สุภาพสตรีบุคลิกคล่องแคล่ง ดูยิ้มแย้มแจ่มใสเป็นกันเองกับผู้พบเห็น มีตำแหน่งสุงสุดในฐานะผู้จัดการสำนักงานภาคเหนือตอนบน
(ลำปาง) ของบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือบรรษัทฯ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันทั่วจังหวัด
ผู้นี้ก็คือ ถนอมศรี สุวรรณรัตน์
เธอจะเป็นผู้อนุมัติปล่อยเงินกู้แก่โครงการลงทุนอุตสาหกรรมขนาดย่อม ครอบคลุม
6 จังหวัด คือ ตาก อุตรดิตถ์ แพร่ น่าน และพะเยา โดยมีลำปางเป็นศูนย์กลางมาตั้งแต่เดือนมีนาคม
2531
ถนอมศรีเป็นผู้หญิงคนแรกที่เป็นผลผลิตของบรรษัทฯ ซึ่งออกไปบริหารงานในสำนักงานแต่ละภาค
เป็นลูกหม้อของที่นี่โดยเข้ามาเริ่มงานในปี 2517
เธอเริ่มต้นชีวิตวัยเยาว์ในต่างจังหวัด จบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย
คือ ม.ศ.5 ในตอนนั้นจากโรงเรียนวิเชียรมาตุ โรงเรียนประจำจังหวัดตรัง ทั้งที่ถนอมศรีเป็นคนคอนหรือนครศรีธรรมราช
แต่มาอาศัยอยู่กับคุณลุงเชาว์ ชิโนกุล ซึ่งเป็นเทศมนตรีเทศบาลเมืองตรังผู้ให้ความอุปการะเธออย่างดีมาตลอด
จากนั้น ถนอมศรีก็เดินทางสู่เมืองกรุงแดนศรีวิไลซ์ และเลือกเป็นลูกแม่โดมในคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี
ในช่วงใกล้จบได้ช่วยอาจารย์นงเยาว์ ชัยเสรี ตรวจงานบัญชี เมื่อมีคนแนะนำให้สมัครงานที่บรรษัท
เธอก็ไม่รีรอ
โดยได้เริ่มต้นงานกับบรรษัทในส่วนการเงิน มีหน้าที่ติดต่อเบิกเงินให้ลูกค้า
ติดต่อเงินกู้ต่างประเทศ "เป็นเหมือนการระดมเงินกลาย ๆ " ถนอมศรีย้อนเล่าถึงอดีตอย่างอารมณ์ดี
อยู่ได้ 4 ปีก็ขยับขึ้นมาเป็นหัวหน้าหน่วยทะเบียนลูกหนี้แจ้งหนี้ลูกค้า
จากนั้นก็มาดูแลงานเงินตราต่างประเทศ เบิกเงินกู้อยู่ประมาณปีครึ่ง เรียกว่าเป็นการโยกย้ายในแนวนอนมาตลอด
จนถึงปี 2527 จึงได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าบริหารเงินกู้ที่ลำปาง ซึ่งมีตำแหน่งเทียบเท่าผู้ช่วยผู้จัดการ
มีหน้าที่พิจารณาการปล่อยกู้ พอถึงปี 2529 ก็มีคำสั่งให้ย้ายไปเป็นผู้จัดการสำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ขอนแก่น
คลุมพื้นที่ 17 จังหวัดภาคอีสาน
ตอนนั้น บรรษัทจัดลำดับให้ขอนแก่นเป็นศูนย์ประสานงานการลงทุนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ซึ่งในช่วงปี 2529-2531 "อยู่ที่นั่นช่วงนั้นขอนแก่นยังไม่บูมมากเหมือนในช่วง
2-3 ปีหลัง โดยสภาพแล้ว จะเห็นว่าฐานลูกค้าที่ขอนแก่นเยอะ แต่ถ้าดูภาพรวมของภาคอีสานจังหวัดอื่นมีการลงทุนน้อย
ยกเว้นนครราชสีมา" ถนอมศรี ฉายภาพของอีสานในช่วงก่อนหน้านี้
"เมื่อเราเห็นเป็นอย่างนี้ ต่างก็มีความคิดพ้องกันว่า ควรจะตั้งสำนักงานที่โคราชเป็น
