สิ้นปีลูกค้าเร่งซื้อบ้านหนีต้นทุนใหม่ เอ็น.ซี.ฯรับอานิสงส์ยอดขายกระเตื้อง


ผู้จัดการรายวัน(17 ธันวาคม 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

ผู้บริหารเอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่งฯ คาดปี2551 ตลาดแนวราบแข่งดุ จัดสรรพร้อมปรับราคาขายทั่วหน้า ย้ำจุดยืนของบริษัทเน้นพัฒนาบ้านเดี่ยวระดับกลาง2-5 ล้านบาท พร้อมปรับโปรดักส์ให้มีความเฉพาะตัว เตรียมเพิ่มสัดส่วนบ้านแฝด-ทาวน์เฮาส์ รองรับลูกค้ากำลังซื้อหด ชี้แนวโน้มดอกเบี้ยยังต่ำ คาด ธ.ค.ลูกค้าเร่งตัดสินใจซื้อหนีราคาบ้านใหม่ แจง11เดือนยอดขาย1,500-1,600ล้านบาทตกเป้าเล็กน้อย

นายสมนึก ตันฑเทอดธรรม รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี. เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าแนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทในปี2551 นั้นจะยังคงเน้นพัฒนาบ้านเดี่ยวในตลาดระดับกลาง ราคา 2-5 ล้านบาท ที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญเป็นหลัก แต่อาจจะมีการปรับปรุงรูปแบบให้มีความเฉพาะตัวของสินค้ามากขึ้น ในขณะเดียวกันก็อาจจะมีการปรับราคาขายขึ้นด้วย เพื่อให้สอดรับกับต้นทุนการก่อสร้างใหม่ ที่มีผลจากการปรับขึ้นราคาวัสดุก่อสร้าง เนื่องจากต้นทุนน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนจะปรับสัดส่วนการพัฒนาสินค้าใหม่ โดยจะมีการเพิ่มสัดส่วนของสินค้าประเภททาวน์เฮาส์ และบ้านแฝดเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลงจากการปรับขึ้นของอัตราเงินเฟ้อในปัจจุบัน ทั้งนี้คาดว่าในปีหน้าการแข่งขันตลาดจัดสรรจะสูงกว่าในปี2550 ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการปรับรูปแบบบ้านให้มีความเฉพาะตัวมากขึ้น โดยเฉพาะในเฟสต่อเนื่องโครงการเดิมที่มีการเปิดขายไปแล้ว เพื่อให้สามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการรายอื่นได้ รวมถึงการปรับรูปแบบการทำตลาดด้วย โดยจะเน้นการจัดกิจกรรมภายในโครงการ และพื้นที่ต่างๆ เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของลูกค้าด้วย

"แม้ว่าจะมีการปรับเพิ่มสัดส่วนของสินค้าประเภททาวน์เฮาส์ และบ้านแฝดเข้ามา แต่ในส่วนของบ้านเดี่ยว บริษัทก็ไม่ได้ปรับลดสัดส่วนลงไป ทั้งนี้ สินค้าบ้านแฝด และทาวน์เฮาส์นั้นจะเป็นการเปิดโครงการใหม่ๆ เพื่อทดแทนสินค้าเดิมที่หมดไปบางส่วน และมีโครงการที่เปิดใหม่มากกว่าในปีที่ผ่านมาดังนั้นจึงทำให้สินค้าบ้านแฝดและทาวน์เฮาส์มีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นจากปีนี้"

สำหรับแนวทางการปรับตัวเพื่อรับกับการแข่งขันในปี 2551 ทางบริษัทต้องเน้นในเรื่องของการนำระบบบริหารจัดการต้นทุนเข้ามาใช้ให้มากขึ้น เช่น การซื้อที่ดินในต้นทุนที่ถูก เน้นการก่อสร้างที่รวดเร็ว กระตุ้นการตัดสินใจของลูกค้าให้เร็วขึ้นด้วยการจัดกิจกรรมการขายที่ต่อเนื่องและถี่ขึ้น

" แม้ว่าต้นทุนราคาวัสดุก่อสร้างที่ปรับตัวสูงขึ้น จะส่งผลต่อต้นทุนการก่อสร้างของผู้ประกอบการ ซึ่งจะทำให้ในปีหน้า ผู้ประกอบการจะมีการปรับราคาขายบ้านที่สูงขึ้น และอาจจะกระทบต่ออำนาจของผู้ที่จะซื้อที่อยู่อาศัย แต่เนื่องจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ยังคงเป็นปัจจัยบวกที่ทำให้ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัย ในตลาดแนวราบยังมีอยู่ต่อเนื่อง ดังนั้นคาดว่าในปีหน้าตลาดน่าจะยังทรงตัวหรือเติบโตจากปีนี้บ้างเล็กน้อย"

นายสมนึก กล่าวถึงผลการดำเนินงานในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมาว่า บริษัทมียอดขายแล้วประมาณ 1,500 -1,600 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้ายอดขายทั้งปีที่วางไว้ 1,800 -2,000 ล้านบาทเล็กน้อย แต่อย่างไรก็ดี คาดว่าในช่วงเดือน ธ.ค.นี้ยอดขายบ้านของบริษัทจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากผลบวกจากการปรับตัวของราคาวัสดุก่อสร้าง ที่ทำให้ในปีหน้าแนวโน้มราคาบ้านมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก อาจเร่งให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยเร็วขึ้นและส่งผลดีกับบริษัท

สำหรับสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา นับว่าดีขึ้นกว่าในช่วงกลางปี ซึ่งจากการจัดกิจกรรมด้านการตลาดในโครงการทำให้ยอดขายเพิ่มสูงกว่าในเดือนที่ผ่านๆมา แต่ในเดือน พ.ย.ตลาดมีการชะลอตัวลงเล็กน้อยทำให้ยอดขายตกจากเดือน ต.ค. และในเดือนธ.ค.50 นี้ บริษัทจะมีการจัดกิจกรรมการตลาดให้มากขึ้น โดยจะเร่งขายบ้านในส่วนที่เป็นบ้านพร้อมโอนให้ได้มากที่สุด และคาดว่าการจัดกิจกรรมด้านการตลาดจะสามารถเร่งการตัดสินใจของลูกค้าให้เร็วขึ้นด้วย


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.