|

ปัจจัยนอก-ในปท.ถล่มหุ้นตลท.ย้ำคดีแปรรูปปตท.ศาลฯยังไม่ตัดสิน
ผู้จัดการรายวัน(28 พฤศจิกายน 2550)
กลับสู่หน้าหลัก
ตลาดหุ้นทั่วโลกยังไร้เสถียรภาพผันผวนไม่หยุด ขณะที่ตลาดหุ้นไทยโดนข่าวในประเทศกดดัน "ภัทรียา" ย้ำพิจารณาคดีแปรรูปปตท. 30 พ.ย.นี้ แค่นัดแรก ยังไม่มีการตัดสิน เตือนนักลงทุนอย่างตื่นตระหนกจนเกินไป ด้าน 6 พรรคการเมืองใหญ่ตอบรับคำเชิญนำเสนอนโยบายกระตุ้นตลาดทุน 4 ธ.ค.นี้ บล.ทิสโก้ ยังเชื่อดัชนีสิ้นปีแตะ 950 จุด ระบุต่างชาติยังสนใจลงทุนในไทย
ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์วานนี้ (27 พ.ย.) ตลาดหุ้นทั่วโลกถูกกระหน่ำขายอย่างหนักหลังตลาดหุ้นปรับตัวลดลงจากความไม่มั่นใจต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ขณะที่ตลาดหุ้นไทยโดนผสมโรงด้วยปัจจัยในประเทศโดยเฉพาะการพิจารณาคดีแปรรูป ปตท. นัดแรกที่จะมีขึ้นในวันที่ 30 พ.ย. ส่งผลทำให้มีแรงขายออกมาในหุ้นพลังงานจนดัชนีปรับตัวลดลงมาปิดที่ 822.99 จุด ลดลง 9.79 จุด หรือ 1.18% โดยจุดสูงสุดของวันอยู่ที่ 827.29 จุด และจุดต่ำสุดอยู่ที่ 820.90 จุด มูลค่าการซื้อขาย 12,126.50 ล้านบาท
ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 975.82 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 180.97 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 794.85 ล้านบาท
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า กรณีที่ศาลปกครองจะนัดพิจารณาคดีแปรูปของบริษัทปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ในวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งเป็นการพิจารณาคดีครั้งแรกซึ่งยังไม่มีการตัดสิน โดยจะต้องใช้ระยะเวลาในการตัดสินอีกค่อนข้างนาน นักลงทุนควรที่จะไม่ตื่นตะหนกกับข่าวดังกล่าวในขณะที่ควรจะติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิด ซึ่งขณะนี้ส่วนตัวไม่สามารถให้ความคิดเป็นได้ คงจะต้องการพิจารณาของศาลฯ อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาตลท.ได้มีการจัดส่งข้อมูลเพื่อใช้ในการพิจารณาให้ไปก่อนหน้านี้แล้ว
ทั้งนี้ ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้จะยังคงผันผวนตามตลาดหุ้นในต่างประเทศ จากปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์คุณภาพต่ำของสหรัฐอเมริกา (ซัพไพรม์) ซึ่งนักลงทุนควรที่จะติดตามข้อมูลข่าวสาร และควรที่จะจัดสรรเงินออมให้เหมาะสม โดยหากดัชนีฯปรับตัวลดลงถือว่าเป็นโอกาสที่จะเข้าลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี ซึ่งรวมถึงการเข้าลงทุนในตลาดอนุพันธ์ เพราะสามารถทำกำไรได้ทั้งภาวะตลาดหุ้นขาขึ้นและขาลง แต่จะต้องลงทุนในจังหวะที่เหมาะสม
สำหรับปัจจัยที่จะต้องติดตามโดยเฉพาะปัญหาซัพไพรม์ว่าจะส่งผลกระทบต่อการลงทุนเพิ่มขึ้นหรือไม่ รวมถึงทิศทางเศรษฐกิจ และนโยบายการดำเนินงานของรัฐบาลใหม่ ซึ่งในวันที่ 4 ธันวาคมนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯได้มีการเชิญพรรคการเมืองใหญ่มานำเสนอนโยบายด้านเศรษฐกิจและการพัฒนาตลาดทุนไทย โดยขณะนี้มีพรรคการเมืองที่ตอบรับแล้ว จำนวน 6 พรรค คือ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อแผ่นดิน พรรคพลังประชาชน พรรคประชาราช พรรคมัชฌิมาธิปไตย และพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา
นอกจากนี้ยังต้องติดตามทั้งในเรื่องราคาน้ำมันที่ยังผันผวนอยู่ในระดับสูง รวมถึงค่าเงินบาทที่ยังแข็งค่าแม้ว่าจะเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้นก็ตาม
ทิสโก้ยังเชื่อดัชนีสิ้นปี950จุด
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า บริษัทคาดดัชนีตลาดหุ้นไทยสิ้นปีนี้อยู่ที่ 950 จุด ซึ่งเชื่อว่ามีความเป็นไปได้เนื่องจากไม่มีปัจจัยลบใหม่เข้ามากระทบการลงทุน ในขณะที่ปัจจัยที่กระทบอยู่ยังคงเป็นปัจจัยลบเดิมๆ เช่น ซัพไพรม์ น้ำมัน ในขณะที่การเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น รวมทั้งการจัดตั้งรัฐบาลใหม่นั้นก็จะเป็นปัจจัยลบที่จะเข้ามากระตุ้นตลาดหุ้น
ทั้งนี้จากที่ได้พบนักลงทุนต่างประเทศนั้น นักลงทุนต่างประเทศก็ยังคงมีมุมมองในการลงทุนในประเทศไทย ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม โดยส่วนใหญ่ซึ่งยังมองว่าราคาหุ้นในตลาดหุ้นไทยยังถูก ในขณะที่ความเสี่ยงในการลงทุนก็ถือว่าอยู่ในระดับต่ำ และคาดว่าอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้นกว่า 20%
กลับสู่หน้าหลัก
 ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|