"วิธีเลือกไวน์ชั้นดีไว้ดื่ม"


นิตยสารผู้จัดการ( ธันวาคม 2535)



กลับสู่หน้าหลัก

"ไวน์มีมากมาย แต่ชั้นดีจริงๆ ต้องรู้จริงในการเลือก เมื่อดื่มไวน์ต้องรู้วิธีการดูไวน์ชั้นดีว่าเป็นอย่างไร" คุณเคยมีคำตอบให้กับตัวคุณเองบ้างไหมว่า หากจะเปลี่ยนรสนิยมการดื่มที่จำเจอยู่กับเครื่องดื่มประเภทบรั่นดีหรือวิสกี้ แล้วหันมาดื่ม ไวน์คุณจะเลือกดื่มไวน์อย่างไร ? !!!

ผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์ท่านหนึ่งได้เปรียบเปรยไว้ว่า ไวน์นั้นนั้นเสมือนมีชีวิตจิตใจ เพราะธรรมชาติของไวน์มีการเปลี่ยนแปลงในตัวเองตลอดเวลา ตั้งแต่การเริ่มหมัก กระทั่งขณะอยู่ในขวดฉะนั้นแล้วการดื่มไวน์ จึงถือเป็นศาสตร์หรือศิลป์แขนงหนึ่ง

อย่างในสังคมตะวันตกเขานิยมดื่มไวน์กันมาก นั้นเป็นเพราะว่าไวน์เป็นเครื่องดื่มของชาวตะวันตก เขาจึงนิยมดื่มกัน ดื่มกันแทนน้ำ

สำหรับคนตะวันตกแล้วการรู้จักไวน์ดีนั้น ถือเป็นการยกระดับตัวเองสู่สังคมอีกระดับหนึ่ง เป็นการแสดงถึงความละเมียดละไม เป็นผู้ที่สมบูรณ์แบบในตัว เพราะไวน์นั้นหากจะดื่มให้ถูกต้องแล้ว ต้องมีความพิถีพิถันกับการดื่มพอสมควร

ก็อีกนั่นแหละใช่ว่าคนในถิ่นตะวันตกจะรู้เรื่องของการดื่มไวน์ดีไปเสียหมดทุกคน อย่างที่บอกแล้วว่าคนที่รู้จักไวน์ดีเพียงพอก็จะอยู่ในชนชั้นระดับสูง ส่วนชนชั้นอื่นๆ ถือว่าเป็นการดื่มตามธรรมเนียมประเพณีดื่มกันมานานเป็นชีวิตจิตใจ ดื่มกันแทนน้ำ

ไวน์ที่เขาดื่มกันส่วนใหญ่เป็นไวน์ที่หมักวันนี้ พรุ่งนี้กรองเอาใส่เหยือกมาดื่ม จึงขาดการหมักที่ได้คุณภาพขาดความพิถีพิถันของการปรุงแต่งผสมระหว่างองุ่นพันธ์ต่างให้ออกมาเป็นไวน์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ

การที่จะมานั่งโต๊ะอาหารแล้วเลือกดื่มไวน์ที่หมักได้ที่เก็บอยู่ในขวดระดับ "ครูส์คลาส" ตามร้านอาหารหรือภัตตาคารชั้นนำมาดื่มกันมีน้อยมาก

ไวน์ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับของนักดื่มไวน์ทั่วไป แม้กระทั่งคนในยุโรปเองก็ตาม คนในสังคมระดับสูงจริงๆ จึงจะรู้เรื่องไวน์ดี

แต่ก็อย่าพึ่งมองว่าการดื่มไวน์กำลังเป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็น บอกแล้วว่าไวน์เป็นศาสตร์อย่างหนึ่งที่ต้องศึกษากันอย่างถ่องแท้สักนิดหนึ่ง เหมือนๆ กับว่าการเรียนรู้เรื่องไวน์เป็นงานอดิเรกค่อยๆ ศึกษาไป

ไวน์ สำหรับในประเทศไทยแล้วไวน์เข้ามาในประเทศไทยพร้อมๆ กับวัฒนธรรมตะวันตกที่เข้ามา แต่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมดื่มกันมากนัก ไม่เหมือนวิสกี้หรือบรั่นดี

