|

ฝรั่งทิ้งหุ้นไทยรูด18จุด-ขนเงินอุดพิษ"ซีดีโอ"
ผู้จัดการรายวัน(20 พฤศจิกายน 2550)
กลับสู่หน้าหลัก
ตลาดหุ้นไทยรูดไม่เป็นท่า ฝรั่งเทขายอีก 2.3 พันล้านบาท กดดัชนีร่วงเกือบ 18 จุด หวังนำกำไรไปชดเชยผลกระทบจากการลงทุนในซีดีโอ ขณะที่ตลาดหุ้นทั่วโลกไร้ปัจจัยบวกกระตุ้น โบรกเกอร์ระบุเริ่มเห็นสัญญาณนักลงทุนปรับพอร์ต รอความมั่นใจก่อนหวนคืนอีกครั้ง "ภัทรียา" เผยหุ้นการเมืองยังวิ่งปกติ ยันหากพบผิดปกติพร้อมเข้าตรวจสอบทันที ขณะที่นายกสมาคมบลจ."แนะพรรคการเมืองเผยแผนพัฒนาตลาดทุน
ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์วานนี้ (19 พ.ย.) ดัชนีปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องหลังนักลงทุนต่างชาติยังกระหน่ำขายสุทธิโดยล่าสุดอีก 2.4 พันล้านบาท เหตุมีความจำเป็นต้องขายทำกำไรในส่วนของการลงทุนที่ได้รับผลกำไรเพื่อนำไปปิดงบการเงินและช่วยชดเชยผลกระทบจากการลงทุนในสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ จนส่งผลทำให้ดัชนีปรับตัวลดลงมาปิดที่ 831.14 จุด ลดลง 17.93 จุด หรือ 2.11% ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดของวัน ขณะที่จุดสูงสุดของวันอยู่ที่ 852.71 จุด มูลค่าการซื้อขาย 16,062.04 ล้านบาท
ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,374.10 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 135.91 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 2,238.19 ล้านบาท
นางสิริณัฏฐา เตชะศิริวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือ SYRUS กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงค่อนข้างแรงเมื่อเทียบกับตลาดอื่นในภูมิภาคแม้ว่ามูลค่าการซื้อขายจะไม่สูงมาก ซึ่งเชื่อว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นที่มีกำไรเพื่อนำไปชดเชยผลกระทบจากการลงทุนใน CDO(Collateralized Debt Obligations) เพื่อเป็นการรักษาพื้นฐานของบริษัทไม่ให้ได้รับผลกระทบมากนัก ประกอบกับใกล้ช่วงปีใหม่แล้วนักลงทุนบางส่วนก็เริ่มจะชะลอการลงทุน
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านถือว่าเป็นช่วงที่ไม่มีปัจจัยบวกเข้ามาจึงทำให้นักลงทุนยังชะลอการลงทุนเพื่อรอปัจจัยใหม่ๆเข้ามากระตุ้น ประกอบกับคงต้องรอการกลับเข้ามาของนักลงทุนต่างชาติว่าจะมั่นใจต่อตลาดหุ้นเมื่อใด
อย่างไรก็ตาม แนะนำนักลงทุนระยะสั้นควรจะเลือกตัวเล่นเป็นรายตัวและมีข่าวรองรับ ส่วนนักลงทุนระยะยาวก็แนะให้เลือกซื้อหุ้นที่ราคาต่ำกว่าพื้นฐาน
นายโกสินทร์ ศรีไพบูลย์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า นักลงทุนบางส่วนมีการปรับพอร์ต ด้วยการขายสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ เพื่อนำเงินไปชำระคืนเงินเยนที่กู้มาในหลายๆ ตลาดทุนในภูมิภาค ในขณะที่ปัญหาซับไพรม์และราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น ยังสร้างความกังวลแก่นักลงทุนว่าเศรษฐกิจของสหรัฐคงจะชะลอตัวไปจนถึงต้นปีหน้าและส่งผลต่อผลประกอบการของสถาบันการเงินของสหรัฐในไตรมาส4ปีนี้
สำหรับทิศทางตลาดหุ้นไทยวันนี้ ยังผูกติดอยู่กับตลาดหุ้นต่างประเทศ และราคาน้ำมันดิบที่จะแกว่งตัวขึ้นได้ โดยอาจมีแรงเทขายจากนักทุนต่างชาติออกมากอีก เนื่องจากราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานที่ขึ้นมามากในช่วงที่ผ่านมา โดยให้แนวรับที่ 823-825 จุด และ แนวต้านที่ 838-840 จุด
นายอนุพนธ์ ศรีอาจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.บีฟิท กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวลดลงถึง 2% ตามตลาดหุ้นในภูมิภาคหลังมีแรงเทขายในหุ้นกลุ่มพลังงาน ธนาคาร สื่อสาร และก่อสร้างฯ ประกอบกับนักลงทุนต่างชาติยังคงขายอย่างต่อเนื่อง โดยทิศทางตลาดหุ้นไทยในวันนี้จะยังคงมีความผันผวน อาจจะถูกแรงขายจากต่างประเทศกดดันต่อไป โดยให้แนวรับที่ 820-830 จุด และแนวต้านที่ 850-853 จุด