SUB-BRANCH แต่ดูแล้วไม่คล่องตัวเท่าที่ควร จึงให้ขึ้นตรงต่อสำนักงานใหญ่ในกรุงเทพฯ
ไม่ต้องเสียเวลาโดยผ่านทางจังหวัดขอนแก่นที่เป็นตัวกลางเป็นการช่วยลดขั้นตอน
เพราะโคราชลูกค้าเยอะ แต่อยู่ไกลจากขอนแก่น เมื่อมีสำนักงานที่โคราชก็ช่วยให้บริการลูกค้าได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น"
ปัจจุบันบรรษัทจึงมีสำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือเพิ่มเป็น 2 แห่ง
โดยแยกเป็นสำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน (ขอนแก่น) คลุมพื้นที่ร้อยเอ็ด
กาฬสินธุ์ ยโสธร มหาสารคาม อุดรธานี เลย หนองคาย สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร
อีกแห่งหนึ่ง คือ สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนใต้ (นครราชสีมา) คลุมพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ
บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
งานนี้ถนอมศรีเป็นคนหนึ่งที่มีบทบาทในการสานต่อให้เป็นจริงหลังจากที่มีกาผลักดันมาก่อนแล้ว
ประสบการณ์ที่ต่อเนื่องบวกกับความเป็นภูธร ผนวกกับสามีซึ่งทำงานอยู่กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศ
ได้ย้ายมาอยู่ที่ลำปาง ถนอมศรีจึงเลือกที่จะมาเป็นผู้จัดการสำนักงานภาคเหนือตอนบน
คือ ที่ลำปางแทนที่จะไปประจำที่หาดใหญ่หรือสุราษฎร์ฯ
แต่ไม่ว่าจะเป็นภาคไหน ถนอมศรีเล่าถึงความรู้สึกว่า "ความเป็นคนบ้านนอก
จึงไม่รู้สึกหนักใจนัก แม้จะต้องมาอยู่ประจำในต่างจังหวัด" ในฐานะที่บังเอิญเป็นผู้จัดการหญิงภูธรคนแรกของบรรษัท
การเลี้ยงดูและวิถีชีวิตที่เธอได้รับการฝึกฝนมาแต่วัยเยาว์ ถนอมศรียอมรับว่า
"ทำให้อยู่แบบผู้ดีก็ได้ อยู่แบบคนจนก็เป็น" เพราะตอนเด็ก ๆ เธอต้องทำทุกอย่าง
ตั้งแต่ทำบัญชีโรงหนัง 3 แห่งในตัวเมืองตรัง ซึ่งเป็นเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ
ที่เธอต้องเกี่ยวข้องจนถึงทุกวันนี้
อีกประการหนึ่ง เพราะความที่คุณลุงมีลูกผู้ชายทั้งหมด เธอจึงเป็นเด็กผู้หญิงคนเดียวที่คุณลุงเรียกให้ช่วยงานสารพัดโดยเฉพาะ
"คุณลุงเป็นเทศมนตรี และอยู่ในแวดวงของนักการเมือง ทำให้ต้องช่วยต้อนรับแขก"
เรียกว่าต้องไม่เลือกรับเขารับเราด้วย ทำให้ค่อย ๆ สะสมความเป็นอัธยาศัยดี
และยิ้มง่ายโดยไม่รู้ตัวและทำงานได้หลายรูปแบบ
นี่เป็นจุดเด่นของถนอมศรีที่ต่างไปจากนักบริหารที่จบจากด้านการเงินหรือบัญชีอีกหลายคน
ซึ่งมักจะมีบุคลิกที่ดูเงียบขรึม น่าเกรงขามเป็นส่วนใหญ่
ถนอมศรียอมรับว่า โดยส่วนตัวแล้วตนชอบงานท้าทายและประสบการณ์ใหม่ ๆ ...!