คนไทยเราพึ่งจะเริ่มเดินตามวัฒนธรรมของการดื่มไวน์ได้ไม่นานมานี่เองการดื่มไวน์ไม่ใช่ถือว่าเป็นการหัวสูง ไม่เหมือนกับสมัยก่อน เพราะอะไร ? ก็คือว่าคนไทยไม่ค่อยได้เห็นอะไรมากมายนักโลกทัศน์ยังไม่กว้าง

เรายังไม่มีดาวเทียม หรือการไปเมืองนอกเมืองนาหากเป็นสมัยก่อนเป็นเรื่องใหญ่โต แต่ปัจจุบันโลกมันเปลี่ยนไปแล้ว คนไทยกำลังหันมาดื่มไวน์แม้ยังเป็นกลุ่มไม่ใหญ่โตมากมายนัก ก็ถือว่าเป็นการก้าวเริ่มแรก ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการปรับวัฒนธรรมให้เข้ากับชนชาติอื่นๆ

เพื่ออะไรหรือ ? !!! เพื่อจะได้ติดต่อกับเขาได้ดียิ่งขึ้น หลายชาติในโลกที่เขาไม่ดื่มไวน์เช่นเดียวกับเมืองไทยแต่เขาก็ปรับตัวรับเอาวัฒนธรรมอันนี้เข้ามาเหมือนกัน

อย่าลืมว่าการเป็นประเทศในโลกที่สาม ต่อให้เราร่ำรวยอย่างไรก็ตาม ก็ยังถือว่าเป็นประเทศในโลกที่สามอยู่ดีเรามีวัตถุดิบที่จะต้องไปติดต่อค้าขายกับคนในสังคมตะวันตก เราจำเป็นจะต้องปรับปรุงตัวเอง

แม้กระทั่งญี่ปุ่นในปัจจุบัน จะเห็นว่าคนญี่ปุ่นติดต่อค้าขายข้ามไปทั่วโลก สังคมของคนญี่ปุ่นในระดับหนึ่ง เช่นนักธุรกิจเขากำลังหันมาดื่มไวน์กันมาก ตลาดไวน์ในญี่ปุ่นกำลังบูม

ถึงแม้ว่าคนไทยยังไม่ตื่นตัวกันขนานนั้น แต่ก็เริ่มมีคนในหลายๆ กลุ่มกำลังหันมาดื่มไวน์กันมาก เริ่มที่จะขยายวงกว้างขึ้นไปเรื่อยๆ

แล้วการเข้าไปดื่มไวน์ คนที่มีความต้องการจะดื่ม แต่ยังไม่รู้จักไวน์เลยจะมาเริ่มต้นอย่างไร จึงต้องบอกว่าหันมาให้ความสนใจกับไวน์สักนิด ค่อยๆ เก็บเกี่ยวความรู้เรื่องของไวน์ไปที่ละเล็กละน้อย

ขั้นแรกการจะเข้าไปดื่มไวน์นั้นจะเป็นต้องรู้พื้นฐานหรือธรรมชาติของการผลิตไวน์กันก่อน ซึ่งคนทำไวน์แล้วถือว่าไวน์เป็นชีวิตของเขาเลยทีเดียวเขาจะทุ่มเทให้กับมันมาก เราก็ต้องมารู้จักธรรมชาติของไวน์กันสักนิดหนึ่งก่อน

เมื่อพูดถึงไวน์ โดยทั่ว ไปแล้วถือว่าไวน์เป็นเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลเจือปนอยู่ประมาณ 9-14% แอลกอฮอลนี้ได้มาจากการหมักน้ำผลไม้นานาชนิดแต่การดื่มไวน์แล้ว มักจะหมายถึงไวน์องุ่นเป็นส่วนใหญ่

