โทร 5 แสนทศท. ฉาวฉวยจังหวะเปลี่ยนบอร์ด


ผู้จัดการรายวัน(6 พฤษภาคม 2546)



กลับสู่หน้าหลัก

เปิดปมฉาวโครงการโทรศัพท์ 5 แสนเลขหมาย เบื้องหลังปัญหาทุจริตคอรัปชัน โยงใย 3 ก๊กผลประโยชน์ จับมือร่วมกันระหว่างกรรมการบอร์ด,ผู้บริหารทศท.และกลุ่มพ่อค้าที่ชอบแอบอ้างทหารหากิน อาศัยจังหวะเปลี่ยนบอร์ด แก้ไขวิธีการประมูล ล้างมติบอร์ดเดิม ตบหน้าสรรเสริญ วงศ์ชะอุ่ม,สถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์,พล.ต.ท.บุญญฤทธิ์ รัตนะพร ที่ร่วมเป็นบอร์ดขณะนั้น งานนี้ผลประโยชน์มืดหลายร้อยล้านบาทป็นเดิมพัน

โครงการโทรศัพท์ 5 แสนเลขหมายมูลค่ากว่า 7 พันล้านบาทของบริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น ส่งกลิ่นทุจริต ไม่โปร่งใสในขั้นตอนดำเนินการอีกแล้ว ภายหลังจากที่บอร์ดทศท.ชุดก่อนหน้านี้ที่มีนายศุภชัย พิศิษฐวานิช เป็นประธานบอร์ด ได้อนุมัติหลักการ วิธีการประมูล ทำจนถึงระดับเอาสเปกหรือทีโออาร์ที่เป็นเงื่อนไขในการประกวดราคาทำประชาพิจารณ์เรียบร้อยเหลือแค่ขายซองประกวดราคาแล้วก็ตาม

ต้นตอกลิ่นฉาว 5 แสนเลขหมาย

ต้นตอปัญหา เกิดจากการประสานความร่วมมือ 3 ก๊กระหว่าง 1.กรรมการ บางคนในบอร์ดทศท.ชุดใหม่ที่มีคุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) เป็นประธาน 2.ผู้บริหารระดับรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ 2-3 คนที่เกี่ยวข้องกับโทรศัพท์พื้นฐานและเกี่ยวข้องกับการแก้ไขสเปกตั้งแต่บอร์ดชุดก่อนจนมาถึงบอร์ดชุดปัจจุบัน ก็ยังไม่ละความพยายาม และ3.กลุ่มพ่อค้าและซัปพลายเออร์บางราย ที่กำลังสร้างก๊วนรวมกลุ่ม กลายเป็นมาเฟียระดับใหญ่ ที่ตอนนี้กำลังอ้างถึงขนาดว่าทำงานให้ "พรรค" ซึ่งพ่อค้าที่เป็นแกนหลัก ถึงกับใช้โลโก้บริษัทคล้ายสัญญลักษณ์ทางทหาร เนื่องจากเพื่อให้ดูสมจริงกับการอ้างชื่อผู้ใหญ่ในวงการทหารในการทำมาหากิน

"ทั้ง 3 กลุ่มโยงใยกันเป็นขบวนการผลประโยชน์ขนาดใหญ่ ซึ่งภารกิจสำคัญตอนนี้คือการหักล้างมติบอร์ดเดิมที่เป็นความต้องการของทศท. แล้วเปลี่ยนวิธีการจัดซื้อใหม่ให้เป็นไปตามความต้องการของกลุ่มพวกพ้องตัวเอง งานนี้ผลประโยชน์ไม่หนี 3-400 ล้านบาท" แหล่งข่าวในทศท.กล่าว

ตามหลักการเดิมที่บอร์ดศุภชัยอนุมัติ ทำประชาพิจารณ์เรียบร้อยแล้ว จะแบ่งเนื้องานในการจัดหาออกเป็น 3 พื้นที่ และให้ผู้เข้าประกวดราคาในแต่ละพื้นที่จะต้องรับผิดชอบงานทุกงานในแต่ละโซนแบบเบ็ดเสร็จ ได้แก่งานอุปกรณ์ชุมสาย งานอุปกรณ์สื่อสัญญาณ และงานระบบข่ายสาย

รวมทั้งกำหนดคุณสมบัติผู้เข้าประกวดราคาประการสำคัญว่าผู้เข้าประกวดราคาจะต้องมีผลงานด้านการก่อสร้างท่อร้อยสาย และข่ายสายโทรศัพท์ท้องถิ่นของส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจ ในวงเงินไม่น้อยกว่า 300 ล้านบาทต่อ 1 สัญญาภายในเวลา 5 ปี และจะต้องเป็นผู้ผลิต/ผู้แทนจำหน่ายอุปกรณ์ชุมสายและอุปกรณ์สื่อสัญญาณ

