ต่างชาติทิ้งหุ้นปตท.กดดัชนีรูด15จุด


ผู้จัดการรายวัน(4 ธันวาคม 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

ฝรั่งกระหน่ำทิ้งหุ้นปตท.ไม่แน่ใจผลตัดสินคดีแปรรูป 14 ธ.ค. ฉุดดัชนีหุ้นไทยรูด 15 จุด ขณะที่ PTT ร่วง 22 บาท หรือเกือบ 6% โบรกเกอร์เชื่อมีสิทธิรูดต่อ เตือนอย่าเพิ่งรีบลงทุนรอสารพัดปัจจัยลบชัดเจน ด้าน"เอเชียซอฟท์ฯ" เลื่อนระดมทุนจากเดิม 14 ธ.ค.เป็นไตรมาส1/51หวั่นราคาหุ้นต่ำจองเหตุเป็นวันเดียวกับการวันตัดสินคดีเพิกถอนปตท. โบ้ยเหตุนักลงทุนสถาบันสนใจจองซื้อในราคาต่ำสุดจากปัจจัยลบทั้งใน-นอกประเทศ ด้าน 7 พรรคใหญ่พร้อมโชว์วิสัยทัศน์การพัฒนาตลาดทุนวันนี้

ความเคลื่อนไหวราคาหุ้นบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ช่วง 6 วันก่อนฟังผลพิจารณาตัดสินคดีการแปรรูปในวันที่ 14 ธ.ค.50 โดยนักลงทุนยังกระหน่ำขายอย่างต่อเนื่องเนื่องจากความไม่แน่นอน ซึ่งทำให้วานนี้(3 ธ.ค.) ราคาหุ้นปรับตัวลดลงมาปิดที่ 358 บาท ลดลง 22 บาท หรือ 5.79% มูลค่าการซื้อขายสูงถึง 3,767.73 ล้านบาท หรือกว่า 23% เมื่อเทียบกับมูลค่าการซื้อขายรวม ขณะที่ตลาดหุ้นไทยแม้ว่าในช่วงเช้าจะปรับตัวอยู่ในแดนบวกแต่จากแรงขายในหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มธนาคารพาณิชย์ทำให้ดัชนีปรับตัวลดลงมาปิดที่ 831.12 จุด ลดลง 15.32 จุด หรือ 1.81% โดยจุดสูงสุดของวันอยู่ที่ 850.36 จุดและจุดต่ำสุดอยู่ที่ 830.94 จุด มูลค่าการซื้อขาย 16,938.57 ล้านบาท

ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,671.06 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 623.37 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 1,047.70 ล้านบาท

แหล่งข่าวนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า ผลจากการตัดสินในกรณีปตท.จะออกมาอย่างไรจะส่งผลสะท้อนกลับตลาดหุ้นค่อนข้างรุนแรงแน่ โดยหากศาลมีคำสั่งให้ปตท.ไม่ต้องพ้นสภาพการเป็นบริษัทจดทะเบียนเชื่อว่าจะมีแรงซื้อเข้ามาในหุ้น PTT อย่างมากโดยอาจจะทำให้ราคาหุ้นสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นไปยืนเหนือระดับ 400 บาทได้อีกครั้ง

ทั้งนี้ หากศาลมีคำสั่งให้บมจ.ปตท. ต้องพ้นสภาพการเป็นบริษัทจดทะเบียนจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นในเชิงจิตวิทยาค่อนข้างมาก โดยประเด็นที่ตามมาคงเป็นเรื่องการจับตาราคาที่กระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่จะต้องทำการซื้อหุ้นคืนทั้งหมดว่าจะเป็นราคาเสนอขายในช่วงเข้าตลาดหุ้นที่ระดับ 35 บาทหรือเป็นราคาที่ซื้อขายในปัจจุบันซึ่งอาจจะต้องใช้เงินในการซื้อคืนมากกว่า 5 แสนล้านบาท

"ส่วนตัวยังเชื่อว่านักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศยังค่อนข้างสนใจตลาดหุ้นไทย แต่ในช่วงที่ผ่านมาอาจจะมีการชะลอการเข้ามาลงทุนบ้างเพื่อรอสถานการณ์หลายอย่างที่เป็นผลกระทบมีความชัดเจนมากขึ้น โดยในช่วงนี้นักลงทุนควรเลี่ยงการลงทุนช่วงนี้"แหล่งข่าวกล่าว