ตลาดไวน์ในเมืองไทยหลายปีที่ผ่านมา ก็มักจะพูดกันถึงไวน์จากประเทศฝรั่งเศสเป็นหลัก เพราะผู้ดื่มมักจะเคยได้สัมผัสไวน์เป็นครั้งแรกในชีวิตจากไวน์ในประเทศนี้ และเหตุผลอีกข้อหนึ่งก็คือ ฝรั่งเศสแต่โบราณมาได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่ผลิตไวน์คุณภาพดีที่สุดในโลก นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีไวน์จากยุโรปซึ่งถือเป็นต้นตำหรับอีกเช่น ไวน์จากอิตาลี ไวน์จากสเปน จากเยอรมันนี

ในปัจจุบันก็มีอีกหลายประเทศที่ได้นำหลักการ และพันธุ์องุ่นจากฝรั่งเศสไปผลิตไวน์ชนิดเดียวกับของฝรั่งเศสไปผลิตไวน์ชนิดเดียวกับของฝรั่งเศสออกมาขายแข่งกับเจ้าของต้นตำหรับดั้งเดิม เราถือว่าเป็นไวน์จากโลกใหม่ เช่นอเมริกา (รัฐแคลิฟอร์เนีย) ออสเตรเลียหรืออเมริกาใต้ อย่างชิลีหากจะนับรวมไวน์ในโลกนี้แล้วก็เรียกว่าเป็นหมื่นๆ ชนิด และไวน์ที่มีชื่อเสียงก็เป็นพันๆ ชนิดเลยทีเดียว

การแบ่งประเภทของไวน์นั้น เราก็มักจะเคยชินกับคำว่าไวน์แดง และไวน์ขาว แต่จริงๆ แล้วเรายังสามารถแบ่งแยกชนิดของไวน์ได้อีกหลายวิธี

อย่างการแบ่งไวน์ตามเปอร์เซ็นต์ของแอลกอฮอล 1) ไวน์ธรรมดาที่จัดว่าเป็น TABLE WINE ส่วนใหญ่มักจะมีแอลกอฮอลอยู่ระหว่าง 9-14% 2)ไวน์ผสม หรือที่เรียกว่า "ฟอร์ติไฟต์ ไวน์" (FORTIFIED WINE) จะมีแอลกอฮอลอยู่ประมาณ 15-21% ตัวอย่างของไวน์พวกนี้มี เชอรี่ พอร์ท และเวอร์มุท การที่ไวน์พวกนี้มีแอลกอฮอลสูงก็เพราะว่ามีการผสมแอลกอฮอลเพิ่มเช่นเดียวกับบรั่นดี

สำหรับ TABLE WINE หรือไวน์ที่ใช้ดื่มทั่วไปแล้วนั้น ยังถูกแบ่งออกเป็น 2 จำพวก คือพวกที่มีแก๊สคาร์บอนไดอ๊อกไซด์อัดไว้ และพวกที่ไม่มีแก๊ส อย่างไวน์ขาวที่มีแก๊ส ก็คือ แชมเปญ

นอกจากนี้ยังสามารถแบ่งได้ตามพันธุ์ขององุ่นที่ใช้ อย่างประเทศที่ไม่มีลักษณะเป็นของตนเอง โดยเฉพาะไวน์ในโลกใหม่เขาก็มักจะเรียกชื่อ ตามพันธุ์ขององุ่น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน อเมริกาและออสเตรเลีย ทั้งสองประเทศซึ่งเป็นที่ผลิตไวน์แห่งปีหลังๆ ของตลาด มักจะเลียนแบบต้นตำหรับอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นต้นตำหรับฝรั่งเศสก็ดี หรือเยอรมันก็ดีแต่บางครั้งก็ต้องยอมรับว่าไวน์จากโลกใหม่ มีคุณภาพดีหรือบางครั้งก็ดีกว่าไวน์ต้นตำหรับเหมือนกัน

แล้วมาถึงพันธุ์องุ่น พันธุ์องุ่นที่นำมาใช้ทำองุ่น ที่ขึ้นชื่อจริงๆ มี คาเบอร์เน่ โซวิยอง จากฝรั่งเศสในถิ่นบอร์โด เป็นชนิดของพันธุ์องุ่นที่ทำไวน์แดงชีราชหรือเฮอร์มิตาชจากฝรั่งเศสในถิ่นลุ่มแม่น้ำโรนห์ เป็นพันธุ์องุ่นที่ทำไวน์แดงเช่นกันหรือ พีโน นวาจากฝรั่งเศสในถิ่นเบอร์กันดี ก็เช่นกัน

