วิธีการสำรวจ
1. ข้อมูลที่ใช้ในการศึกษาเป็นงบการเงินที่คัดมาจากกรมทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์
ประจำปี 2533 โดยคัดมาจากกลุ่มบริษัทที่จดทะเบียนในเดือนตุลาคม 2530 และมีทุนจดทะเบียนมากกว่า
5.0 ล้านบาทขึ้นไป
2. จัดกลุ่มบริษัทที่คัดเลือกมาออกเป็น 7 กลุ่ม ตามประเภทธุรกิจคือ พัฒนาอสังหาริมทรัพย์
ธุรกิจการค้า อุตสาหกรรมหนัก อุตสาหกรรมเบา ธุรกิจการเกษตร ธุรกิจบริการ
และอุตสาหกรรมพลาสติก&เคมีภัณฑ์
3. เกณฑ์ที่ใช้วัดผลการดำเนินของกิจการมี 2 ประการคือ
1) ประสิทธิภาพในการดำเนินงาน โดยมีเกณฑ์ที่ใช้วัดดังนี้
(A) NET PROFIT MARGIN แสดงถึง กิจการสามารถสร้างกำไรคิดเป็นที่เปอร์เซ็นต์ของ
ยอดขาย ในที่นี้เรากำหนดให้กิจการที่สามารถมีผลตอบแทนจากกำไรสุทธิเป็นค่าบวก
จัดเป็นกลุ่มบริษัทที่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากทุกกิจการที่ศึกษาในที่นี้มีอายุการดำเนินงานอยู่ภายใจ
3 ปี ซึ่งถือว่าเป็นช่วงของการเริ่มต้น ฉะนั้นหากสามารถดำเนินธุรกิจมีกำไรได้
ก็จัดว่ามีประสิทธิภาพในการดำเนินงาน
(B) TOTAL ASSETS TURNOVER แสดงถึง กิจการสามารพใช้ประโยชน์จากทรัพย์สิน
ในการก่อให้เกิดรายได้ ในที่นี้เรากำหนดให้กิจการที่มีอัตราหมุนเวียนของสินทรัพย์รวมเกิน
1 เป็นกลุ่มบริษัทที่มีประสิทธิภาพ แม้ว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้จะค่อนข้างต่ำ แต่ก็อยู่ในเกณฑ์ที่พอยอมรับได้สำหรับช่วงเริ่มต้นของกิจการ
1) เสถียรภาพของกิจการ โดยมีเกณฑ์ที่ใช้วัดดังนี้
(C) CURRENT RATIO แสดงถึงสัดส่วนของสินทรัพย์ระยะสั้นต่อหนี้สินระยะสั้นเป็นตัว
บ่งบอกถึงความสามารถในการชำระหนี้ระยะสั้นของกิจการในที่นี้เรากำหนดให้กิจการที่มีอัตราส่วนเงินทุนหมุนเวียนเกิน
1 เป็นกลุ่มบริษัทที่มีเสถียรภาพ ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงการที่กิจการสามารถป้องกันปัญหาสภาพคล่องได้ระดับหึ่ง
หากประสบปัญหาการดำเนินธุรกิจ
(D) DEBT RATIO แสดงถึงหนี้สินรวมต่อทรัพย์สินรวม เป็นตับอกถึงโอกาสที่เจ้าหนี้จะ
ได้รับชำระหนึ้จากทรัพย์สินที่มีอยู่ของกิจการ ยิ่งค่าอัตราส่วนแห่งหนี้สูงเท่าไร
ความเสี่ยวที่เจ้าหนี้จะได้รับชำระหนี้จากทรัพย์สินที่มีอยู่ก็มากขึ้นตามไปด้วย
ในที่นี้เรากำหนดให้กิจการที่มีอัตราส่วนแห่งหนี้ไม่เกิน 0.5 เป็นกลุ่มบริษัทที่มีเสถียรภาพ
ซึ่งเกณฑ์ดังกล่าวเป็นตัวสร้างความมั่นใจให้กับเจ้าหนี้ โดยเจ้าของกิจการมีการใช้เงินลงทุนของตนเองไม่น้อยกว่าในส่วนของเจ้าหนี้
4. การจัดอันดับ จะพิจารณาตามเกณฑ์ในข้อ 3 โดยให้คะแนนตามจำนวนบริษัทที่มีคุณสมบัติ
เข้าเกณฑ์ตามเงื่อนไข A, B, C และ D คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ต่อจำนวนบริษัททั้งหมดในแต่ละกลุ่มธุรกิจ
ทั้งนี้คะแนนรวมเฉลี่ยของเกณฑ์ A, B เป็นตัวบ่งบอกถึงความมีประสิทธิภาพของกลุ่มธุรกิจ
ส่วนเกณฑ์ C, D เป็นตัวบอกถึงความมีเสถียรภาพของกลุ่มธุรกิจ
หมายเหตุ ข้อมูลส่วนหนึ่งมาจากฐานข้อมูล "Company Profile" ของศูนย์ธุรกิจศึกษา
บริษัทบริการข้อมูลผู้จัดการ จำกัด ซึ่งประกอบด้วยข้อมูลบริษัทมากกว่า 30,000
ราย