โดยงบประมาณในการจัดหาแบ่งเป็นงานก่อสร้าง/ปรับปรุงระบบข่ายสายท้องถิ่น 1,900 ล้านบาท อุปกรณ์ระบบชุมสาย 2,800 ล้านบาทและอุปกรณ์ระบบสื่อสัญญาณ 2,500 ล้านบาท

บอร์ดศุภชัยอนุมัติในหลักการดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 27 มิ.ย.2545 ที่ผ่านมา แต่ปรากฏว่านายสุธรรม มลิลา ผู้อำนวยการทศท.ในขณะนั้น ใช้วิชามารขั้นสูงเพื่อหวังแก้ไขสเปกหรือทีโออาร์ ไม่ต่ำกว่า 2 ครั้ง เพื่อให้ผลประโยชน์ตกกับพวกพ้องตัวเอง เนื่องจากเงื่อนไขหลักการที่บอร์ดศุภชัยเห็นชอบอนุมัติ เป็นหลักการที่ต้องการ บริษัทขนาดใหญ่ มีผลงานเชื่อถือได้ ถึงขนาดนายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ กรรมการบอร์ดทศท.พูดออกจากปากว่า "เราต้องการคอนโด ก็ต้องหาผู้รับเหมาที่สร้างคอนโด ไม่ใช่เอาผู้รับเหมาที่สร้างตึกแถวมาสร้างคอนโด"

ในตอนนั้นนายสุธรรม ยืมมือลูกน้องที่เป็นผู้อำนวยการกองพัสดุ จัดการแก้ไขสเปกในประเด็นเรื่องผลงานด้านข่ายสายจากเดิมที่ต้องมีผลงาน 300 ล้านบาทสัญญาเดียวภายใน 5 ปี เปลี่ยนเป็น เอาผลงานของกลุ่มคอนซอร์เตี้ยมที่ร่วมประมูลมารวมกันกี่สัญญาก็ได้ครบ 300 ล้านบาท เนื่องจากนายสุธรรมต้องการช่วยพรรคพวกที่ไม่มีผลงานหรือเป็นบริษัทขนาดเล็กขาดความน่าเชื่อถือ

ผลของการหักมติบอร์ดคือลูกน้องนายสุธรรมถูกสั่งย้าย แต่เขาก็ได้รับการปูนบำเหน็จด้วยการส่งไปเรียนวปรอ.

"มติบอร์ดศุภชัย เป็นการกลั่นกรองถึงความต้องการที่แท้จริงของทศท.และวิธีการประกวดราคาก็เป็นสิ่งที่บอร์ดให้ความเห็นชอบเรียบร้อยแล้ว ซึ่งในตอนนั้นนายสุธรรมเพียรพยายามเปลี่ยนสเปก ซึ่งบอร์ดก็รู้ทันและแก้ไขให้กลับมาถูกต้อง" แหล่งข่าวย้ำว่าเมื่อบอร์ดเห็นความพยายามนายสุธรรมในเรื่องแก้ไขสเปกขนาดสั่งย้ายลูกน้อง แต่นายสุธรรมก็ไม่ปกป้อง ก็เลยคิดว่ารอให้นายสุธรรมเกษียณในเดือนก.ย.ไปก่อน ซึ่งตอนนั้นเหลือเวลาเพียงแค่เดือนเดียว เพราะเกรงว่าจะต้องโยกย้ายลูกน้องนายสุธรรมอีกจำนวนมาก

เพราะเมื่อถูกบอร์ดจับได้เรื่องแก้สเปก นายสุธรรมก็ยืมมือนายโอฬาร เพียรธรรม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่(เกษียณไปแล้ว) และนายปรีชา รักษาชาติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่(ในขณะนั้น) ล้มโครงการโทรศัพท์ 5 แสนเลขหมาย เปลี่ยนวิธีการเป็นให้แต่ละฝ่ายโทรศัพท์ที่ประกอบด้วยฝ่ายโทรศัพท์นครหลวง 4 ฝ่ายกับฝ่ายโทรศัพท์ภูมิภาค 5 ฝ่าย สามารถดำเนินการจัดซื้อจัดหาขยายเลขหมายได้ตามใจชอบแทน

แต่บอร์ดศุภชัยก็รู้ทัน ทำให้นายโอฬาร ถึงกับต้องขอโทษบอร์ด เพราะถือเป็นการฝ่าฝืนมติบอร์ด ที่ได้อนุมัติหลักการไปแล้ว ท่ามกลางความไม่พอใจของนายสุธรรมและนายปรีชาที่ฝังความแค้นไว้ในใจ เพราะถือเป็นการดึงเนื้อออกจากคอ