ชาดอนเนย์จากฝรั่งเศสในถิ่นเบอร์กันดี เป็นพันธุ์องุ่นที่ทำไวน์ขาย ริสลิ่งจากเยอรมันในถิ่นไวน์กาวใช้ทำไวน์ขาว ซิลวาเนอร์จากฝรั่งเศสในถิ่นเอาล์แซคส์ ใช้ทำไวน์ขาว และที่ใช้ทำไวน์ขาวอีกพันธุ์หนึ่งคือ เกอวูสแทรมมิเนอร์ จากฝรั่งเศสในถิ่นเอาล์แซคส์

ซึ่งทั้งหมดเป็นพันธุ์องุ่นที่ใช้ทำไวน์ที่ขึ้นชื่อมาก อย่างที่บอกแล้วว่าไวน์ในโลกใหม่ก็จะอาศัยชื่อพันธุ์องุ่นพวกนี้มาเป็นยี่ห้อ แต่จริงๆ แล้วสมัยดั้งเดิมแล้วส่วนใหญ่นักดื่มไวน์เขาจะรู้จักไวน์เรียกชื่อตามแคว้นหรือถิ่นกำเนิดมากกว่า เช่นชื่อที่นักดื่มคุ้นเคยกันดีไวน์แดงหรือไวน์ขาวก็ตาม จากถิ่นเบอร์กันดี หรือจากบอร์โด

ผู้ผลิตไวน์ในฝรั่งเศสก็หัวใสมีการตั้งกฏเกณฑ์ไว้ไวน์ที่จะเรียกชื่อตามแคว้นได้ก็ต้องผลิตในแคว้นหรือถิ่นนั้นจริงๆ เพราะดินที่ใช้ปลูกจะมีความเป็นเอกลักษณ์ทำให้องุ่นที่ปลูกในแคว้นหรือถิ่นนั้นๆ มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เช่นเดียวกัน ไวน์ในโลกใหม่จึงเรียกชื่อได้เพียงพันธุ์องุ่นเท่านั้นจะเรียกตามถิ่นไม่ได้

เพราะฉะนั้นความสำคัญขององุ่นไม่ว่าจะเป็นไวน์ชนิดใดก็ตาม ขาวหรือแดง รสชาติที่แตกต่างกันนั้นก็เพราะองค์ประกอบที่ถูกลำดับมาตามความสำคัญ คือ 1 พันธุ์องุ่น 2 ดินและทำเลที่ใช้ในการปลูกต้นองุ่น 3 สภาวะอากาศ 4 ส่าและเชื้อบักเตรีบางชนิด และท้ายสุด กรรมวิธีการหมัก และเก็บ

เมื่อเรารู้จักพันธุ์องุ่นและถิ่นที่ปลูกกันบางแล้ว เราก็ต้องมารู้อีกนิดหนึ่งสำหรับเรื่องปีของ ไวน์ คุณคงเคยได้ยินว่าทำไมไวน์ปีนั้นดี ไวน์ปีนี้ไม่ดีมันเป็นอย่างไร

การไวน์ก็เป็นเช่นเดียวกับการทำไร่ทำนาของคนไทยเรา อันนี้เราจะหมายความถึงการทำไวน์แบบดั่งเดิมคือการทำไวน์ส่วนใหญ่ยังต้องอาศัยธรรมชาติเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งบางครั้งแล้วธรรมชาติก็ไม่เป็นใจทำให้องุ่นที่จะนำไปทำไวน์ไม่ได้คุณภาพตามที่ต้องการ

เช่นเมื่อฤดูกาลออกดอกและองุ่นจะเติบโตกลายมาเป็นผลเล็กๆ หากเกิดมีฟอร์ส หรือน้ำแข็งไปจับที่ผลขององุ่นพวกนั้น การเติบโตขององุ่นก็ไม่ได้ทีตามที่ต้องการ หรือระหว่างการเก็บเกี่ยวเกิดมีฝนตกลงมาองุ่นก็อมน้ำมากทำให้ องุ่นเหล่านี้ไม่เหมาะที่จะนำไปทำไวน์ที่มีคุณภาพ

