จับตางบโฆษณาทีไอทีวี1.5พันล. ชี้โมเดิร์นไนน์ตัวหลักรับส้มหล่น


ผู้จัดการรายวัน(5 พฤศจิกายน 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

จับตาโมเดิร์นไนน์รับส้มหล่นงบโฆษณาจากทีไอทีวี ขณะที่ช่อง 3 และช่อง 7 ได้รับบ้างแต่ไมใช่ช่องหลัก เหตุเวลาโฆษณาแทบจะเต็มหมดแล้วตามกฎหมาย เผยทีมขายโฆษณาทีไอทีวีแห่ซบโมเดิร์นไนน์แล้วหลายคน

เมื่ออนาคตของทีไอทีวีจะต้องแปลงร่างเป็นทีวีสาธารณะ ตามมติที่ประชุมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติหรือ สนช. ตามร่างพระราชบัญญัติองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ........

ผลพวงดังกล่าวย่อมต้องส่งผลกระทบต่อตัวสถานีทีไอทีวีเองแน่นอน เพราะจะต้องเป็นทีวีที่ทำหน้าที่เป็นองค์การสื่อสาธารณะด้านวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ มีฐานะเป็นหน่วยงานของรัฐที่ไม่ใช่ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ แต่ดำเนินการภายใต้ทุน ทรัพย์สิน และรายได้ขององค์การ

นี่คือสิ่งที่ค้ำคอทีไอทีวีอยู่ และกลายเป็นประเด็นหลักประเด็นหนึ่งที่ ทีวีสาธารณะหรือทีไอทีวีเองไม่อาจจะหารายได้จากโฆษณาต่อไปได้อีกแล้ว

ทีไอทีวีหรือไอทีวีในอดีต ถือเป็นช่องหลักช่องหนึ่งที่บรรดาเอเจนซีและเจ้าของสินค้าลงโฆษณา รองลงมาจาก ช่อง 3 และช่อง 7 เพราะเป็นสถานีที่มีเครือข่ายการส่งสัญญาณกว้างไกล ฐานผู้ชมมาก และมีรายการที่หลากหลาย

แหล่งข่าวจากวงการสื่อรายหนึ่งให้ความเห็นว่า เม็ดเงินโฆษณาเดิมที่ผ่านทางทีไอทีวีจากนี้ไป มีโอกาสที่จะไหลไปที่ช่องโมเดิร์นไนน์มากที่สุด รองลงมาคือ ช่อง 5 แต่ช่อง 3 หรือ ช่อง 7 ก็อาจจะได้บ้างแต่ไม่น่าที่จะเป็นช่องหลักที่จะได้รับงบโฆษณาจากสินค้าเดิมที่ลงทีไอทีวีก่อนหน้านี้อย่างที่หลายคนเข้าใจกัน

เขาวิเคราะห์เหตุผลและความเป็นไปได้ว่า ทุกวันนี้ ช่อง 3 และ 7 ถือได้ว่ามีโฆษณาเต็มที่แล้ว แทบจะไม่มีเวลาหรือช่องว่างให้ลงได้อีก เนื่องจากตามข้อกำหนดของกฎหมาย ในเวลาแพร่ภาพ 1 ชั่วโมง สามารถขายโฆษณาได้เต็มที่ 10-12 นาทีเท่านั้นและรายการที่แพร่ภาพทุกวันนี้ก็มีโฆษณาเต็มหมดแล้ว โอกาสที่จะลงโฆษณาอีกจึงยากมาก นอกจากว่าช่อง 3 และ 7 จะปรับกลยุทธ์ใหม่อีก แต่ก็ยากมาก

ก่อนหน้านี้ช่อง 3 ก็ใช้กลยุทธ์การเพิ่มรายการเด็ก เพิ่มรายการที่เกี่ยวกับผู้ชาย และรายการข่าว เพื่อหาช่องว่างรับเม็ดเงินโฆษณาซึ่งก็ได้ผลเหมือนกัน

ล่าสุดแม้ว่าช่อง 3 เตรียมที่จะปรับราคาค่าโฆษณาขึ้นอีกในเดือนมกราคมปีหน้าประมาณ 7% ในบางรายการ ซึ่งเร็วกว่าแผนเดิมที่จะปรับเดือนมีนาคมก็จะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่เจ้าของสินค้าต้องคิดหนักอีกแม้ว่าจะเป็นช่องหลัก เพราะทุกวันนี้ราคาของช่อง 3 ก็แพงสุดกู่แล้ว อีกทั้งสินค้าตัวหลักๆก็ยิงสปอตที่ช่อง 3 อยู่แล้ว การที่จะเอาสินค้าตัวเดียวกันและใช้งบเพิ่มขึ้นแต่ลงช่องเดิม ในภาวะที่เศรษฐกิจแบบนี้คงไม่ดีนัก เมื่อมีทางเลือกอย่างโมเดิร์นไนน์ ไฉนเลยเจ้าของงบโฆษณาจะไม่มอง

