จักรพรรณ์ ครบุรีธีระโชติ ลูกทุ่งที่ไปร้องเพลงสตริง

โดย สมเกียรติ บุญศิริ
นิตยสารผู้จัดการ( ธันวาคม 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

การที่อยู่ในวงการเพลงมานานกว่า 20 ปีของก๊อต จักรพรรณ์ ครบุรีธีระโชติ แสดงให้เห็นข้อคิดได้อย่างหนึ่งว่า ความรักและศรัทธาของแฟนเพลงลูกทุ่งยั่งยืนและยาวนานแค่ไหน

ก่อนหน้านี้ก๊อตเคยร้องเพลงสตริงอยู่ 2 ชุด แล้วก็กลับมาร้องลูกทุ่งอีกครั้ง แฟนเพลงในยุคปัจจุบันคงไม่มีใครตามก๊อตมาจากเพลงสตริง แต่มาเริ่มสมัครเป็นแฟนเพลงในเพลงลูกทุ่งมากกว่า

ก๊อตอาจเป็นนักร้องคนหนึ่งที่เรียนรู้และซาบซึ้งกับคำว่า เพลงลูกทุ่งได้ดีที่สุด

"ตอนที่ผมออกเพลงสตริง ก็อยู่ระดับปานกลาง ไม่ดัง เคยขอขึ้นเวทีคอนเสิร์ตรายการหนึ่ง เขาไม่ให้ขึ้นเพราะไม่ดังพอ ผมกลับมาร้องไห้เลยและตัดสินใจขอผู้ใหญ่ทำเพลงลูกทุ่ง"

เขาจำได้ดีว่า เมื่อเขาไปบอกพี่เต๋อ (เรวัติ พุทธินันทน์ ผู้ที่ดูแลการร้องเพลงของก๊อตมาตลอด) ว่าขอทำเพลงลูกทุ่ง เต๋อบอกว่ายังไม่สาย งานเพลงลูกทุ่งของก๊อตมีแรงกดดันสูงตั้งแต่ขั้นตอนอัดเสียง

ถ่ายมิวสิกวิดีโอเพื่อนำไปออกอากาศ เขาบินไปต่างประเทศเพื่อโชว์ตัว เพราะไม่อยากรู้ว่าเพลงลูกทุ่งที่ทำชุดนั้นจะประสบความสำเร็จหรือไม่ เขาไปโชว์อยู่นาน 1 เดือน เมื่อใกล้เวลากลับจึงโทรศัพท์กลับมาถาม ทางนี้บอกว่าขายไปเป็นล้านแผ่นแล้ว

"ผมร้องไห้เลย จากเด็กที่ถูกกดดันว่าไม่เกิด เป็นเหมือนแรงผลักดัน เมื่อกลับมาขายไปได้ 2 ล้านตลับ และกลายเป็นว่าไม่หยุด ไปไหนคนต้อนรับมาก"

เพลงชุดที่ก๊อตไม่กล้าอยู่ดูก็คือ "หัวแก้ว หัวแหวน" ที่ต้องออกต่อเนื่องถึง 9 ชุด รวมยอดขายกว่า 15 ล้านบาท

เขาอาจไม่ดังในวงการเพลงสตริง แต่เพลงลูกทุ่งอยู่ในอันดับต้นๆ ของประเทศ

ในความเป็นจริงก๊อตเริ่มต้นมาจากเพลงลูกทุ่ง แต่เมื่อถึงเวลาทำอัลบั้มก็ขอทางแกรมมี่ว่าอยากทำเพลงสตริง เพราะว่ายังเป็นวัยรุ่น แต่เขามาทราบภายหลังว่า ที่ยืนของเขาอยู่ที่เพลงลูกทุ่ง

ก๊อตห่างหายจากการออกอัลบั้มใหม่ถึง 2 ปีเต็มเขาให้เหตุผลว่าเป็นการหาข้อมูลเพื่อทำเพลง และท้อใจกับการละเมิดลิขสิทธิ์ที่ก่อให้เกิดปัญหากับวงการลูกทุ่งไม่น้อย นักร้องก็อ่อนล้า คนแต่งเพลงก็หมดแรง บางคนถึงกับต้องเปลี่ยนอาชีพก็มี แต่การหายหน้าไปของก๊อต ก็มีงานพิเศษอื่นๆ ออกมา การเดินสายก็ยังมีอยู่ตามปกติ