ซึ่งหากว่าปีใดธรรมชาติเป็นใจทุกอย่าง อากาศดี มีแดดบ้างระหว่างการเก็บเกี่ยวผลองุ่นแล้ว ผลองุ่นที่ได้สมบูรณ์ทุกอย่าง

ผู้ทำไวน์เขาจะเรียกว่าเป็น ปีวินเทค (VINTAGE YEAR) ซึ่งไวน์จากโลกใหม่มักจะมีปีวินเทจมากกว่าโลกเก่า

ซึ่งในทศวรรษหนึ่งก็อาจจะมีปีวินเทคสำหรับการทำไวน์แล้ว 3-4 ปีเท่านั้นการดูไวน์ว่าไวน์ปีไหนดีไม่ดี ก็จะถือเอาปีวินเทจเป็นเกณฑ์

ดังนั้นการเลือกดื่มไวน์ที่ดูปีผลิตก็เพื่อเลือกเอาปีวินเทจ อย่างในทศวรรษที่ผ่านมา คือ 1980-1990 ปี 1980 นับว่าใช้ได้ปี 1981 ก็เช่นเดียวกัน ปี 1985 นับว่าใช้ได้ปี 1981 ก็เช่นเดียวกัน ปี 1985 ถือว่าดีมากๆ เป็นวินเทจได้ปี 1986 ดี ปี 1988 ดีถือว่าในทศวรรษที่ผ่านมามีอะไรดีๆ สำหรับไวน์มากสำหรับในฝรั่งเศส ที่ถือว่าเป็นต้นตำหรับ

ได้การเรียนรู้การทำไวน์ในข้างต้นมาพอสมควรแล้วทำให้เราสามารถพิจารณาเลือกไวน์ที่จะดื่มกันแล้ว

การเลือกดื่มไวน์สำหรับคนไทยเราถือว่ามีโอกาสที่จะเลือกดื่มได้น้อย หากจะมีบ้างก็จะเป็นการดื่มในการทำธุรกิจ หรืออาจจะมีโอกาสจะควงคู่หนุ่มสาวไปดื่มกันสักครั้งในบ้างโอกาส

ในขั้นแรกก็ต้องเลือกสถานที่ก่อนซึ่งก็ต้องเป็นภัตตาคาร ซึ่งก็ต้องเรียกว่าเป็นภัตตาคาร ซึ่งก็ต้องเรียกว่าเป็นภัตตาคารที่เรียกตัวเองว่าชั้นหนึ่งก่อนไม่ว่าจะเป็นภัตตาคารไทย หรือจีนหากว่าเป็นภัตตาคารจีนเขายังไม่มีการเสิรฟ์ไวน์กัน นอกเสียจากในโรงแรม เพราะส่วนใหญ่ยังยึดถือธรรมเนียมดังเดิมอยู่นั้นคือจะมี คอนยัค หรือวิสกี้ บริการมากกว่า

การจะเลือกดื่มไวน์นั้นสมมติว่าคุณเคยดื่มมาบ้างเล็กน้อย คุณรู้เพียงว่าไวน์แดงก็ต้องดื่มหรือรับประทานกับอาหารประเภทเนื้อที่มีสีแดง ถ้าหากว่าเป็นอาหารจำพวกปลา ไก่ หมูเนื้อขาวหน่อยก็ต้องเลือกดื่มไวน์ขาว

เมื่อคุณมีรายชื่อไวน์อยู่ในมือแล้วในนั้นก็จะมีชื่อของไวน์มากมาย ซึ่งถึงจุดนี้ถ้าหากคุณคิดว่าจะเลือกไวน์ที่มีราคาแพงคุณคิดว่าเป็นไวน์ที่ดีแล้ว ก็ต้องคำนึงกระเป๋าสตางค์ของคุณก่อน คุณคิดว่านานจะกินสักครั้งหนึ่งก็เลือกที่แพงๆ ไว้ก่อน อันนี้จะไม่ทำให้คุณมีความรู้เรื่องไวน์เพิ่มเติมได้เลย

