|
จอห์นสันฯรุกเลนส์รายวัน ขึ้นแท่นผู้นำครองแชร์40%
ผู้จัดการรายสัปดาห์(10 ธันวาคม 2550)
กลับสู่หน้าหลัก
จอห์นสันฯ วางงบปี'51 เพิ่มขึ้น 10% เตรียมรุกตลาดคอนแทกต์เลนส์ชนิดเปลี่ยนรายวันต่อเนื่อง หวังดันสัดส่วนผู้บริโภคใช้เลนส์รายวันแตะ 20% ในปีหน้า ชูกลยุทธ์ให้ความรู้ผู้บริโภคผ่านสถาบัน วิชั่นแคร์ ล่าสุด เพิ่มเม็ดเงินอีก10-15% ประชาสัมพันธ์สถาบันอย่างเต็มที่ หลังเปิดให้บริการครบ 1 ปี พร้อมจัดแคมเปญ "วิชั่น แคมป์" รับโอลิมปิค 2008 หวังสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น จากนี้ต่อไป เป้าหมายของจอห์นสันฯคือการบุกตลาดเลนส์รายวัน เพื่อคว้าแชร์ 40% เป็นผู้นำตลาดคอนแทกต์เลนส์อย่างชัดเจน
ปัจจุบัน ตลาดคอนแทกต์เลนส์ในเมืองไทยมีมูลค่ากว่า 1,500 ล้านบาท โดยแบรนด์ "แอคคิววิว" ของค่าย จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ครองแชร์ราว 35% ใกล้เคียงกับเบอร์สองในตลาด ทำให้ภาพความเป็นผู้นำของ "แอคคิววิว" จึงยังไม่ชัดเจน เนื่องจากเมื่อพิจารณาตามประเภทคอนแทกต์เลนส์ ที่แบ่งเป็น ชนิดรายเดือน 60% ซึ่งเป็นสัดส่วนมากสุดในตลาดคอนแทกต์เลนส์ มีแบรนด์ "บอช แอนด์ ลอมบ์" ผู้เล่นหลักในตลาดอีกรายหนึ่งเป็นผู้นำอยู่ในเซกเมนต์นี้ ขณะที่คอนแทกต์เลนส์ชนิดรายวันที่มีสัดส่วนประมาณ10-15% ทั้งแบรนด์แอคคิววิว และบอช แอนด์ ลอมบ์ มีส่วนแบ่งใกล้เคียงกัน และที่เหลืออีกประมาณ 25% เป็นคอนแทกต์เลนส์เพื่อแฟชั่น (แบบสี)
ดังนั้น เป้าหมายของจอห์นสันฯในตอนนี้ คือ การรุกตลาดคอนแทกต์เลนส์รายวัน เพื่อผลักดันให้คอนแทกต์เลนส์ชนิดดังกล่าวขยายตัวมากขึ้น เนื่องจากเป็นตลาดที่ดูสูสีและสามารถเบียดคู่แข่งขึ้นมาเป็นผู้นำได้ง่ายที่สุด เมื่อเทียบกับเซกเมนต์อื่น ซึ่งหากเป็นไปตามเทรนด์ของตลาดคอนแทกต์เลนส์ในเอเชีย อย่างเช่น ญี่ปุ่นที่พบว่าคอนแทกต์เลนส์แบบวันเดย์ได้รับความนิยมสูงสุด ส่วนชนิดเปลี่ยนรายเดือนกับรายปีมีสัดส่วนลดลง ย่อมถือเป็นโอกาสที่แอคคิววิวจะขึ้นมาเป็นผู้นำได้อย่างชัดเจนมากขึ้น
"สำหรับตลาดในเมืองไทยเชื่อว่าจะเป็นไปตามเทรนด์ของตลาดเอเชีย โดยคาดว่าภายใน3-5 ปี ตลาดคอนแทกต์แบบรายวันจะมีสัดส่วนเพิ่มเป็น 70% จากตอนนี้ที่มีอยู่ประมาณ 10-15%" เป็นคำกล่าวของ สุวิมล วานิชวรานนท์ ผู้จัดการ ฝ่ายวิชั่นแคร์ บริษัท จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (ไทย) เมื่อครั้งเปิดตัว1-Day Acuvue DEFINE และ 1-Day Acuvue Moist เมื่อต้นปีที่ผ่านมา
ฉะนั้น การบุกตลาดในปีหน้า จอห์นสันฯจึงโฟกัสไปที่ตลาดคอนแทกต์เลนส์ชนิดรายวันเช่นเดิม ด้วยการเตรียมงบตลาดที่เพิ่มจากปีนี้อีก 10 -15% สำหรับการทำตลาดอย่างเต็มที่ หลังจากที่ต้นปีนี้ลอนช์ -Day Acuvue DEFINE และ 1-Day Acuvue Moist มาเป็นหัวหอกบุกตลาดคอนแทกต์เลนส์รายวัน โดยเฉพาะโปรดักส์ตัวหลังเป็นนวัตกรรมที่ลอนช์ออกมา เพื่อแก้จุดอ่อนของคอนแทกต์เลนส์รายวันให้สามารถใส่ได้นานเพิ่มจากปกติอีก 2 - 3ชั่วโมง จากเดิมที่คอนแทกต์เลนส์ชนิดนี้จะให้ความชุ่มชื้นและสามารถใส่ได้เฉลี่ยเพียง 8 ชั่วโมง และในปีหน้าค่ายนี้ก็จะทำการลอนช์โปรดักส์ตัวใหม่เพื่อดึงดูดให้ผู้บริโภคหันมาสนใจคอนแทกต์เลนส์ชนิรายวันอย่าต่อเนื่อง โดยเน้นเรื่องความสบาย สุขภาพของดวงตา ความสะดวกในการใช้งาน เนื่องจากเป็นปัจจัยการตัดสินใจซื้ออันดับต้นๆของลูกค้า ขณะที่ราคา เป็นปัจจัยท้ายๆในการตัดสินใจซื้อทำให้การวางตำแหน่งราคาสูงกว่าผู้เล่นรายอื่นราว 25-30% จึงไม่เป็นข้อเสียเปรียบ เช่น 1-Day แบบแพ็ค 15 คู่ ราคาประมาณ 1,200 บาท หรือแบบชนิดรายเดือนคู่ละ 200 บาท
