|
ฟิทช์คงอันดับเครดิตAEON-UOB
ผู้จัดการรายวัน(25 ธันวาคม 2550)
กลับสู่หน้าหลัก
ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศ ระยะยาวของบริษัทอิออน ธนสินทรัพย์ ‘BBB+(tha)’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ และอันดับเครดิตในประเทศระยะสั้นที่ระดับ ‘F2(tha)’ พร้อมประกาศคงอันดับเครดิตของธนาคารยูโอบี
บริษัทบริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า อันดับเครดิตของอิออนสะท้อนให้เห็นถึงจุดแข็งของบริษัทในการให้บริการลูกค้าเฉพาะกลุ่ม ผลกำไรและความสามารถในการทำกำไรที่แข็งแกร่งในธุรกิจสินเชื่อรายย่อยในประเทศไทย เงินกองทุนที่แข็งแกร่ง และการสนับสนุนบางส่วนจากบริษัทแม่ในต่างประเทศ กลยุทธการปล่อยสินเชื่อที่มีอัตราการเติบโตสูงของบริษัทในช่วงหลายปีที่ผ่านมาทำให้เกิดความเสี่ยงต่อคุณภาพสินทรัพย์ของบริษัท
ดังจะเห็นได้จากอัตราการผิดนัดชำระหนี้ที่มีแนวโน้มที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าสภาวการณ์ในการดำเนินธุรกิจได้อ่อนแอลงในปี 2549 และ 2550 แต่การเพิ่มขึ้นของอัตราการผิดนัดชำระหนี้และค่าใช้จ่ายการกันสำรองมีแนวโน้มคงตัวแม้ว่ายังอาจมีความเสี่ยงจากค่าใช้จ่ายการกันสำรองที่อาจเพิ่มสูงขึ้นอีกจากสภาพเศรษฐกิจที่อ่อนตัวลง กำไรสุทธิของบริษัทเติบโตในระดับปานกลาง ซึ่งเป็นอัตราที่ลดลงเมื่อเทียบกับหลายปีก่อนหน้านี้เนื่องจากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยและการกันสำรองหนี้ด้อยคุณภาพที่สูงขึ้น ต้นทุนการปล่อยสินเชื่อที่สูงขึ้นซึ่งส่งผลกระทบต่อส่วนต่างกำไร (margin) ของบริษัทได้ถูกชดเชยด้วยรายได้จากค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้น
อิออนขยายตัวไปตลาดต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลของบริษัทก็เติบโตอย่างรวดเร็วจนในปัจจุบันเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ให้กับบริษัทมากที่สุด บริษัทได้เสริมความแข็งแกร่งในการบริหารความเสี่ยงในด้านนโยบายการปล่อยสินเชื่อและการดำเนินการจัดเก็บหนี้ บริษัทได้พัฒนาระบบฐานข้อมูลลูกค้าขนาดใหญ่เพื่อจะช่วยจำแนกความเสี่ยงของลูกค้าและเก็บรวบรวมข้อมูลรายละเอียดลูกค้าเพื่อการจัดเก็บหนี้
นอกจากนี้อิออนยังตั้งศูนย์การจัดเก็บหนี้ในภูมิภาคทั้งหมดสี่แห่ง และกระจายภาระความรับผิดชอบเพื่อการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
อิออนเป็นผู้ประกอบการรายสำคัญในตลาดสินเชื่อรายย่อยสำหรับลูกค้ารายได้ต่ำ ธุรกิจของบริษัทคือการให้บริการแก่ลูกค้าในรูปแบบสินเชื่อประเภทต่างๆ ซึ่งรวมถึง สินเชื่อเช่าซื้อ สินเชื่อบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล และการซื้อสิทธิเรียกร้อง (Factoring)
คงอันดับเครดิตของธนาคารยูโอบี
นอกจากนี้ฟิทช์ เรทติ้งส์ ได้ประกาศคงอันดับเครดิตของธนาคารยูไนเต็ด โอเวอร์ซีส์ (ไทย) (UOBT; ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นธนาคารเอเชีย) ดังต่อไปนี้: อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว (Long-term Foreign Currency Issuer Default Rating (IDR)) ที่ ‘A-’ (A ลบ) แนวโน้มมีเสถียรภาพ อันดับเครดิตสากลสกุลเงินตราต่างประเทศระยะสั้นที่ ‘F2’ อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินที่ ‘C/D’ อันดับเครดิตสนับสนุนที่ ‘1’ อันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) ระยะยาวที่ ‘AA+(tha)’ แนวโน้มมีเสถียรภาพ และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ ‘F1+(tha)’
อันดับเครดิตของ UOBT มีพื้นฐานมาจากการที่ United Overseas Bank ของสิงคโปร์ (“UOB” ซึ่งได้รับการจัดอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศที่ ‘AA-’(AA ลบ)) ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นซึ่งมีอำนาจในการบริหารธนาคาร ถึงแม้ว่าข้อจำกัดในการถือหุ้นของต่างชาติอาจจะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของ UOB ลดลงหลังจากปี 2551 ผลกระทบดังกล่าวจะถูกลดทอนลงจากความแข็งแกร่งของฐานเงินทุนของ UOBT ที่เพิ่มขึ้นให้อยู่ในระดับที่เพียงพอต่อการขยายธุรกิจในระยะยาว ซึ่งจะช่วยจำกัดการลดสัดส่วนการถือหุ้นใน UOBT ของ UOB ให้น้อยที่สุด
เมื่อพิจารณาถึงชื่อเสียงและทรัพยากรของ UOB รวมทั้งชื่อของ UOBT ที่ใกล้เคียงกับบริษัทแม่ของธนาคาร ฟิทช์เชื่อว่ามีความเป็นไปได้สูงมากที่ UOBT จะได้รับการสนับสนุนจากบริษัทแม่อย่าง UOB ในกรณีที่มีความจำเป็น การเปลี่ยนแปลงใดๆในการถือหุ้นของ UOB รวมทั้งข้อผูกพันและการสนับสนุนของธนาคารที่มีต่อ UOBT ย่อมส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตสากลและอันดับเครดิตภายในประเทศของ UOBT
UOBT รายงานผลขาดทุนสุทธิที่ 521.7 ล้านบาท สำหรับผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปี 2550 ลดลงอย่างมากจาก ผลกำไรสุทธิ 1.3 พันล้านบาท สำหรับผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปี 2549 โดยมีสาเหตุหลักมาจากหลักเกณฑ์การกันสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญที่เข้มงวดขึ้นตามประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อปฏิบัติตามมาตรฐานการบัญชีระหว่างประเทศฉบับที่ 39 (IAS 39)
รวมถึงผลขาดทุนจากการขายลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ และต้นทุนการปล่อยสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น รายได้จากดอกเบี้ยยังคงที่ในระดับเดิมเนื่องจากการขยายตัวของสินเชื่อที่ค่อนข้างต่ำ ผลประกอบการของธนาคารน่าจะปรับตัวดีขึ้นในปี 2551 จากการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจภายในประเทศจะปรับตัวดีขึ้นและจากงบดุลของธนาคารที่ดีขึ้น อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ UOBT มีแนวโน้มดีขึ้นจากผลกำไรที่คาดว่าจะดีขึ้นและการเติบโตของธนาคารในอีก 1 ถึง 2 ปีข้างหน้า
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|