ดังนั้น เมื่อเธอมาเป็นผู้จัดการที่ลำปางในปี 2531 ผ่านไประยะหนึ่งก็เห็นว่าเชียงใหม่เป็นอีกจังหวัดหนึ่งในภาคเหนือ
ที่มีศักยภาพในการลงทุนสูงครึ่งหนึ่งของโครงการที่ขอกู้และอนุมัติไปเป็นธุรกิจที่อยู่ในเชียงใหม่
และเป็นจังหวัดที่มีอัตราการขยายตัวสูงสุดในภาค
"มีความพร้อมทุกอย่าง เป็นทั้งศูนย์ท่องเที่ยว ศูนย์การเงิน ทางแบงก์ชาติก็ไปเปิดสำนักงาน
สาธารณูปโภคก็พร้อม จึงคิดว่าบรรษัทควรมีออฟฟิศที่เชียงใหม่จะดีกว่า"
ถนอมศรีเล่าถึงแนวคิดในช่วงที่เสนอให้มีสำนักงานที่เชียงใหม่
ประจวบเหมาะกับได้จังหวะตอนที่ศุกรีย์ แก้วเจริญ กรรมการผู้จัดการไปเยี่ยมสำนักงานลำปาง
เธอก็เสนอความคิดนี้ไปและส่งเรื่องไปยังฝ่ายอำนวยการสาขาในกรุงเทพฯ จนได้รับอนุมัติในเวลาต่อมา
สิ่งเหล่านี้ถือเป็นหน้าที่ของผู้บริหารและทีมงานของสำนักงานภาคแต่ละแห่งที่จะต้องคอยเป็นหูเป็นตา
เป็นแหล่งข้อมูลให้กับสำนักงานใหญ่เพื่อช่วยให้ภาพการลงทุนในภูมิภาคชัดเจนขึ้น
เฉพาะอย่างยิ่งนโยบายของบรรษัทนั้น มุ่งส่งเสริมอุตสาหกรรมขนาดย่อย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นโครงการที่อยู่ตามจังหวัดต่าง
ๆ เพื่อหนุนให้เกิดธุรกิจใหม่และกระจายการลงทุนออกสู่ภูมิภาคให้ได้ผลยิ่งขึ้น
สำหรับลำปางนั้น ถนอมศรีมองว่า จะส่งเสริมการท่องเที่ยวให้โดดเด่นเหมือนจังหวัดอื่นในภาคเหนือคงลำบาก
เนื่องจากจุดท่องเที่ยวกระจายกันมากอยู่คนละเส้นทางกับเชียงใหม่ จะเที่ยวที่ใดที่หนึ่งต้องใช้เวลาเป็นวัน
ขณะที่เชียงรายก็มีสนามบินของตน ทำให้ลำปางกลายเป็นเมืองผ่าน ไม่ใช่เมืองที่ผู้คนจะมุ่งหน้ามาเที่ยวโดยตรง
ทางออกที่ถนอมศรีเห็นพ้องกับผู้ว่าราชการจังหวัด ก็คือ การผลักดันให้เกิดสนามบิน
ซึ่งล่าสุดกรมการบินพาณิชย์ตอบรับมาแล้ว กำหนดใช้พื้นที่ 11,600 ไร่ ได้แน่นอนแล้ว
2,600 ไร่ จะขอพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมจากกรมป่าไม้ 4,000 ไร่ และที่เหลือต้องจัดหาเพิ่มเติม
การใช้พื้นที่มากขนาดนี้ นอกจากใช้ทำรันเวย์แล้ว จะสร้างโกดังเพื่อเป็นสนามบินพาณิชย์ส่งออกสินค้าจากที่นี่โดยตรง
เนื่องจากธุรกิจที่บรรษัทอนุมัติไป แนวโน้มช่วงหลังส่วนใหญ่จะเป็นการผลิตเพื่อส่งออก
ไม่ว่าจะเป็นผลไม้กระป๋องของบริษัท อาหารสากล จำกัด หรือผักแช่แข็งส่งออก
100% ของบริษัทในเครือ คือ "ยูเนี่ยน ฟรอสท์" ซึ่งเพิ่งจะเริ่มผลิตในปีนี้
เครื่องใช้ในครัวเรือนจากเศษไม้สักและไม้ยางพาราแปรรูปของบริษัท ไซแอมริชวูด
จำกัด เป็นต้น
ถนอมศรี ย้ำว่า บทบาทของบรรษัทในภูมิภาคไม่เพียงแต่เป็นการให้กู้เพื่อการลงทุนเท่านั้น
แต่เน้นเป็นสถาบันการเงินเพื่อการพัฒนาโดยเฉพาะอุตสาหกรรมขนาดย่อม เพราะเป็นอุตสาหกรรมพื้นฐานของภาคเหนืออยู่แล้ว
และจะเพิ่มบทบาทเป็นแหล่งเงินทุนระยะยาวแก่ผู้ประกอบการด้วย
ไม่ว่าจะเป็นศึกษาและส่งเสริมโครงการที่มีอนาคต แม้ว่าผู้ประกอบการจะไม่มีทุนก็ตาม
ทั้งในรูปของการให้กู้และการร่วมทุน ตลอดไปจนถึงธุรกิจที่มีผู้ประกอบการเป็นผู้หญิงเพื่อส่งเสริมการสร้างงานสำหรับสตรีในแถบนี้
และช่วยป้องกันการไปขายแรงงานในกรุงเทพฯ
ประเด็นหลังเป็นเป้าหมายส่วนตัวของถนอมศรี "ผู้จัดการภูธรหญิง"
คนแรกของบรรษัทที่อยากทำอะไรให้เป็นพิเศษกว่าผู้บริหารบุรุษเพศ อย่างน้อยก็ในฐานะผู้หญิงด้วยกัน