เพราะฉะนั้นแล้วเมื่อมีโอกาสดื่มซึ่งเป็นโอกาสอันดีแล้วก็ควรจะเข้าใจว่าไวน์ที่ดีนั้น การมีเงินโดยหวังไปซื้อไวน์ที่แพงมาดื่ม ก็ใช่ว่าจะเป็นไวน์ที่ดีการเลือกไวน์ที่ดีได้นั้นก็ต้องอาศัยการเรียนรู้ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ต้องมีความจำเจกับมันสักหน่อย

เมื่อได้มีโอกาสดื่มแล้วหากไม่แน่ใจไม่มีความรู้เรื่องไวน์มากนัก ก็ต้องเลือกไวน์ในราคากลางๆ ไว้ก่อน

หรืออาจจะได้ยินว่าไวน์จากบริษัทโน่น บริษัทนี้ดี ก็เลือกเอาตามชื่อที่เป็นผู้ผลิต ซึ่งดูจากรายการรายชื่อไวน์มาเป็นหลักก่อนก็ได้

ซึ่งอีกจุดหนึ่งที่จะแนะนำ ก็คือว่าการเป็นนักดื่มไวน์นั้นก็ต้องใจกว้างพออย่างไปคิดว่าไวน์ที่ดีแล้วต้องมาจากฝรั่งเศสถึงดีเยี่ยม ในสมัยนี้ไวน์ในโลกใหม่ที่ได้กล่าวมาแล้วนั้น เขาก็ได้ทำไวน์ที่ดีมากๆ และราคาก็ดีด้วย

ดังที่ตามที่กล่าวมาแล้วในข้างต้นไวน์ในโลกใหม่ ก็ได้นำเอาพันธุ์องุ่นที่เป็นต้นตำหรับไปปลูกกัน เช่นเดียวกันในฝรั่งเศส แต่ด้วยความที่ดินฟ้าอากาศไม่เหมาะสมเท่า ก็เลยมีการนำวิวัฒนาการเทคโนโลยีใหม่เข้าไปช่วยในการผลิต จึงทำให้ บางครั้งไวน์จากโลกใหม่ อย่าง แคลิฟอร์เนีย ออสเตรเลีย เป็นที่ยอมรับของนักดื่มไวน์เช่นเดียวกัน และจัดว่าไวน์บางตัวเป็นไวน์ทีดี่กว่าไวน์ของฝรั่งเศสต้นตำหรับเลยก็ว่าได้ แล้วด้านราคาก็ดีกว่าด้วย หมายความว่าเป็นไวน์ที่ดีราคาไม่แพงมากนัก

เรากล่าวกันมาแล้วว่า เมื่อเรารู้ว่าไวน์แดงกินกับเนื้อที่มีสีแดง เช่น เนื้อวัว เนื้อหมูแดงสันใน เนื้อเป็ด เนื้อแกะ และไวน์ขาวกินกับปลา ไก่ หรืออาหารทะเล เราก็นำเอาอาหารมาเป็นเกณฑ์ในการเลือกดื่มไวน์

เมื่อเรารู้ว่าอาหารที่สั่งเป็นเนื้อวัวไวน์กับอาหารเราถือว่าต้องไปด้วยกันได้ เปรียบเหมือนเครื่องดนตรีที่ประสานกันอาหารกับไวน์ก็ต้องประสานกันไว้ เมื่ออาหารเป็นเนื้อที่หนักอย่างเนื้อวัว ซึ่งก็รู้แล้วว่าจะกินกับไวน์แดง ก็เลือกไวน์แดงที่หนักเท่ากัน ซึ่งไวน์แดงในถิ่นเบอร์กันดีซึ่งจะหนักพอไปกันได้

โดยทั่วไปแล้วไวน์ ไม่ว่าจะเป็นไวน์ขาวหรือไวน์แดง ที่มาจากเบอร์กันดีโดย มากจะเป็นไวน์ที่เข้มข้นกว่าในถิ่นอื่นหรือ จะเลือกในถิ่นเบอร์โด