โบรกฯเชื่อPTTร่วงต่อ

นางวิริยา ลาภพรหมรัตน ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เกียรตินาคิน กล่าวว่า หุ้น PTT ถูกกดดันจากความไม่แน่นอนคำตัดสินคดีแปรรูปบริษัทซึ่งคาดว่าจะยังมีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวจนถึงวันที่ศาลปกครองสูงสุดจะมีคำพิพากษาในกรณีดังกล่าว โดยแนวโน้มราคาหุ้นอาจจะปรับตัวลดลงมาแตะระดับ 346 บาทซึ่งเป็นราคาต่ำสุดในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ในขณะที่หากผลการตัดสินมีคำสั่งให้ต้องถอนบริษัทออกจากตลาดหลักทรัพย์จะส่งผลกระทบกับตลาดทุนไทยอย่างมาก

นายอดิศักดิ์ คำมูล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เคจีไอ(ประเทศไทย) กล่าวถึงสาเหตุที่หุ้นปตท.ปรับตัวลดลงเป็นอย่างมากว่า นอกเหนือจากการรอคำตัดสินของศาลในช่วงสัปดาห์หน้าแล้ว การปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงของหุ้น PTT ในช่วงตลอดปีที่ผ่านมามากกว่า 70% เป็นเหตุผลที่ทำให้นักลงทุนทยอยขายทำกำไรออกมา

"เรายังต้องรอความชัดเจนกรณีปตท.ว่าจะมีคำตัดสินออกมาอย่างไร ในระยะสั้นอาจจะมีผลกระทบต่อนักลงทุนบ้างแต่สุดท้ายผลการตัดสินยังเป็นประเด็นที่นักลงทุนต้องการความชัดเจน"นายอดิศักดิ์กล่าว

กองทุนมองด/บปีหน้าขาขึ้น

นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย จำกัด กล่าวว่า ปัญหาในประเทศแม้ว่าจะยังมีความเสี่ยงจากราคาน้ำมัน ขณะที่เงินเฟ้อก็อยู่ในระดับสูง แต่มูลค่าของหุ้นในตลาดหุ้นไทยที่ยังถือว่าอยู่ในระดับต่ำจึงทำให้เชื่อได้ว่าเมื่อนักลงทุนหายตกลงใจจากปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ (ซับไพรม์) ก็จะกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง ทั้งนี้เรื่องอัตราดอกเบี้ยคาดว่าในปีหน้าจะเข้าสู่ขาขึ้นเนื่องจากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูง

"ปีหน้าหากการเมืองสงบเชื่อว่าจะสามารถเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนต่างชาติได้ ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติไม่ได้ให้ความสนใจว่าพรรคไหนจะได้เสียงข้างมากในการจัดตั้งรัฐบาล แต่ให้ความสนใจกับประเด็นที่ว่ารัฐบาลควรมาจากการเลือกตั้ง" นางโชติกากล่าว

ในส่วนของปัญหาซับไพรม์ที่ยังเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นเนื่องจากตอนนี้นักลงทุนยังไม่สามารถประเมินความเสียหายจากเรื่องดังกล่าวได้อย่างชัดเจน ซึ่งหากมีความชัดเจนมากขึ้นน่าจะช่วยลดแรงขายหุ้นได้แม้ว่าเรื่องดังกล่าวจะยังส่งผลกระทบต่อเนื่องกับระบบเศรษฐกิจสหรัฐต่อไป

เอเชียซอฟท์ฯเลื่อนเทรด

นายปราโมทย์ สุดจิตพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เอเชียซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากการสำรวจความสนใจจองซื้อหุ้นของนักลงทุนปรากฎว่านักลงทุนให้ความสนใจจองซื้อในช่วงราคาต่ำสุด ซึ่งเป็นผลจากความกดดันจากสภาวะตลาดทั้งในประเทศและในต่างประเทศที่ผันผวนและไม่แน่นอนโดยเฉพาะในช่วงระยะเวลา 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ดังนั้น หากบริษัทฯ นำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดฯ ตามกำหนดการเดิมในวันที่ 14 ธ.ค. การกำหนดราคาหุ้นเพื่อเสนอขายในช่วงสภาวะการณ์ตลาดที่ไม่เป็นปกติจะทำให้ได้ราคาหุ้นที่ไม่เหมาะสม ดังนั้น บริษัทจึงเห็นควรที่จะเลื่อนการเสนอขายหุ้นออกไปเป็นช่วงไตรมาส1/51