นางวิริยา ลาภพรหมรัตน ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เกียรตินาคิน กล่าวว่า ความกังวลจากการคาดการณ์ว่าประเทศจีนอาจจำเป็นจะต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อลดความร้อนแรงของเศรษฐกิจ ในขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐอาจจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งสุดท้ายในปีนี้ เป็นแรงกดดันการและสร้างความไม่มั่นใจต่อการลงทุน
ยันหุ้นการเมืองยังปกติ
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ในขณะนี้หุ้นที่มีความเกี่ยวข้องกับนักการเมืองนั้นยังคงมีการซื้อขายอยู่ในระดับที่ปกติ แม้จะเข้าใกล้กำหนดวันเลือกตั้งแล้วก็ตาม ซึ่งหากมีการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงมีข้อมูลบางอย่างที่ไม่ได้เปิดเผยกับตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็ต้องเข้าไปสอบถามและให้บริษัทฯที่เกี่ยวข้องชี้แจงข้อมูลเข้ามา แต่ยืนยันว่าในขณะนี้ยังไม่มีสิ่งที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ
ส่วนกรณีหุ้นของบริษัทวินโคสท์ อินดัลเทรียล พาร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ WIN ปัจจุบันเจ้าหน้าที่ของตลท.อยู่ระหว่างตรวจสอบโดยจะเข้าไปดูใน 2 ประเด็น คือ การเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นที่เกิน 25% โดยตลท.จะเข้าไปดูว่าผู้ถือหุ้นที่เข้ามาซื้อหุ้นเป็นกลุ่มเดียวกันหรือไม่ และหากเป็นกลุ่มเดียวกันก็จะต้องเข้าข่ายตั้งโต๊ะรับซื้อหุ้น (เทนเดอร์ ออฟเฟอร์) ขณะเดียวกันติดตามดูประเด็นเรื่องของราคาหุ้น ที่มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงวันที่มีรายการซื้อขายขนาดใหญ่ (บิ๊กล็อต)
สำหรับกรณีที่ราคาหุ้นบริษัท สามชัย สตีล อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ SAM ซึ่งมีราคาปรับลดลงอย่างต่อเนื่องนั้น มองว่า หุ้นดังกล่าวยังไม่มีอะไรผิดปกติ และไม่ต้องเข้าไปตรวจสอบเป็นพิเศษ แม้ก่อนหน้านี้ราคาก็เคลื่อนไหวปรับตัวขึ้นลงค่อนข้างมาก แต่เป็นการเคลื่อนไหวของราคาคงเป็นไปตามภาวการณ์ซื้อขายของตลาด
"อย่างไรก็ตามนักลงทุนควรจะทำการติดตามข่าวข้อมูลอย่างใกล้ชิดและต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษในการลงทุนหุ้นที่มีความเคลื่อนไหวมากเป็นพิเศษ" นางภัทรียา กล่าว
จี้ออกแผนพัฒนาตลาดทุน
นายมาริษ ท่าราบ นายกสมาคม บริษัทจัดการลงทุน (บลจ.) กล่าวว่า พรรคการเมืองส่วนใหญ่นิยมใช้นโยบายประชานิยมในการหาเสียง แต่ไม่มีพรรคใดมีการประกาศนโยบายพัฒนาตลาดเงินและตลาดทุนอย่างชัดเจน ซึ่งการดำเนินนโยบายทั้งสอง ควรจะต้องทำควบคู่กันไปมากกว่ามุ่งเน้นหนักไปในด้านใดด้านหนึ่ง โดยเฉพาะการพัฒนากองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ (กบช.) เรื่องโครงสร้างประชากร ซึ่งหากรัฐบาลไม่เร่งดำเนินการ ผลผลิตของประเทศยิ่งลดลงอย่างต่อเนื่องๆ
"ตอนนี้ความสนใจต่อประเทศไทย ในเวทีเศรษฐกิจระดับโลกค่อนข้างลดลงมาก ส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับประเทศอื่น โดยเฉพาะประเทศจีนมากกว่า ซึ่งถ้าสถานการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป ความสามารถในการแข่งขันของไทยจะไม่น่าสนใจและลดต่ำลง" นายมาริษ กล่าว
อย่างไรก็ตามปัจจุบันนักลงทุนทั้งในและนอกประเทศ กำลังรอความชัดเจนเกี่ยวกับรัฐบาลใหม่หลังการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในช่วงปลายปี ซึ่งคงจะต้องดูว่าพรรคการเมืองที่ได้จัดตั้งรัฐบาลมีนโยบายทางเศรษฐกิจชัดเจนเพียงใด ซึ่งถ้ามีความชัดเจนและเป็นที่ยอมรับจากต่าสงชาติ ก็จะสามารถเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุน ซึ่งอาจจะส่งผลทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจในปีหน้าสูงกว่าในปีนี้ได้
กลับสู่หน้าหลัก
 ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|