พร้อมกันนี้จอห์นสันฯจะเน้นการให้ความรู้กับผู้บริโภคอย่างถูกต้อง ทั้งเรื่องการดูแลสายตา หรือการเลือกใช้คอนแทกต์เลนส์อย่างถูกต้อง โดยมีเป้าหมายเพื่อขยายฐานคนที่มีปัญหาสายตาให้หันมาใช้ ด้วยการนำเรื่องความปลอดภัยและสุขภาพของดวงตา ที่สามารถรองรับไลฟ์สไตล์เข้ามาเป็นแรงจูงใจ ซึ่งเป็นการนำอีโมชันนัลและฟังก์ชันนัลเข้ามาช่วยสร้างตลาด ซึ่งเครื่องมือหลักที่ค่ายนี้นำมาใช้ คือ สถาบัน วิชั่นแคร์ ที่เปิดให้บริการครบ 1 ปีเมื่อเร็วๆนี้
ทั้งนี้ ไทยเป็น 1 ใน 7 ประเทศที่มีสถาบัน วิชั่นแคร์ ประกอบด้วย สหรัฐอเมริกา, กรุงโซล เกาหลีใต้, ไทเป ไต้หวัน, กรุงปราก สาธารณรัฐเชค, โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น, เซี่ยงไฮ้ และมิลาน ประเทศอิตาลี สำหรับสาขาในไทยที่เริ่มเปิดให้บริการเมื่อต้นปีที่ผ่านมา จอห์นสันฯได้มีการจัดกิจกรรมเปิดอบรมผู้เชี่ยวชาญทางการดูแลสายตาจำนวนกว่า 600 คน แบ่งเป็นคนไทย 600 คน ที่เหลือเป็นชาวสิงคโปร์ และมาเลเซีย 200 คน ซึ่งค่ายนี้ตั้งเป้าว่าในปี 2551 จะเพิ่มจำนวนผู้เข้ารับการอบรมต่อเนื่อง โดยเป็นชาวไทย 1,200 คน และเป็น ชาวต่างชาติในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีก 2,000 คน ขณะเดียวกัน จอห์นสันฯได้เตรียมจัดสรรงบส่วนหนึ่งเพื่อจัดกิจกรรมสำหรับเด็กนักเรียนระดับมัธยม เพื่อแนะนำการใช้สายตาอย่างถูกต้อง เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การเล่นกีฬา การเรียน และขยายวงกว้างไปยังผู้บริโภคทั่วไปอีกด้วย อาทิ การส่งหนังสือเสียงเข้าร่วมโครงการ พร้อมมอบเงินตามจำนวนเทปที่เข้าร่วมโครงการให้กับสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทยและการกีฬาแห่งประเทศไทยด้วย
พร้อมกันนี้ เพื่อขยายฐานและต่อยอดแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น จอห์นสันฯจึงเข้าร่วมเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคที่กรุงปักกิ่ง ปี 2008 ภายใต้แคมเปญ "วิชั่น แคมป์" ด้วยการร่วมกับคณะกรรมการโอลิมปิค เพื่อตรวจเช็คสภาพสายตาให้นักกีฬาที่จะเข้าร่วมการแข่งขัน พร้อมแนะนำการแก้ปัญหาด้วยคอนแทกต์เลนส์ เพื่อช่วยเพิ่มศักยภาพในการมองเห็น โดยเบื้องต้นตั้งเป้าตรวจให้นักกีฬาไทยจำนวน 50 คน และนักกีฬาในประเทศจีนอีก 100 คน
การรุกตลาดอย่างเต็มที่และต่อเนื่องในครั้งนี้ จอห์นสันฯมั่นใจว่าสัดส่วนของคอนแทกต์เลนส์ชนิดรายวันจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 3-4% ในปีหน้า ซึ่งจะทำให้มีสัดส่วนเกือบ 20% จากตลาดคอนแทกต์เลนส์ทั้งหมด โดยจะมาจากการเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ใช้แบบชนิดรายเดือน และกลุ่มที่เคยใช้แต่แว่นตา ซึ่งผู้จัดการ ฝ่ายวิชั่น แคร์ ของจอห์นสัน บอกว่า ผู้บริโภคในกลุ่มหลังจะมีแนวโน้มเปลี่ยนมาใช้คอนแทกต์เลนส์มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะผลการสำรวจกลุ่มวัยรุ่นอายุ 15 - 19 ปี ที่มีปัญหาสายตา พบว่า หันมาใช้คอนแทกส์เลนส์ 100% เนื่องจากต้องการมีบุคลิกภาพที่ดีเนื่องจาก ผู้บริโภคต้องการมีบุคลิกภาพและความสะดวกในการทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันมากยิ่งขึ้น
สำหรับ เป้าหมายที่จอห์นสันฯวางไว้ต่อจากนี้ คือ การผลักดันคอนแทกต์เลนส์รายวันให้ขยายตัวอย่างต่อเนื่องตามเทรนด์ในแถบเอเชีย เพื่อขึ้นเป็นผู้นำตลาดอย่างชัดเจน ด้วยการครองแชร์มากกว่า 40% ในอนาคตอันใกล้ จากปัจจุบันที่มีอยู่ 35%
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|