ชฎาเปิดหมวกอีก2ปี ขัดแย้งวิชิต-ดันไทยพาณิชย์แข็ง


ผู้จัดการรายวัน(19 พฤษภาคม 2546)



กลับสู่หน้าหลัก

กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารไทยพาณิชย์ คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม ยืนยันไม่ต่ออายุแน่ หลังหมดเทอมอีก 2 ปีข้างหน้า หลังเกิดความขัดแย้งระหว่างเธอกับกรรมการและประธานกรรมการบริหาร นายวิชิต สุรพงษ์ชัย อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพ ที่ต้องลาออกจากแบงก์อันดับ 1 ของไทย เพราะขัดแย้งกับฝ่ายบริหารคนอื่นๆ ของธนาคารยักษ์ใหญ่แห่งนี้ กว่าทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งเป็นชะตากรรมเดียวกับที่คุณหญิงชฎา ประสบมาตลอด ด้วยรูปแบบการทำงานที่ต่างกัน ขณะที่คุณหญิงชฎาถือว่านายวิชิตล้วงลูกการทำงานของเธอ

ขณะที่ปัจจุบัน ธนาคารกำลังสร้างฐานธุรกิจให้แข็งแกร่ง เพื่อให้อายุยืนยาวกว่าร้อยปี โดยล่าสุด ดึงตัวนางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ อดีตรองประธานและกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายผลิต ภัณฑ์เครื่องใช้ส่วนบุคคล บริษัท ยูนิลีเวอร์ไทย เทรดดิ้งส์ จำกัด ในเครือกลุ่มยูนิลีเวอร์จากแดนมะกัน เป็นกรรมการรองผู้จัดการใหญ่ และกรรมการบริหารธนาคาร เพื่อร่วมสร้างฐานธนาคารให้แข็งแกร่ง โดยเฉพาะด้านการตลาด เจาะขยายฐานลูกค้าทุกกล่ม รวมถึงการ ปรับรูปแบบโลโก้ใบโพธิ์เดิม แต่เน้นสีใหม่ ส่วนหนี้เน่าธนาคารปัจจุบันเหลือประมาณแสนล้านบาท ลดมากกว่าครึ่งจาก 2 ปีที่แล้วที่สูงถึง 2.5 แสนล้านบาท แต่กว่า 80% อาจต้องส่งฟ้องศาล

ธนาคารไทยพาณิชย์ แบงก์ใหญ่อันดับ 4 ของไทย ที่คนไทยยังคงความเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ผ่าน สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ที่เปิดดำเนินการตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ถึงปัจจุบันกว่า 91 ปีแล้ว เกิดการเปลี่ยนแปลงและต้องฝ่ามรสุมลูกแล้วลูกเล่า ตลอด เวลาเกือบศตวรรษที่ผ่านมา

แบงก์ใบโพธิ์ไม่จำเป็นต้องขายหุ้นให้ฝรั่งช่วงปี 2543

ช่วงหนักที่สุดคือ ระหว่างวิกฤติเศรษฐกิจไทยปี 2540 ที่คุณหญิงชฎา ซึ่งดำรงตำแหน่ง "เบอร์ 2" ในธนาคารแห่งนี้ กว่า 4 ปีแล้ว หลังจากนายโอฬาร ไชยประวัติหมดเทอม กล่าวว่าที่จริงธนาคารไทยพาณิชย์แทบไม่ต้องเพิ่มทุน และขายหุ้นล็อตใหญ่ให้ฝรั่งช่วงปี 2543 ซึ่งขณะนั้นอดีตกรรมการ ผู้จัดการใหญ่แบงก์ใหญ่อันดับ 4 ของไทยแห่งนี้ นายธารินทร์ นิมมานเหมินทร์ เป็นรัฐมนตรีคลัง สมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์ แต่เธอกล่าวว่า ไม่ใช่ความผิดของอดีตรัฐมนตรีคลังผู้นี้

คุณหญิงชฎากล่าวว่า ช่วงนั้น ธนาคารไทยพาณิชย์ต้องเร่งสร้างฐานเงินทุนให้แข็งแกร่ง โดยการหาแหล่งเงินทุนใหม่ ช่วงปี 2542 เพื่อเพิ่มทุนธนาคารครั้งใหญ่ ตามคำสั่งกระทรวงการ คลังยุคนั้น โดยการขายหุ้นเพิ่มทุนให้นักลงทุนต่างชาติ-ไทย น่าเสียดายว่า หากกระทรวงการ คลังขณะนั้นให้เวลาธนาคารอีกสักหน่อย เราคง ไม่ต้องเร่งเพิ่มทุน ขายหุ้น ทั้งหุ้นสามัญและวอรŒแรนต์ มากขนาดนั้น

ขณะที่ช่วงนั้น ทุกฝ่าย รวมทั้งรัฐบาล ประเมินผิดพลาดว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวภาย ใน 3 ปี นับจากวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 ขณะที่ ธนาคารไทยพาณิชย์เริ่มตัดธุรกิจต่างประเทศ ที่ ขยายตัวอย่างมากช่วงนายโอฬารเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ ที่คุณหญิงชฎายอมรับว่า ธนาคาร ไม่ถนัดธุรกิจส่วนนี้ ขณะที่บทบาทที่จะดึงนักลงทุนต่างประเทศเข้าไทย เช่นอดีต ก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป

เพราะรัฐบาลไทยสามารถใช้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และติดต่อผ่านสำนักงานการค้าต่างประเทศ ของ ประเทศต่างๆ ในไทยได้อยู่แล้ว

โดยปิดสำนักงานตัวแทนในนิวยอร์ก และลอนดอน แต่ยังคงสำนักงานในฮ่องกง และสิงคโปร์ เพราะมองว่า 2 ประเทศหลัง เป็น ศูนย์กลางการเงินภูมิภาคนี้ ที่ธนาคารยังใช้ประโยชน์ได้ดี ที่จะทำธุรกิจกับส่วนอื่นๆ ของ โลก

วางมือปี 2548

คุณหญิงชฎา กล่าวด้วยสิหน้าขึงขังจริง จังว่า อีก 2 ปีข้างหน้า เมื่อเธออายุ 58 ปี เธอ จะวางมือตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคาร ไทยพาณิชย์ เพื่อเปิดโอกาสให้คนอื่นเป็นแทน "ดีฉันหวังว่า คงมีโอกาสแนะนำทายาท (ตำแหน่ง นี้) ให้คณะกรรมการธนาคารพิจารณา"

โดยเธอพยายามพูดตลอดเวลาว่า ไม่มีความขัดแย้งระหว่างเธอกับนายวิชิต สุรพงษ์ชัย กรรมการ และประธานกรรมการบริหารธนาคาร ไทยพาณิชย์ ขณะที่พยายามหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงนายวิชิต ซึ่งเคยพยายามที่จะยกเลิกการใช้สัญลักษณ์รูปใบโพธิ์ ที่เป็นสัญลักษณ์พระราชทานจากรัชกาลที่ 5 ที่อยู่คู่ธนาคารแห่ง นี้มาเกือบร้อยปี แต่พนักงานธนาคารต่อต้าน จน ต้องยกเลิกนโยบายนี้ในที่สุด คุณหญิงชฎากล่าวว่า นายจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา นายก กรรมการธนาคารไทยพาณิชย์ และผู้อำนวยการ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เป็น ผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกล โดยพยายามเน้นให้ธนาคารใช้ระบบบรรษัทภิบาลที่ดี (Good Corporate Governance) เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้บริษัทธุรกิจในไทยถือเป็นแบบอย่าง

สร้างฐานธุรกิจให้ธนาคารคงอยู่มากกว่าร้อยปี

คุณหญิงชฎากล่าวว่า ธนาคารกำลังเร่งสร้างฐานธุรกิจใหม่ เพื่อให้ธนาคารใหญ่อันดับ 4 ของไทยแห่งนี้ คงอยู่ ด้วยความมั่นคงกว่าร้อยปี ด้วยส่วนแบ่งตลาดเงินปัจจุบันกว่า 13% ทำให้ธนาคารไทยพาณิชย์ต้องขยายบริการเพื่อลูกค้าทุกกลุ่ม รวมถึงบริษัทธุรกิจขนาดใหญ่ เอสเอ็มอี บุคคล และรายย่อย ด้วยนโยบาย "เราจะเป็นธนาคาร....ที่ลูกค้า ผู้ถือหุ้น และพนักงานเลือก" รวมถึงการปรับสีโลโก้ใบโพธิ์ใหม่

หวังดึงลูกค้ารายย่อยสร้างรายได้ 50%

"ด้วยประชากรกว่า 62 ล้านคนทั่วประเทศ เราเชื่อว่าฐานลูกค้าใหญ่พอ" คุณหญิงชฎากล่าว โดยขณะนี้ ธนาคารกำลังเร่งปรับปรุงรูปโฉมธนาคารทุกสาขาทั่วประเทศ เพื่อดึงดูดลูกค้า โดยเฉพาะลูกค้าบุคคลและรายย่อย ที่ขณะนี้สร้างรายได้ให้ธนาคารประมาณ 25% ของรายได้ ธนาคารทั้งหมด ใช้บริการกับธนาคารเป็นประจำ เป้าหมายคือรายได้ลูกค้าส่วนนี้ประมาณ 50% หนี้เน่า 8 หมื่นล้านบาทหินสุด

ด้านหนี้เน่า (เอ็นพีแอล) ปัจจุบันธนาคารมีหนี้ส่วนนี้ประมาณแสนล้านบาท ที่ประมาณ 80% เป็นส่วนที่เป็นปัญหาที่ต้องฟ้องร้องต่อศาล เพราะเป็นส่วนที่แก้ปัญหายากที่สุด ซึ่งลดจากช่วงสูงสุดกว่า 2 ปีที่แล้ว ที่ 2.5 แสนล้านบาท

นอกจากนี้ ธนาคารไทยพาณิชย์ยังดึงตัวนางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ อดีตรองประธานและกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายผลิต ภัณฑ์เครื่องใช้ส่วนบุคคล บริษัท ยูนิลีเวอร์ไทย เทรดดิ้งส์ จำกัด ในเครือกลุ่มยูนิลีเวอร์จากแดนมะกัน เป็นกรรมการรองผู้จัดการใหญ่ และกรรมการบริหารธนาคาร เพื่อร่วมสร้างฐานธนาคารให้แข็งแกร่ง โดยเฉพาะด้านการตลาด เจาะขยายฐานลูกค้าทุกกล่ม



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.