ทั้งนี้ การนำเสนอข้อมูลข้อมูล(โรดโชว์)แก่นักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศวันที่ 22 – 28 พฤศจิกายน 2550 และจากการสำรวจความต้องการซื้อหุ้นเอเชียซอฟท์ ฯถือว่าประสบความสำเร็จโดยได้รับความสนใจและผลตอบรับที่ดีจากนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศค่อนข้างมาก จากจุดเด่นของกลุ่มบริษัทฯ ที่เป็นผู้นำในธุรกิจให้บริการด้านความบันเทิงออนไลน์ที่เกี่ยวกับเกมออนไลน์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

นายสุรัตน์ เตศรีประเสริฐ ผู้อำนวยการฝ่ายตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า การกำหนดราคาเสนอขายหุ้นในช่วงที่ตลาดหุ้นเต็มไปด้วยความผันผวนทั้งจากปัจจัยภายในประเทศและปัจจัยภายนอกประเทศ รวมถึงผลเลือกตั้งที่ยังมีความไม่ชัดเจนเป็นแรงกดดันในการเสนอขายและกำหนดราคาไอพีโอ

ทั้งนี้ กำหนดการเดิมในการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ของหุ้นบมจ.เอเชียซอฟท์ฯ ซึ่งเป็นวันและเวลาเดียวกับที่ศาลปกครองจะแถลงผลการพิจารณาในการเพิกถอนการแปรรูป บมจ.ปตท. หรือ PTT ซึ่งหากบริษัทยังคงดำเนินการตามแผนการเดิม ราคาหุ้นที่มีการซื้อขายในวันดังกล่าวอาจได้รับผลกระทบทางด้านลบจากเหตุการณ์ดังกล่าวได้ ซึ่งจะส่งผลเสียต่อภาพพจน์และความเชื่อมั่นของบริษัทได้

อย่างไรก็ตามหากผลการพิจารณาของศาลปกครองต่อการเพิกถอนการแปรรูปของ ปตท. มีความชัดเจนและสภาวะตลาดมีแนวโน้มที่ดีขึ้น การกำหนดราคา IPO ในภายหลัง และการเลือกช่วงเวลาในการเข้าซื้อขายในตลาดในช่วงไตรมาส 1 ปี 2551 น่าจะมีความเหมาะสมยิ่งขึ้น โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ได้อนุมัติให้บริษัท เอเชียซอฟท์ ฯสามารถเสนอขายหุ้นได้ตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย. 50 ที่ผ่านมา

7พรรคโชว์วิสัยทัศน์

ด้านสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เชิญ 6 พรรคการเมืองไทยร่วมแสดงวิสัยทัศน์ในการสัมมนาพิเศษ หัวข้อ “นโยบายพรรคในการบริหารตลาดทุน เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ระบบเศรษฐกิจไทย” ร่วมสัมมนาโดย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคพลังประชาชน พรรคประชาราช พรรคมัชฌิมาธิปไตย พรรคเพื่อแผ่นดิน พรรครวมใจไทยชาติพัฒนาและพรรคชาติไทย ขณะที่ดำเนินรายการโดย ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ในวันอังคารที่ 4 ธันวาคม 2550 เวลา 13.30 น - 17.00 น. ณ หอประชุมศาสตราจารย์สังเวียน อินทรชัย ชั้น 3 อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ทั้งนี้ ผู้ที่คาดว่าจะเป็นตัวแทนพรรคการเมืองทั้ง 7 พรรคในการนำเสนอนโยบายประกอบด้วยนายมิ่งขวัญ แสงสุวรณ จากพรรคพลังประชาชน

นายกรณ์ จาติกวณิช จากพรรคประชาธิปัตย์ นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ จากพรรคมัชฌิมาธิปไตย นายจิรายุ วสุรัตน์ จากพรรคเพื่อแผ่นดิน นายอุตตมะ สาวนายน

จากพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา นายมานะ มหาสุวีระชัย จากพรรคประชาราช และวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ จากพรรคชาติไทย


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.