|
เบอร์ลี่ฯทุ่ม5.5พันล.ลุยบรรจุภัณฑ์ครบวงจร
ผู้จัดการรายวัน(28 พฤศจิกายน 2550)
กลับสู่หน้าหลัก
เบอร์ลี่ฯ ทุ่ม 5,500 ล้านบาท ขยายอาณาจักรบรรจุภัณฑ์ครบวงจร รองรับตลาดอาหาร เครื่องดื่มทั้งในประเทศ และอาเซียนขยายตัว รุกซื้อหุ้นบ.ไทย เบเวอร์เรจ แคน ขยายไลน์ผลิตกระป๋องอลูมิเนียม พร้อมขยายกำลังผลิตโรงงานขวดแก้ว 9 แสนตันต่อปี ผุดโรงงานผลิตแก้ว-ทิชชูเวียดนาม ลุยขยายธุรกิจอาหารในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปั้นขนมขึ้นรูปลงสมรภูมิตลาดไทย โชว์ผลประกอบการ 9 เดือน โต 9% กวาด 12,135 ล้านบาท
นายธีรศักดิ์ นาทีกาญจนลาภ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า นโยบายของบริษัทวางแผนขยายการลงทุน 3 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ กลุ่มบรรจุภัณฑ์ กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และกลุ่มธุรกิจเทคนิคและอุตสาหกรรม อย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดได้ทุ่มงบลงทุน 5,500 ล้านบาท ในระหว่างปี 2550-2551 โดยแบ่งเป็นงบ 1,074 ล้านบาท ซื้อหุ้นบริษัทไทย เบเวอร์เรจ แคน จำกัด หรือผู้ผลิตกระป๋องและฝากระป๋องอลูมิเนียม รวมทั้งการพิมพ์ลายทั้งบนกระป๋องและฝากระป๋อง เพื่อขยายไลน์สินค้าในกลุ่มธุรกิจบรรจุภัณฑ์ จากปัจจุบันบริษัทผลิตบรรจุภัณฑ์ประเภทขวดแก้วและพลาสติก ซึ่งการเข้าสู่กลุ่มบรรจุภัณฑ์ประเภทอลูมิเนียม เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจบรรจุภัณฑ์ประเภทพกพา ตลอดจนกลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มเบียร์ เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ และกลุ่มอาหาร ฯลฯ เพื่อป้อนตลาดทั้งในประเทศและในภูมิภาคอาเซียน
ส่วนงบลงทุนอีก 1,650 ล้านบาท จะขยายกำลังการผลิตของบริษัทอุตสาหกรรมเครื่องแก้วไทย จำกัด (มหาชน) ที่โรงงานบางพลี คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนมิถุนายน 2551 ส่งผลให้เป็นโรงงานที่มีกำลังผลิตแก้วกว่า 9 แสนตันต่อปี ใหญ่ที่สุดในไทย และวางแผนปรับปรุงเตา 5 เตา พร้อมทั้งใช้งบร่วม 1,000 ล้านบาท วางแผน 5 ปี โยกสายการผลิตโรงงานราษฎร์บูรณะไปโรงงานแห่งใหม่บนพื้นที่กว่า 100 ไร่ อยู่ภาคกลาง ขนส่งสะดวก ใกล้ท่อก๊าซ เนื่องจากต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติแทนน้ำมันเตา เพื่อลดต้นทุนการผลิต
นอกจากนี้ยังลงทุนซื้อเครื่องจักรกว่า 1,000 ล้านบาท ในกลุ่มธุรกิจการผลิตขวดแก้วไปยังประเทศเวียดนาม ภายใต้บริษัท วีนา กล๊าส อินดัสทรีส์ จำกัด ซึ่งบริษัทเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ ถือหุ้น 100% เมื่อปี 2538 โดยได้ก่อสร้างโรงงานพื้นที่ 45 ไร่ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาโครงการกับผู้ร่วมทุน
“แม้ว่าเศรษฐกิจไทยจะไม่ดีในปีหน้า แต่เนื่องจากธุรกิจกลุ่มบรรจุภัณฑ์ขณะนี้กำลังผลิตไม่พอกับความต้องการ ซึ่งเฉพาะแค่การป้อนขวดให้กับกลุ่มธุรกิจเบียร์ของบริษัทไทยเบฟฯ ของเราและอื่นๆ คิดเป็น 43% แล้ว ที่เหลือแบ่งเป็น กลุ่มอาหาร 35% เครื่องดื่มชูกำลัง 10% เครื่องดื่ม 9% และอื่นๆ 3% เป็นต้น อย่างไรก็ตามจากการรุกขยายธุรกิจบรรจุภัณฑ์คาดว่าสัดส่วนรายได้ในกลุ่มดังกล่าวจะเพิ่มขึ้น”
สำหรับในกลุ่มธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค บริษัทสนใจขยายธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหาร โดยอยู่ระหว่างการเจราจาบริษัทขนาดกลางที่อยู่ในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ คาดว่าจะสรุปช่วงต้นปีนี้ พร้อมกันนี้ยังลงทุน 200 ล้านบาท ซื้อเครื่องจักรขนมขึ้นรูป ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาสินค้า โดยจะเปิดตัวสินค้าใหม่ในต้นปีหน้านี้ ขณะเดียวกันยังมีความสนใจตั้งโรงงานแปรรูปกระดาษทิชชูภายใต้แบรนด์เซลล็อกซ์ในประเทศเวียดนาม เนื่องจากเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูง โดยขณะนี้ยอดขายจากประเทศเวียดนามราว 100 ล้านบาท
ผลประกอบการช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทมีอัตราเติบโต 9% หรือ 12,135 ล้านบาท กำไร 31% มาจากกลุ่มบรรจุภัณฑ์ 41% ธุรกิจเทคนิคและอุตสาหกรรม35% คอนซูเมอร์ 19% อื่นๆ 5%ในไตรมาสที่ 3 ปี 2550 บริษัทมีผลประกอบการเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ของปี 2550 และไตรมาส3 ของปี 2549 โดยมีรายได้จากการขาย 4,183 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 7 % เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 เพิ่มขึ้น 13 % เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3 ปีที่แล้ว
โดยรายได้หลักมาจาก 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ 1. ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ 2. ธุรกิจสินค้าอุปโภค บริโภค และ3. ธุรกิจเทคนิคและอุตสาหกรรม และผลจากการซื้อหุ้นสามัญบริษัทไทย เบเวอร์เรจ แคน จำกัด จำนวน 50 ล้านหุ้น หรือ 50% ของทุนจดทะเบียนและเรียกชำระแล้ว โดยซื้อในราคาหุ้นละ 21.48 บาท จะส่งผลให้รายได้ของบริษัทเพิ่มกว่า 2,000 ล้านบาทในปี 2551 หรือได้กำไรเพิ่มขึ้น 100 ล้านบาท
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|