ที่นี้ก็มาเลือกดูในรายชื่อไวน์ว่าเป็นไวน์แดงจากเบอร์กันดี ซึ่งในถิ่นเบอร์กันดีแล้วก็ยังแยกไวน์แดง ที่คุณจะต้องรู้จักอีกนิดหนึ่ง ในเขตบัวโจเลต์โค๊ต เดอ นุ้ย หรือจะในเขตโค๊ต เดอโบน ก็จะมีน้ำหนักไม่เท่ากันอีก ซึ่งไวน์ในโลกใหม่ก็อาจจะมีพันธุ์องุ่นที่ใช้ปลูกจากเบอร์กันดีอีกก็ได้ แต่หากว่าคุณต้องการไวน์แดงที่มาจากเบอร์กันดีที่แท้จริงก็อาจจะต้องจ่ายแพงกว่าสักหน่อยหนึ่ง

แต่หากว่าคุณเลือกอาหารที่เป็นเนื้อเป็ด หรือเนื้อแกะ ซึ่งมีสีแดงอมชมพูหน่อยหนึ่ง ก็อาจจะเลือกไวน์แดง จากบอร์โดก็ได้ ซึ่งถือว่าถิ่นบอร์โดนั้น ความเข้มข้นของไวน์นั้นน้อยกว่าในถิ่น เบอร์กันดีและถ้าหากคุณมีความรู้สึกลงไปอีกนิดหนึ่ง ก็อาจจะแยกเขตในบอร์โดอีกก็ได้ตามความเข้มข้น

พอมาถึงอาหารที่เป็นพวกเนื้อที่จะเป็นเนื้อขาว ก็เช่นเดียวกันหากว่าเป็นเนื้อปลาที่ดูแล้วว่าเป็นการปรุงที่มีการใส่ซอสที่มีรสจัดหน่อยหนึ่ง คุณก็ต้องเลือกไวน์ขาวจากถิ่นเบอร์กันดี ก็อย่างที่กล่าวไปแล้วว่าไวน์กับอาหารต้องประสานกันได้หรือมีความเข้มข้นพอกันไม่กลบกัน

หากว่าอาหารที่คุณสั่งเป็นหอยแมลงภู่อบหม้อดิน ก็อาจจะเลือกไวน์ขาวจากบอร์โดมาดื่มก็จะเข้ากันได้ดีกว่าเพราะว่าหอยแมลงภู่ซึ่งรสชาติไม่จัดนักก็จะเข้ากันได้ดี

ซึ่งอันนี้ก็สามารถพิจารณาปีวินเทจควบคู่กันไปด้วยก็ได้ ซึ่งเรื่องของปีวินเทจ ในรายชื่อไวน์เขาก็จะระบุไว้อย่างชัดเจนว่าไวน์นี้เป็นไวน์จากถิ่นไหนใช้พันธุ์องุ่นอะไรกี่เปอร์เซ็นต์ แล้วผลิตในปีไหน ซึ่งไวน์ก็มีอายุอีกเช่นเดียวกัน อย่างไวน์ขายแล้วอายุอยู่ในราว 4-5 ปีจะเหมาะ หรือไวน์แดงก็ควรจะมีอายุอย่างน้อย 5 ปีกำลังสวย

แต่ไวน์แดงในบอร์โดที่ดีก็ควรจะ 7 ปี ซึ่งจะทำให้ทุกอย่างออกมานุ่มนวล มีความสมบูรณ์ในตัว

แล้วคุณพอจะเลือกดื่มไวน์ สักขวดหนึ่ง จะเลือกดื่มด้วยความพิถีพิถันคุณสามารถจะเลือกดื่มได้แล้วหรือยัง

แต่อย่างไรก็ตามการเรียนรู้เรื่องของไวน์นั้น ต้องใช้เวลาอาศัยความจำเจอยู่กับมันพอสมควร คุณถึงจะได้ชื่อว่าเป็นนักดื่มไวน์ที่ดีได้



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.