สิ่งหนึ่งที่ทำให้ก๊อตอยู่ได้ยาวนานมาจากมาตรฐานงานเพลงของตัวเองกับแนวคิดในการแสดงและร้องเพลง ก๊อตกำหนดทิศทางชัดเจนว่าเมื่อขึ้นเวทีร้องเพลง ทุกอย่างต้องพร้อม จะมีคนดู 3 คน หรือ 3 หมื่นคนต้องเล่นมาตรฐานเดียวกันและจะไม่รับมากเกินไป หลีกเลี่ยงการวิ่งรอก เพราะทีมงานของก๊อตใหญ่ เคลื่อนย้ายลำบากที่สำคัญบนเวทีแสดงเขาไม่ลิปซิงค์ ร้องสดทุกเวที

งานในแต่ละปีของเขาจึงไม่มาก ส่วนหนึ่งต้องรับงานจากเจ้าของสินค้าที่เหมาคิวแสดงอย่างน้อยปีละ 20 คิวเป็นประจำทุกปี

นอกจากต้องบริหารงานเพลงและงานแสดงแล้ว สายสัมพันธ์ระหว่างก๊อตกับแฟนเพลงก็แนบแน่น

บรรยากาศวันแถลงข่าวเปิดอัลบั้มใหม่ "ขอโทษที่คิดถึง" เมื่อเดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านมา ก๊อตยังรักษาความเป็น "เจ้าชายลูกทุ่ง" ได้อย่างเหนียวแน่น แฟนเพลงของเขาตั้งทีมขึ้นมาช่วยดูแลเรื่องอาหาร น้ำ และบริการผู้ที่มาร่วมงานพร้อมการจองที่นั่งในห้องประชุมของแกรมมี่จนเต็มห้อง เพื่อรอชมมินิคอนเสิร์ตของก๊อตในงานนี้

นับเป็นแฟนเพลงที่มีระบบการจัดการที่ดี ไม่สับสน และไม่วุ่นวาย มาเชียร์แบบมีคอนเซ็ปต์ชัดเจน

แฟนเพลงที่เหนียวแน่นมีประมาณ 300 คน ที่ติดตามไปทุกงานมีอยู่ 100 คน กลุ่มนี้คือศูนย์กลางของแฟนเพลงที่กระจายอยู่ทั่วไป คาดว่าน่าจะมีมากกว่า 1,000 คน

"เราสื่อกับแฟนเพลงด้วยความรู้สึก รู้จักกันด้วยเสียงเพลง" ก๊อตอธิบายให้ฟัง

การสร้างความสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นของก๊อตใช้กิจกรรมทำบุญเป็นตัวกลาง

"เงิน 20 บาทแรกที่ได้จากคุณยายที่มาดู เก็บใส่ซองเลย แล้วตั้งใจเลยว่า เงินที่ได้จากหน้าเวทีเท่าไร จะตั้งเป็นกองทุนก๊อต จักรพรรณ์ นำเงินไปช่วยสังคม บางครั้งดูทีวี เห็นน้ำท่วม ต้องการความช่วยเหลือก็บริจาคไป 5,000 บาท 10,000 บาท"

กองทุนก๊อต จักรพรรณ์ ทุกวันนี้มียอดเงินบริจาคไปแล้วกว่า 3 ล้านบาท และวันเกิดล่าสุด ก๊อตตั้งใจจะใช้เงินกองทุน 40,000 บาท บริจาคให้กับ 4 มูลนิธิ เมื่อบอกกับแฟนเพลงที่เป็นศูนย์กลางแล้ว ปรากฏว่าถึงเวลาแฟนเพลงช่วยกันบอกต่อรวบรวมเงินได้ถึง 800,000 บาท

ถ้าวันนั้นก๊อตไม่ตัดสินใจหันกลับมาร้องเพลงลูกทุ่ง เส้นทางนักร้องของเขาก็อาจปิดฉากลงอย่างรวดเร็วก็ได้


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.