ปรีชา รักษาชาติ ปัจจุบันเป็นรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ เป็นคนที่ประสานมือกับสุธรรม มีบทบาทในช่วงแรก เพราะเป็นคนที่เดินทางไปประเทศจีนพร้อมกับสุธรรมเพื่อเจรจาจนเกือบเซ็นเอ็มโอยูกับเซี่ยงไฮ้ เบลล์ รวมทั้งยังมีการเจรจากับหัวเหว่ย โดยจีนจะจัดหาแหล่งเงินกู้ให้ แต่การซื้อขายต้องทำผ่านบริษัทคนไทยที่มีชื่อเสียโด่งดังตอนทำไอพีเน็ตเวิร์กให้ทศท.เนื่องจากมีประสบการณ์แค่ขายพัดลมแต่หาญกล้ามาให้บริการไฮเทคโนโลยี

เมื่อสุธรรมพ้นจากตำแหน่งผู้บริหารสูงสุด พร้อมกับการก้าวเข้ามาแทนที่ของนายสิทธิชัย ส่งพิริยะกิจ และบอร์ดชุดใหม่ของคุณหญิงทิพาวดี ความหวังของเหล่ามารก็เรืองรองขึ้นอีกครั้ง เพราะความไม่มี "สี" ของสิทธิชัย และการทำงานแบบประณีประนอมอ่อนข้อทำให้เหล่าลูกน้องผู้บริหารระดับรอง ได้ใจคิดหากินซ้ำสอง
"วิธีถนัดพวกนี้คือแก้สเปก ให้เข้าทางพวกตัวเอง"

บอร์ดคุณหญิงทิพาวดี มีมติในการประชุมครั้งที่ 2/2546(กรณีพิเศษ) เมื่อวันที่ 30 ม.ค.2546 ให้ความเห็นชอบหลักการโครงการขยายบริการโทรศัพท์จำนวน 565,500 เลขหมาย โดยให้หารือกับที่ปรึกษาประธานกรรมการ บมจ.ทศท.(นายสรรเสริญ วงศ์ชะอุ่ม) ในรายละเอียดอีกครั้งก่อนนำเสนอโครงการต่อสศช.(สภาพัฒน์ฯ) เนื่องจากสศช.ต้องการให้ทศท.นำเสนอแผนงานการขยายเลขหมายดังกล่าวในรูปแบบของโครงการ

การนำเสนอในรูปโครงการคือการนำเสนอหลักการ เหตุผลที่ต้องการขยายเลขหมาย เป้าหมายของโครงการ รูปแบบโครงสร้างทางการเงิน ผลตอบแทนการลงทุนต่างๆ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับสเปกหรือเงื่อนไขการประกวดราคาเลย

สิ่งที่ยืนยันถึงความต้องการคุณหญิงทิพาวดี ที่ให้คงตามหลักการบอร์ดชุดเดิมของนายศุภชัย คือ เมื่อพล.อ.สมชัย สมประสงค์ รองประธานบอร์ดได้ถามถึงวิธีการประมูล คุณหญิงตอบกลับในทำนองว่าเป็นเรื่องที่บอร์ดเดิมอนุมัติมาแล้ว ไม่ต้องถามถึง สิ่งที่บอร์ดชุดนี้ทำคือส่งเรื่องในรูปการนำเสนอแบบโครงการให้นายสรรเสริญดูรายละเอียดก่อนส่งสศช.เท่านั้น

3 แนวทางขัดหลักการเดิม

คำว่าให้ดูรายละเอียด กลายเป็นโอกาสที่ 3 ก๊กจัดการยำโครงการ 5 แสนเลขหมายใหม่ เพื่อให้ผลประโยชน์ลงตัวเฉพาะพรรคพวก

ปรีชา ร่วมกับผู้บริหารที่รับผิดชอบโทรศัพท์พื้นฐาน นำเสนอ 3 แนวทางเลือกในการประกวดราคา โดยไม่สนใจว่าบอร์ดจะเคยมีมติอนุมัติหลักการมาเช่นไร

กล่าวโดยสรุปคือแนวทาง 1 คงตามแนวทางเดิม โดยเพิ่มข้อกำหนดคุณสมบัติขั้นต่ำของอุปกรณ์ชุมสายว่าระบบอุปกรณ์ Super Node และ Access Node รุ่นที่นำเสนอจะต้องเคยผ่านการใช้งานและเปิดให้บริการอยู่ในปัจจุบันเป็นจำนวนอย่างน้อย 1 ชุมสายและ 100 ชุมสายตามลำดับ