ช่องโมเดิร์นไนน์นั้น ก็ถือเป็นผู้นำช่องหนึ่ง มีรายการทั้งบันเทิง สาระความรู้ ไม่แพ้สองช่องหลักดังกล่าว อีกทั้งค่าโฆษณาก็มีความใกล้เคียงกับทางช่องทีไอทีวีด้วย และเป็นช่องที่เป็นคู่แข่งขับเคี่ยวกันมาอยู่ตลอดเวลาอีกคู่หนึ่ง เทียบเคียงคู่ระหว่าง ช่อง 3 และ 7ดังนั้นบรรดาเอเจนซี่และเจ้าของสินค้าคงต้องพุ่งเป้าไปที่โมเดิร์นไนน์

สำหรับส่วนแบ่งทางการตลาดเม็ดเงินโฆษณาของทีวีแต่ละช่องนั้น ตามตัวเลขของงบโฆษณาไตรมาสแรกปีนี้พบว่า ช่อง 3 มีส่วนแบ่ง 25% , ช่อง7 มีส่วนแบ่ง 27% ,ช่อง 5 มีส่วนแบ่ง 17% เท่ากับช่อง ทีไอทีวี ส่วนช่องโมเดิร์นไนน์มีเพียง 12% เท่านั้น ก็น่าจะเป็นช่องว่างที่ยังอ้าแขนรับงบโฆษณาได้อีก

อีกเหตุผลหนึ่งคือ ก่อนหน้านี้ตั้งแต่เกิดปัญหาทีไอทีวีขึ้นมา ทีมขายโฆษณาของทีไอทีวีได้ลาออกไปจำนวนมาก และได้เข้าไปร่วมงานที่โมเดิร์นไนน์จำนวนมากกว่า 20 คน ซึ่งแน่นอนว่าย่อมต้องมีสายสัมพันธ์กับเอเจนซี่แพลนงบโฆษณาที่สามารถจะดึงมาลงที่โมเดิรน์ไนน์ได้ไม่มากก็น้อย

ช่วงกลางปีที่ผ่านมานี้มีงบโฆษณาไม่น้อยที่ไหลไปอยู่ที่ช่องโมเดิร์นไนน์แล้ว เช่น กรณีของยูนิลีเวอร์ยักษ์ใหญ่ด้านอุปโภคบริโภคซึ่งลงโฆษณาช่องไอทีวีมากสมัยที่ยังไม่มีปัญหาแต่ช่วงหลังก็โยกงบไปใช้ที่ช่องโมเดิร์นไนน์มากขึ้นแล้ว เช่นเดียวกับแบรนด์เอเจ ซึ่งเป็นเครื่องเล่น ดีวีดี ก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน

สังเกตุได้จากงบโฆษณาไตรมาสแรกปีนี้ของยูนิลีเวอร์มียอดใช้จ่ายงบโฆษณารวมมากกว่า 1,320 ล้านบาท โดยมีช่อง 7 ได้งบมากที่สุด 30.7% ใกล้เคียงกับช่องทีไอทีวีที่มีสัดส่วน 30.4% ขณะที่ช่อง 3 อยู่ที่ 20.2% เท่านั้น และช่องโมเดิร์นไนน์มีสัดส่วนที่ 10% ซึ่งแน่นอนว่าโมเดิร์นไนน์จะได้รับอานิสงส์ในส่วนต่างที่หายไปของทีไอทีวี

เดิมทีช่องไอทีวีหรือทีไอทีวีมีรายได้จากงบโฆษณามากกว่า 100-150 ล้านบาทต่อเดือนช่วงพีคสุดๆ ซึ่งหากคำนวณอย่างคร่าวๆแล้วจากเฉลี่ยเดือนละ 120 ล้านบาทก็พอ รายได้จากงบโฆษณาในภาวะปรกติของทีไอทีวีก็น่าจะไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านบาทต่อปี แต่เมื่อเกิดปัญหาตั้งแต่ปีที่แล้วกระทั่งกลายเป็นทีไอทีวี โฆษณาค่อยๆลดลงหายไป เหลือเพียงแค่ 50-60 ล้านบาทต่อเดือนเท่านั้น หดตัวไปมากกว่า 50% เลยทีเดียว

ก่อนหน้านี้นายเขมทัตต์ พลเดช ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กล่าวไว้ว่า คงยังตอบไม่ได้ชัดเจนในเวลานี้ว่างบโฆษณาจากช่องทีไอทีวีจะไหลมาเข้าที่โมเดิร์นไนน์มากน้อยแค่ไหน แต่คิดว่าคงจะได้รับผลดีบ้าง


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.