|
เตือนเศรษฐกิจปีหน้ายังหน้าห่วง ดัชนีพ.ย.ฟื้นทุกหมวดรอบ13เดือน
ผู้จัดการรายวัน(14 ธันวาคม 2550)
กลับสู่หน้าหลัก
หอการค้าไทยเตือนนักธุรกิจช่วยตัวเอง เหตุปีหน้าเศรษฐกิจยังน่าห่วง กว่าจะฟื้นตัวได้คงไตรมาสที่ 4 ระบุหากได้รัฐบาลไม่ถูกใจ หรือนโยบายเศรษฐกิจไม่ชัด ก็จะยิ่งแย่ ส่วนผลสำรวจความเชื่อมั่นเดือนพ.ย. ปรับตัวดีขึ้นทุกรายการในรอบ 13 เดือน หลังคนเริ่มมีความหวังใกล้เลือกตั้ง ส่งออกขยายตัวดี “ธนวรรธน์”ชี้เป็นเพียงแค่สัญญาณทรุดตัวหยุดลง ย้ำปีหน้าถ้าการเมืองไม่นิ่ง นโยบายรัฐห่วย เป็นปีเผาจริงแน่
นายดุสิต นนทะนาคร รองประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ในปี 2551 เศรษฐกิจไทยยังน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะหากได้รัฐบาลใหม่ที่ไม่ถูกใจประชาชน หรือนโยบายด้านต่างๆ ยังไม่มีการปฏิบัติได้จริง ซึ่งหอการค้าไทยได้แนะนำนักธุรกิจให้พึ่งตัวเองให้มากกว่าปีนี้ เช่น ลดต้นทุนการผลิต เพราะเชื่อว่า ไตรมาส 1-3 ปีหน้า เศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นแน่นอน แต่น่าจะเริ่มดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4 เป็นต้นไป ส่วนปี 2552 จะเข้มแข็งมากขึ้น
ทั้งนี้ สิ่งแรกที่รัฐบาลใหม่ควรทำ คือ การสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค เพื่อกระตุ้นการบริโภคภายใน รวมถึงฟื้นการลงทุน การค้าชายแดน เพราะหากจะหวังการส่งออกเป็นตัวขับเคลื่อนคงลำบาก เพราะการส่งออกจะชะลอตัวจากปัญหาซับไพร์มในสหรัฐฯ
“ปีหน้าเศรษฐกิจไทยที่คาดว่าจะโต 5% จะหวังพึ่งการส่งออกอย่างเดียวคงไม่ได้ จะหวังให้การส่งออกโต 10% ก็ยากแล้ว เพราะมีปัจจัยเสี่ยงราคาน้ำมัน ซึ่งเอกชนหวังว่า คงไม่ขึ้นไปเกิน 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพราะจะปรับตัวยาก ขณะนี้เอกชนตั้งรับราคาน้ำมันไว้ที่ 90 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพื่อวางแผนการผลิตและลดค่าใช้จ่ายบริหารต้นทุน” นายดุสิตกล่าว
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.2550 ที่สำรวจประชาชนทั่วประเทศ 2,253 ตัวอย่าง ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทุกรายการปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันปรับตัวดีขึ้นเป็นครั้งแรกรอบ 13 เดือน โดยดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมเดือนพ.ย. อยู่ที่ 69.3 เพิ่มจาก 68.6 ในเดือนต.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางานทำอยู่ที่ 70.3 เพิ่มจาก 69.8 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต 89.1 จาก 88.1
ทั้งนี้ ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.อยู่ที่ 76.2 เพิ่มจาก 75.5 ในเดือนต.ค. แต่ยังต่ำกว่าระดับ 100 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 41 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในปัจจุบันเท่ากับ 70.0 เพิ่มจาก 69.8 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคตเท่ากับ 76.0 เพิ่มจาก 75.1
สาเหตุที่ดัชนีปรับตัวดีขึ้น เพราะการเมืองมีความชัดเจนมากขึ้น จากการเลือกตั้งวันที่ 23 ธ.ค.นี้ การส่งออกสินค้าไทยในเดือนที่ผ่านมา ที่ขยายตัวถึง 27.9% มูลค่า 13,000 ล้านเหรียญสหรัฐ กระทรวงการคลังปรับประมาณการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัวที่ระดับ 4.5% จากเดิม 3.8-4.3%
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าดัชนีความเชื่อมั่นจะปรับตัวดีขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าเศรษฐกิจไทยกลับมาฟื้นตัว เพียงแต่หยุดการทรุดตัวลง เพราะยังคงมีปัจจัยลบในเรื่องราคาน้ำมันแพง ที่ทำให้คนกังวลถึงภาระค่าครองชีพที่สูงขึ้น ดังนั้น รัฐบาลใหม่จะต้องเร่งสร้างความชัดเจนถึงการดำเนินงานนโยบายด้านเศรษฐกิจ เพราะหากประชาชนยอมรับในนโยบายเศรษฐกิจแล้ว จะทำให้การบริโภคฟื้นกลับมาชัดเจนได้ภายในไตรมาส 2 ปี 2551
“แม้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคตจะดีขึ้น แต่ประชาชนยังห่วงค่าครองชีพ ราคาน้ำมันสูง ซึ่งบั่นทอนกำลังซื้อ และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ จึงยังไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัวในปลายปีนี้ เพียงแค่สัญญาณการทรุดตัวหยุดลงเท่านั้น เชื่อว่า ปีหน้า หากการเมืองนิ่ง นโยบายรัฐบาลสามารถฟื้นความเชื่อมั่นได้ และราคาน้ำมันไม่สูงเกิน 100 เหรียญ/บาร์เรล เศรษฐกิจไทยจะฟื้นได้ในไตรมาส 2 แต่หากการเมืองไม่นิ่ง ปัญหาซับไพรม์ในสหรัฐฯบั่นทอนการส่งออก และราคาน้ำมันแพงเกิน 100 เหรียญ/บาร์เรล ปีหน้าเผาจริงแน่นอน” นายธนวรรธน์กล่าว
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|