สำหรับคนไทยแล้วชื่อเสียงของฮ่องกงเป็นเหมือนสวรรค์สำหรับการเดินทางไปท่องเที่ยวหรือพักผ่อน
เนื่องจากความบันเทิงที่เกาะเล็กๆ ที่มีพื้นที่ประมาณ 1,070 ตารางกิโลเมตรแห่งนั้นมีแทบจะทุกรูปแบบ
ไม่เพียงคนไทยเท่านั้นฮ่องกง ยังได้ชื่อว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญเมืองหนึ่งของโลกทีเดียว
โดยตัวเลยที่มีการเปิดเผยจากองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวฮ่องกง (Hong Kong
Tourist Association) หรือ HKTA ปรากฎว่าปี 1991 ที่ผ่านมาฮ่องกงมีรายได้เข้าประเทศจากการท่องเที่ยวประมาณ
39,606.78 ล้านเหรียญฮ่องกง หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 134,663.05 ล้านบาท
DAVID L.H.WOO รักษาการผู้อำนวนการสำนักงาน HKTA ภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ซึ่งมีสำนักงานอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ กล่าวกับ "ผู้จัดการ" ว่า
กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทยยังคงเป็นเป้าหมายหลักของ HKTA ซึ่งเป็นสำนักงานเอกชนที่ทำหน้าที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวที่มองว่าการเดินทางไปยังฮ่องกงของคนไทยนั้น
ยังเป็นเพื่อการท่องเที่ยวมากกว่าเพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ
"จากการศึกษาการเดินทางของคนไทยไปฮ่องกง เราพบว่ามีการเดินทางไปเพื่อวัตถุประสงค์ทุกอย่าง
ทั้งช้อปปิ้งเอ็นเตอร์เทนจนถึงเรื่องธุรกิจ" DAVID กล่าว พร้อมทั้งย้ำว่า
ที่มักจะมีการอ้างว่า มีคนไทยจำนวนมากเดินทางไปฮ่องกงเพื่อเล่นการพนันนั้น
มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้น กล่าวคือ ในช่วงสุดสัปดาห์ระหว่างวันเสาร์ถึงวันจันทร์
มีคนไทยเดินทางต่อไปยังคาสิโนที่มาเก๊าเพียงประมาณสัปดาห์ละ 2-300 คนเท่านั้น
ตัวเลขของคนไทยแค่ประมาณ 300 คนนั้น HKTA มองว่าเป็นจำนวนน้อยมากเพราะในแต่ละสัปดาห์
มีนักท่องเที่ยวไทยเดินทางไปยังฮ่องกงถึงประมาณ 5,000-6,000 คน ดังนั้นเป้าหมายของการส่งเสิรมการท่องเที่ยวสำหรับคนไทยนั้น
รักษาการหัวหน้าสำนักงาน HKTA ประจำเอเซียตะวันออกเฉียงใต้กล่าวว่า ยังคงเป็นรูปแบบเดิม
คือยังให้ภาพพจน์เมืองฮ่องกง คือเมืองที่มีทุกอย่างสำหรับการเดินทางไปที่นั่น
อย่างไรก็ตาม แม้เดือนกันยายนที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางไปยังฮ่องกงถึง
29,491 คน หรือคิดเป็น 4.8% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมดที่เข้าไปยังฮ่องกง ซึ่งเป็นรองก็แค่
ชาวไต้หวัน ญี่ปุ่น อเมริกัน และออสเตรเลียเท่านั้น แตต่ HKTA ก็ยังไม่คิดที่จะตั้งสำนักงานในประเทศไทยเพราะเชื่อว่า
การทำงานด้านการประชาสัมพันธ์ของ เจ.วอลเตอร์ ทอมป์สัน เอเยนซี่ที่รับผิดชอบในเรื่องนี้
ยังคงได้ผลอยู่
"ปีที่ผ่านมา เราใช้งบในการประชาสัมพันธ์ในไทยเพียงประมาณ 6 ล้านบาทเท่านั้นซึ่งน้อยมากเมื่อเทียบกับสำนักงานททท.สิงคโปร์หรือออสเตรเลีย
แต่ก็ได้ผลดี จะเห็นได้ว่าไทยเป็นอันดับหนึ่งของนักท่องเที่ยวในแถบเซาท์อีสต์เอเชียที่เดินทางไปฮ่องกง"
DAVID กล่าวถึงงานของ HKTA ในไทย
แต่สิ่งหนึ่งที่เขายอมรับว่าหนักใจพอสมควรก็คือการที่บรรดาประเทศท่องเที่ยวต่างๆ