แนวทางที่ 2 แยกเนื้องานระบบข่ายสายออกจากเนื้องานอุปกรณ์ชุมสายและสื่อสัญญาณ โดยส่วนกลางเป็นผู้ดำเนินการประกวดราคา และแนวทางที่ 3 แยกเนื้องานระบบข่ายสายออกจากเนื้องานอุปกรณ์ชุมสายและสื่อสัญญาณ และให้แต่ละพื้นที่เป็นผู้ดำเนินการประกวดราคางานระบบข่ายสายเองตามความเหมาะสม

แหล่งข่าวกล่าวว่าประเด็นที่น่าสนใจสำหรับ 3 แนวทางคือพวก 3 ก๊กต้องการให้เป็นแนวทางที่ 3 เพราะเท่ากับไม่ได้กำหนดคุณสมบัติใดๆของอุปกรณ์แค่บอกว่าผ่านการใช้งานเท่านั้น

ในขณะเดียวกัน งานด้านข่ายสายต้องการให้แต่ละพื้นที่ประมูลกันเอง เนื่องจากในแต่ละพื้นที่จะมีบริษัทที่ผู้บริหารทศท.ร่วมอยู่ด้วยไม่ว่าจะเป็นการถือหุ้นโดยตรงหรืออ้อมๆ หรือมีความสัมพันธ์แบบซ่อนเร้น เพราะคนทศท.จะมีความชำนาญในเรื่องการเดินข่ายสายโดยเฉพาะและมองว่าถึงบริษัทขนาดใหญ่ได้โครงการไป ก็ต้องมาจ้างบริษัทเล็กในลักษณะซับคอนแทรกเตอร์อยู่ดี

แต่พวกนี้ลืมไปว่า ถึงเป็นผู้รับเหมาช่วงต่อจากบริษํทใหญ่ แต่บริษัทใหญ่ยังคงต้องมีความรับผิดชอบในเนื้องานและผลงานอยู่ดี ไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้ แต่บริษัทเล็กๆวันดีคืนดีอาจปิดบริษัทหนีหายไปเมื่อไหร่ก็ได้

"พอเปลี่ยนบอร์ดใหม่ ก็เกิดแนวคิดจากระดับล่างที่ต้องการซอยงานลง แล้วอาศัยพวกมากบีบผู้บริหารระดับสูง โดยไม่คำนึงถึงหลักการว่าเป็นโครงการใหญ่มีความสำคัญควรให้คนมีประสบการณ์มาทำงาน"

นายสิทธิชัย ส่งพิริยะกิจ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ทศท.กล่าวว่า โดยวิธีการทำงานเวลาเสนอโครงการให้บอร์ดพิจารณา จำเป็นต้องเสนอหลายๆทางเลือกให้บอร์ดพิจารณา ซึ่งทั้ง 3 แนวทางดังกล่าว ได้สั่งการให้นำเข้าพิจารณาในกนบ.ก่อนที่จะนำเสนอบอร์ด ซึ่งโครงการ 5 แสนเลขหมายคงประมูลแล้วเสร็จภายใน 1-2 เดือนนี้

"ขึ้นอยู่กับบอร์ดว่าจะตัดสินใจเลือกแนวทางไหน แนวทางเดิมถือว่าหนึ่งในทางเลือกที่ทศท.จะเสนอ"

แหล่งข่าวกล่าวว่า ในบอร์ดทศท.ชุดนี้มีคนที่เคยเป็นกรรมการบอร์ดชุดศุภชัยอยู่ 3 คนซึ่งหากต้องการแก้ไขวิธีการประมูล ทศท.คงต้องหาเหตุผลมาอธิบายให้หนักแน่นและชัดเจน เพราะนายสรรเสริญที่กลับมาเป็นที่ปรึกษาประธานบอร์ด เคยย้ำชัดเจนว่าไม่ต้องการให้เกิดการฮั้วประมูลเหมือนสมัยทำโครงการระบบสื่อสัญญาณความเร็วสูงหรือ SDH ครั้งแรกที่แบ่งเป็น 6 โซน แต่ฮั้วราคากันจนแพงและมีปัญหาทุจริตคอรัปชันจนต้องล้มประมูล

แต่เขาต้องการให้ประมูลรวมแข่งกันให้เหลือรายเดียวเพื่อให้เกิดการต่อสู้ด้านราคาจนถึงที่สุดเพื่อให้ทศท.ได้ประโยชน์สูงสุด เช่นเดียวกับแนวคิดของนายสถิตย์ที่ย้ำว่าการสร้างคอนโดมิเนียม จะเอาผู้รับเหมาตึกแถวมาทำไม่ได้ รวมทั้งพล.ต.ท.บุญญฤทธิ์ คงต้องการคำอธิบายที่ชัดเจน ว่าทศท.มีเหตุผลอะไรที่จะมาหักล้างมติบอร์ดเดิมที่เขาร่วมเป็นกรรมการพิจารณาจนอนุมัติได้หลักการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.