า 10 ปีอย่างต่อเนื่อง

โดยเฉพาะสุเมธที่เป็นหัวเรือใหญ่สำหรับธุรกิจนี้ เขาเริ่มจับธุรกิจคอนโดมิเนียม ในเมือง หรือซิตี้คอนโด ตั้งแต่ปี 2545 ที่ยังไม่ได้รับความนิยม และพัฒนาโครงการแรกที่มีชื่อว่า "พหลเมโทร คอนโดมิเนียม" ในซอยพหลโยธิน ซึ่งคอนโดที่สร้างจะต้องอิงไป กับรถไฟฟ้าที่กลายเป็นวิถีชีวิตของคนเมือง ที่ต้องการเดินทางรวดเร็วและสะดวกสบาย

สิ่งที่เขาเห็นจึงทำให้เกิดคอนโดมิเนียมอีก 2 แห่งตามมา โครงการเซนส์สุขุมวิท คอนโด มิเนียมสูง 8 ชั้น ซอยสุขุมวิท 86 ถนนสุขุมวิท และโครงการที่สอง COURT YARD 39 เป็นอพาร์ตเมนต์สูง 8 ชั้น ซอยสุขุมวิท 39 จากวิสัยทัศน์ดังกล่าว ทำให้ปิดจำหน่ายไปแล้ว 2 โครงการ โครงการแรกที่พหลเมโทร คอนโดมิเนียม และโครงการ COURT YARD 39

สุเมธมองว่าจะเห็นคอนโดมิเนียมใหม่ๆ เกิดตามเส้นทางรถไฟฟ้าอีกใน 1-2 ปีนี้อย่างแน่นอน คนที่อาศัยอยู่ในเมืองจะตัดสินใจซื้อคอนโดมิเนียมมากกว่าซื้อรถ ที่มองว่าเป็นภาระ แต่เขาก็ยังเชื่อว่าหลังจากนั้นอีก 5 ปี บ้านและทาวน์เฮาส์ก็จะกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งหนึ่ง เพราะเส้นทางรถไฟฟ้าเริ่มขยายออกไปสู่นอกเมืองมากขึ้น เมื่อถึงตอนนั้นผู้ซื้ออาจไม่จำเป็นต้องเข้ามาซื้อคอนโดมิเนียมในเมืองอีก

ด้วยประสบการณ์การเรียนรู้ทางด้านสถาปัตยกรรมและการออกแบบในเมือง ทั้งการเรียนผ่านต่างประเทศและทำงานอยู่ที่สหรัฐอเมริกา 5 ปี ทำให้สุเมธเข้าใจโครงสร้างระบบการทำงาน และวิธีคิดอย่างละเอียดรอบคอบ โดยเฉพาะอาคารเก่าที่ต้องนำมาปรับใหม่เพื่อให้ใช้งานได้อย่างเหมาะสม

"จุดแข็งของเรา รับออกแบบ เรารู้ถึงวิธีการสร้างเป็นยังไง รวมทั้งคอนโด ด้วยความเป็นสถาปนิก เราหลอกลูกค้าไม่ได้ เราพูดถึงคุณสมบัติมันได้อย่างเต็มปาก"

ด้วยประสบการณ์ที่เขาได้รับมาจากต่างประเทศ และนำมาผสมกับความรู้ภายในประเทศ บวกกับคำแนะนำจากชัย ทำให้ก้าวไปสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้อย่างมั่นคง

สุเมธยังได้บอกวิธีการสอนของชัยเพิ่มเติมว่า นอกจากเรื่องวินัยทางด้านการเงิน แล้ว ชัยยังได้สอนให้เขามีความรับผิดชอบต่อสังคมด้วย

เขาได้ยกตัวอย่างให้เห็นภาพในโครงการปราณลักษณ์ บ้านพักตากอากาศ ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่เข้าไปช่วยปรับปรุง ถนนลงหาดให้ดีขึ้นและมอบให้กับสาธารณะ หรือรักษาสภาพต้นมะพร้าวให้สวยงาม โดยไม่ตัดให้เสียสภาพแวดล้อมก็เป็นสิ่งที่เขาได้รับถ่ายทอดมาเช่นเดียวกัน

ดูเหมือนว่าคำแนะนำหรือคำสอนของ ชัยที่มีต่อสุเมธได้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาทำธุรกิจอย่างระมัดระวังและเป็นสิ่งที่เขาภาคภูมิ ใจที่มีต้นแบบอย่างชัย โสภณพนิช นอกเหนือ จากบิดาของเขาที่เป็นต้นแบบที่ดีอยู่แล้ว

แม้ว่าบิดาของเขาจะไม่มีชื่อเสียง แต่ในอดีตเขาเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่คณะวิศวกรรม ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่หลายสิบปี ทำให้มีลูกศิษย์มากมาย จึงทำให้สุเมธได้รับการยอมรับจากกลุ่มลูกศิษย์ที่อยู่ในวงการอสังหา ริมทรัพย์ได้ง่าย บางครั้งทำให้การเจรจาธุรกิจ ราบรื่นอย่างไม่คาดคิด

สุเมธเป็นนักธุรกิจหนุ่มรุ่นใหม่ที่ใฝ่ฝัน จะสร้างธุรกิจที่เขารักให้ประสบความสำเร็จ และเขายังบอกว่า เขาเป็นคนโชคดี ได้ทำงานในสิ่งที่ตัวเองรัก เพราะทำงานทุกวันนี้เหมือนไม่ได้ทำงาน


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.