เริ่มให้ความสนใจกับตลาดนักท่องเที่ยวไทย ทำให้การแข่งขันกันค่อนข้างที่จะหนักโดยเฉพาะเมื่อเทียบกับประเทศสิงคโปร์แหล่งท่องเที่ยวใหญ่อีกแห่งของคนไทยที่อยู่ใกล้กว่าฮ่องกง
มิหนำซ้ำ ภาพอีกอย่างที่น่ากลัวที่เกิดขึ้นกับฮ่องกงทั้งที่ผ่านมาและกำลังจะเกิดขึ้น
ส่งผลให้ภาพการท่องเที่ยวของฮ่องกงไม่สวยงามนัก นั่นคือกรณีการสังหารหมู่ที่เทียนอันเหมินเมื่อหลายปีก่อน
และการที่ฮ่องกรงจะกลับไปเป็นเมืองหนึ่งของประเทศจีน เมื่ออังกฤษหมดสัญญาเช่าในปี
1997 มีส่วนต่อการท่องเที่ยวของฮ่องกงอย่างมาก
"เรามองว่า ปี 1997 เป็นคอมมาร์ ไม่ใช่ฟูลสต็อป เราจึงไม่ห่วงอะไรมากนัก"
DAVID กล่าวถึงปีที่ฮ่องกงจะกลับเป็นของจีน พร้อมทั้งอธิบายเพิ่มเติมว่า
ภาพที่พวกเขาศึกษานั้นเมื่อฮ่องกงกลับเป็นของจีนในปีดังกล่าว ไม่ได้เป็นภาพที่น่ากลัวมากอย่างที่หลายคนกลัวเพราะเชื่อว่า
ผู้นำประเทศจีนยุคใหม่นั้น เป็นนักบริหารรุ่นใหม่ที่มองเรื่องเศรษฐกิจเป็นเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่ง
สิ่งสำคัญอีกประการที่ HKTA วาดฝันไว้ว่าจะเป็นอนาคตของการท่องเที่ยว ก็คือการที่ประเทศจีนในปัจจุบันมีการพัฒนาเมืองต่างๆ
มาก โดยเฉพาะในทางตอนใต้ของประเทศ จะกลายเป็นจุดเสริมการท่องเที่ยวของฮ่องกงเป็นอย่างดีซึ่งมุมมองที่ทางการฮ่องกงกำลังศึกษาอยู่ก็คือ
การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ในรูป "สามเหลี่ยมเศรษฐกิจ" เพื่อการท่องเที่ยวใหม่
คือกวางตุ้ง เซินเจิ้นและฮ่องกง เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษโดยการนำส่วนเด่นของแต่ละเมือง
หรือมณฑลมาเป็นจุดขายการท่องเที่ยวอย่างดี ขณะที่ทางการของประเทศจีนภายใต้ผู้บริหารใหม่
ก็ได้วางนโยบายไว้แล้วว่าจะยังคงความเป็นเมืองท่องเที่ยวและศูนย์กลางเศรษฐกิจของฮ่องกงต่อไป
"สามเหลี่ยมเศรษฐกิจพิเศษนั้นช่วยฮ่องกงได้มากเพราะคนที่ไปลงทุนมากที่สุดในจีนก็คือคนฮ่องกงอย่างเช่น
ลีกาชิง กอดอนวู่ สแตนลีโฮ ดังนั้นเชื่อได้ว่าจะเป็นการเสริมศักยภาพการท่องเที่ยวของฮ่องกงเป็นอย่างดี"
การมองการณ์ไกลอันนี้จะเห็นได้จากแผนงานการสร้างสนามบินนานาชาติแห่งใหม่ของฮ่องกง
เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวหรือนักเดินทางที่จะมาในอนาคต อันเนื่องมากจากการศึกษาพบว่า
สนามบินนานาชาติปัจจุบัน สามารถที่จะรองรับได้ถึงปี 1994 เท่านั้น
ในส่วนของการทำงานในไทยนั้น DAVID ยอมรับว่า คู่แข่งที่สำคัญก็คือสิงคโปร์
ที่เป็นเมืองท่องเที่ยวใหญ่อีกแห่งของไทย ที่มีความเป็นเมืองท่องเที่ยวที่คล้ายกับฮ่องกงมากที่สุดเมืองหนึ่ง
โดยเฉพาะเรื่องขิงสินค้าฟรีพอร์ตนานาชนิด แต่ HKTA ก็เชื่อว่า ปัญหาเรื่องค่าเงินของสิงคโปร์ที่แข็งตัวมากและส่งผลให้ราคาสินค้าและค่าครองชีพในสิงคโปร์สูงกว่าในฮ่องกง
จะทำให้ฮ่องกงได้เปรียบสิงคโปร์ในเรื่องการดึงดูดคนไทยไปซื้อของหรือท่องเที่ยวที่เกาะดังกล่าว
"เป้าหมายกลุ่มนักท่องเที่ยวไทยสำหรับเรามีถึงหนึ่งล้านคนเราจึงยังคงยอมรับว่า
ไทยเป็นตลาดท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของเรา" DAVID นักบริหารชาวสิงคโปร์ที่ทำงานให้กับฮ่องกงในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวกับประเทศของตนเองอยู่กล่าวทิ้งท้ายถึงเป้าหมายให้ฟัง
แค่ฟังเป้าหมาย ก็รู้ว่างานของเขาที่จะดึงนักท่องเที่ยวไทยไปฮ่องกง ไม่ได้เป็นภาระเล็กๆ