|
PL ฟุ้งปี 51 กวาดรายได้อีก 1.8 พันล. เตรียมออกหุ้นกู้เป็นทุนขยายธุรกิจ
ผู้จัดการรายวัน(29 พฤศจิกายน 2550)
กลับสู่หน้าหลัก
PL เตรียมทุนเกือบ 2 พันล้านซื้อรถเพิ่ม ด้วยการออกหุ้นกู้ 400-500 ล้านบาทปีหน้า พร้อมขยายธุรกิจขนส่งทางเรือและอากาศ ฟุ้งเติบโตอีก 7.5% หรือ 1,800 ล้านบาท ยันผลกระทบจากตลาดรถยนต์ที่ซบเซามีไม่มาก ขณะที่ผลงานงวดสิ้นปี 50 มีกำไรโต 54.75 % คาดจ่ายปันผลงวดนี้หุ้นละ 30 สตางค์
นายเกริกชัย ศิริภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ภัทรลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) (PL) เปิดเผยแผนการดำเนินงานปี 51 ว่าบริษัทจะพยายามรักษาส่วนแบ่งตลาด 30% เอาไว้ รักษาฐานลูกค้าเก่าและพยายามหาลูกค้าใหม่ๆเข้ามา โดยมีแผนลงทุนซื้อรถเพิ่มประมาณ 1,800-2,000 ล้านบาท
โดยเงินทุนจะมาจากการออกหุ้นกู้ การกู้เงินจากธนาคาร และเงินลงทุนของบริษัทเอง ปัจจุบันบริษัทมีรถอยู่ 700 กว่าคัน การซื้อรถเพิ่มในครั้งนี้ เพื่อทดแทนรถที่หมดอายุใช้งานและเพิ่มจำนวนรถให้มากขึ้น รวมทั้งจะขยายธุรกิจในส่วนการขนส่งทางเรือและทางอากาศ ด้วยการซื้อเรือและเครื่องบินเพิ่ม ซึ่งในขณะนี้อยู่ในระหว่างการวางแผน
โดยคาดว่าปีหน้าบริษัทจะมีสัดส่วนรายได้จากการเช่ารถยนต์ 85% เช่าเครื่องบิน 10% และเช่าเรือ 5% และตั้งเป้าเติบโตในปีหน้าที่ 7.5% มีเป้าหมายรายได้ที่ 1,800 ล้านบาท แต่สิ่งที่จะส่งผลกระทบต่อบริษัทคือ ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น เศรษฐกิจที่ชะลอตัว ที่อาจจะทำให้ลูกค้าไม่มีเงินชำระค่าเช่า ส่วนดอกเบี้ยที่อาจจะเพิ่มขึ้นก็อาจจะส่งผลให้ต้นทุนดำเนินการเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ดี บริษัทยังมีแผนจะออกหุ้นกู้ 400-500 ล้านบาท ในช่วงต้นปี 51 และไม่มีแผนร่วมทุนกับบริษัทใด โดยบริษัทจะเน้นงานการตลาดประชาสัมพันธ์ให้มากขึ้นเพื่อให้องค์กรต่างๆ รู้จักบริษัทมากยิ่งขึ้น พร้อมกับ เสนอทางเลือกแก่ลูกค้าว่าการใช้บริการรถเช่าคุ้มค่ากว่าการซื้อเองอย่างไร
"จุดแข็งของภัทรลิสซิ่งคือ เรามีประสบการณ์ในธุรกิจนี้กว่า 20 ปี จนได้รับความเชื่อถือจากองค์กรต่างๆ และการที่บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ การระดมทุนจึงมีต้นทุนต่ำกว่าในระดับหนึ่ง รวมกับสินค้าและบริการของบริษัทมีประสิทธิภาพ พยายามที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ทั่วถึง การแก้ปัญหามีความรวดเร็ว และการที่ธุรกิจรถเช่าอิงกับการใช้ในเชิงพานิชย์มากกว่าการใช้ในครัวเรือน ผลกระทบจากตลาดรถยนต์ที่ซบเซาจึงมีไม่มาก" นายเกริกชัย กล่าว
พร้อมกันนี้ PL ยังแจ้งผลการดำเนินงานงวดปี 2550 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2550 ว่าบริษัทมีผลกำไรสุทธิ 267.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 94.49 ล้านบาท หรือ 54.75 % เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 172.58 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.60 บาท โดยคาดบริษัทสามารถจ่ายปันผลได้ประมาณ 30 สตางค์ต่อหุ้น
เนื่องจากบริษัทมีกําไรจากการจำหน่ายสินทรัพย์ เพื่อให้เช่าและทรัพย์สินรอการขายของปี2550 เพิ่มขึ้นจากปี2549 เป็นจํานวน 46.17 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 89.82 % เป็นผลจากจำนวนทรัพย์สินที่หมดสัญญาเช่าประเภทไม่มีสิทธิเลือกซื้อสินทรัพย์หลังสิ้นสุดสัญญาเช่าของปี50 มากกว่าปี49 รวมทั้งรถของบริษัทมีสภาพที่ดีและเป็นที่ต้องการของตลาด
นอกจากนี้ บริษัทมีภาษีเงินได้ลดลงจากปี49 เป็นจำนวนเงิน 71 ล้านบาท หรือลดลง 110.45 % จากที่บริษัทได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 156) สำหรับเงินที่ได้จ่ายในการลงทุนเป็นจำนวน 25% ของเงินได้ที่ได้จ่ายไปจริงในรอบระยะเวลาบัญชี
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|