ธปท.โยนคลังปิดดีลสินเอเซีย


ผู้จัดการรายวัน(16 พฤศจิกายน 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

ธปท.โยนคลังพิจารณาสัดส่วนต่างชาติถือหุ้นแบงก์สินเอเซียเกิน 25% เข้าข่ายแก้ไขฐานะและการดำเนินงานหรือไม่ อย่างน้อยในฐานะผู้ถือหุ้นคลังกับแบงก์กรุงเทพต้องหารือ ขณะที่ผู้บริหารสินเอเซียให้ผู้ถือหุ้นเคลียร์กันเอง

กรณีที่คณะกรรมการกฤษฏีกาตีความให้การถือหุ้นในธนาคารพาณิชย์ของต่างชาติเกิน 25% ได้เฉพาะกรณีที่มีความจำเป็นต้องแก้ไขฐานะหรือการดำเนินการของธนาคารพาณิชย์ ซึ่งบางฝ่ายเกรงว่าจะส่งผลต่อการเจรจาซื้อหุ้นของนักลงทุนต่างชาติกับธนาคารกรุงเทพที่ถือหุ้นอยู่ในธนาคารสินเอเซีย (ACL) กว่า 19% และอาจมีผลให้สัดส่วนการถือหุ้นของต่างชาติเกินกว่าเกณฑ์ที่กำหนด นั้น วานนี้ (14 พ..ย.) นายสรสิทธิ์ สุนทรเกศ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การขออนุญาตให้ต่างชาติถือหุ้นเกินกว่าสัดส่วนที่กำหนดได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับการพิจารณาอนุมัติจากกระทรวงการคลัง ส่วน ธปท.เป็นเพียงผู้ให้คำแนะนำการพิจารณาเบื้องต้น ในขณะนี้ยังไม่ได้รับหนังสือการแสดงฐานะและการดำเนินงานจากธนาคารสินเอเซีย ดังนั้นยังตอบไม่ได้ว่าธนาคารสินเอเซียเข้าข่ายที่ต้องแก้ไขฐานะและการดำเนินงานหรือไม่

“หากแบงก์กรุงเทพจะขายหุ้นที่ถืออยู่กว่า 19%ให้แก่ต่างชาติก็สามารถทำได้ แต่ตามกฎเกณฑ์แล้วหากบุคคลใดบุคคลหนึ่งถือหุ้นของแบงก์พาณิชย์เกิน 5% รวมทั้งกรณีที่นักลงทุนต่างชาติรายหนึ่งถือหุ้นเกิน 5% หรือต่างชาติทุกรายรวมกันเกิน 25% จำเป็นต้องขออนุมัติจากคลังก่อน ซึ่งหนังสือดังกล่าวจะต้องมีการหารือร่วมกันระหว่างผู้ถือหุ้น กระทรวงการคลังและแบงก์กรุงเทพ รวมทั้งสินเอเซียมาก่อนแล้ว อีกทั้งหนังสือนี้ต้องแสดงให้เห็นว่ามีความจำเป็นต้องแก้ไขฐานะและการดำเนินงานเท่านั้น”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในปัจจุบันธนาคารกรุงเทพได้ถือหุ้นในธนาคารสินเอเซียในสัดส่วน 19.26% ซึ่งตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน(มาสเตอร์แพลน) ฉบับที่ 1 กำหนดให้สถาบันการเงินมีเพียงสถานะเดียว ซึ่งธปท.ได้ผ่อนผันให้ธนาคารกรุงเทพต้องขายหุ้นดังกล่าวออกไปภายในสิ้นปีนี้ และขณะนี้ทางธนาคารอินดัสเทรียล แอนด์ คอมเมอร์เชียล แบงก์ ออฟ ไชน่า (ไอซีบีซี) กำลังอยู่ระหว่างเจรจาซื้อหุ้นดังกล่าวจากธนาคารกรุงเทพอยู่ ซึ่งนักลงทุนก็ต้องรักษาสิทธิในการออกเสียงและมีอำนาจการบริหาร จึงจำเป็นที่ต้องรับซื้อหุ้นทั้งหมดจากธนาคารกรุงเทพ แต่ติดที่ปัจจุบันธนาคารสินเอเชียมีต่างชาติถือหุ้นอยู่แล้ว 22% ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของต่างชาติเกิน 25%

บิ๊กACLให้ผู้ถือหุ้นชี้ขาด

นายธงชัย อานันโทไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารสินเอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือACL กล่าวว่า เป็นเรื่องของผู้ถือหุ้น ไม่สามารถให้คำตอบเกี่ยวการตีความของกฤษฎีกาได้ แต่อย่างไรก็ตามปัจจุบันธนาคารมีเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (บีไอเอส) ประมาณ 12,000 ล้านบาท หรือ 35 % จากเกณฑ์ของธปท.กำหนดบีไอเอสไว้ที่ 8.5 % ขณะเดียวกันปัจจุบันธนาคารมีนักลงทุนต่างชาติถือหุ้นในสัดส่วน 22 % ของทุนจดทะเบียน

สำหรับผลประกอบการของธนาคารในปีนี้น่าจะเป็นไปตามเป้าหมาย โดยในส่วนของกำไรน่าจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ 755 ล้านบาท ส่วนเป้าหมายสินเชื่อทั้งปีอยู่ที่ 12,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 40% เนื่องจากตัวเลขการขยายตัวของสินเชื่อในช่วง 10 เดือนใกล้เคียงกับเป้าหมายแล้ว ซึ่งจะส่งผลให้ยอดสินเชื่อคงค้างสิ้นปีนี้อยู่ที่ 36,000 ล้านบาท และจะทำให้สินทรัพย์รวมของธนาคารเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 60,000 ล้านบาท โดยสัดส่วนการปล่อยสินเชื่อของธนาคารจะมาจากสาขาต่างจังหวัดประมาณ 20% และในปีหน้าคาดว่าจะขยับขึ้นมาอยู่ที่ 30%

นอกจากนี้ในปีหน้าธนาคารตั้งเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อไว้ที่ 10,000 ล้านบาท และมีแผนจะเปิดสาขาเพิ่มอีก 10 สาขา ทำให้ธนาคารจะมีสาขารวมทั้งหมด 25 สาขา โดยจะเป็นการเปิดสาขาในรูปแบบบิสสิเนสเซ็นเตอร์ในต่างจังหวัด 5 สาขา และในกรุงเทพและปริมณฑลอีก 5 สาขา นอกจากนี้ธนาคารจะขยายแหล่งที่มาของรายได้ในส่วนของค่าธรรมเนียมจากการให้บริการธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตรา จากเดิมรายได้จะมาจากส่วนที่เป็นดอกเบี้ยเท่านั้น

"กลยุทธ์เรายังจะเป็นรูปแบบของสาขาที่เป็นบิสสิเนสเซ็นเตอร์ คือการตั้งเป้าให้สาขามียอดสินเชื่อ 1,000 ล้านบาทต่อสาขาให้ได้ภายใน 1 ปี ซึ่งล่าสุดสาขาโคราชสามารถทำได้ภายใน 10 เดือน และสาขาที่เปิดไปก่อนหน้านี้เกินกว่าครึ่งสามารถบรรลุเป้าหมายแล้ว โดยในช่วงที่เหลือคงจะเห็นสาขาที่เกินกว่า 1,000 ล้านบาทอีกประมาณ 3-4 แห่ง ส่วนเอ็นพีแอลปัจจุบันอยู่ที่ 3%"


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.