Milk River Mineral Bath & Spa


นิตยสารผู้จัดการ( พฤศจิกายน 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

ห่างจากทางหลวง Bustamante Highway ในตำบล Clarendon ออกไป 12 ไมล์ เป็นที่ตั้งของมรดกทางธรรมชาติอันล้ำค่าของจาเมกา คือแม่น้ำ Milk River ที่ไหลผ่านภูมิทัศน์อันสวยงามท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่นสุขสงบอยู่ชั่วนาตาปี และเป็นที่ปักหลักของ Milk River Mineral Bath & Spa ซึ่งก่อตั้งและดำรงอยู่พร้อมกับเรื่องราวและตำนานที่กลายเป็นมนตร์เสน่ห์และเสาหลักในเวลาเดียวกันสำหรับผู้เหนื่อยล้า หรือมีปัญหาสุขภาพ และต้องการสถานที่พักฟื้นหรือฟื้นฟูอย่างถูกสุขอนามัย

นอกเหนือจากการได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติอันสวยงามน่าหลงใหลแล้ว ผู้มาเยือน Milk River Bath มากมายยังยกนิ้วยอมรับว่าที่นี่เป็นหนึ่งในสปาน้ำแร่ที่ดีที่สุดในโลก โดยเฉพาะค่าของสารกัมมันตรังสีใน Milk River Bath นั้นสูงกว่าของสปาชั้นนำในยุโรปหลายแห่งด้วยซ้ำไป จากการทดสอบน้ำในแม่น้ำ Milk River พบว่ามีสารกัมมันตรังสีสูงกว่าของ Baden ในสวิตเซอร์แลนด์ถึง 54 เท่า สูงกว่าของ Vichy ในฝรั่งเศส 50 เท่า สูงกว่าของ Bath ในอังกฤษ 9 เท่า และสูงกว่าของ Karlbad ในออสเตรีย 3 เท่า

จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า Jonathan Ludford เจ้าของดั้งเดิมทั้งในส่วนของตัวอาคารและทรัพย์สินอาณาบริเวณ 2,000 เอเคอร์นี้จะมีความสุขเพียงใด กับการได้ครอบครองอาณาจักรล้ำค่านี้ ที่สำคัญ หลังจากลาโลกไปแล้วเขาได้ทำคุณประโยชน์อันใหญ่หลวงด้วยการทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินทั้งหมดที่มิอาจประเมินมูลค่าได้ให้กับรัฐบาลของจาเมกา เพื่อประโยชน์ของชาวจาเมกาทั้งมวล

สำหรับผู้คนมากมายแล้ว ตำนานที่เล่าต่อๆ กันมาเกี่ยวกับการค้นพบ Milk River Bath ถือเป็นส่วนหนึ่งของเสน่ห์และความลึกลับน่าสนใจของที่นี่ เรื่องเล่าที่ว่านี้ย้อนเวลาไปถึงยุคที่ Ludford ยังมีชีวิตและเป็นเจ้าของอาณาจักรกว้างใหญ่นี้ มีอยู่วันหนึ่ง ทาสของเขาคนหนึ่งทำผิดอย่างมหันต์ที่บังอาจก้าวร้าวกับเขาจึงถูกลงโทษด้วยการโบยตีอย่างหนักจนบาดเจ็บปางตาย แล้วถูกนำไปขังไว้ในคุกใต้ดิน เพื่อให้เฉาตายไปเอง แต่ทาสหัวแข็งคนนี้กลับหลบหนีไปซ่อนตัวอยู่ในเนินเขาใกล้ๆ บริเวณนั้น ซึ่งเป็นที่ที่เขาค้นพบบ่อน้ำพุ แต่น่าแปลก น้ำในบ่อนั้นกลับมีรสเค็ม เขาจึงลงไปอาบแช่ตัวและชะล้างบาดแผลจากการโบยตี อีกไม่กี่วันต่อมาทาสหัวแข็งคนนี้ก็กลับไปที่บ้านพักทาสในสภาพแข็งแรงดี บาดแผลปางตายก็กลับหายสนิทอย่างไม่น่าเชื่อ ทำให้ Ludford และทาสคนอื่นๆ อดประหลาดใจกับการหายเป็นปลิดทิ้งของเขาไม่ได้ ที่แน่นอนคือ Ludford ในฐานะเจ้านายและเจ้าของอาณาจักรย่อมต้องได้รับรู้เกี่ยวกับสายน้ำมหัศจรรย์ที่ไหลพุ่งออกจากโขดหินนั่น ทำให้เขาตัดสินใจล้อมรั้วบริเวณโดยรอบอย่างแน่นหนาและจัดทาสเข้าเวรยามเฝ้าเอาไว้ตลอดเวลา

หลังการเสียชีวิตของ Ludford แล้วนั่นแหละที่ชุมชนในวงกว้างจึงมีโอกาสได้ประโยชน์จากสายน้ำมหัศจรรย์ที่ไหลผ่านผืนดินในครอบครองของเขา จากการที่เขาทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินทั้งหมดให้กับรัฐบาลจาเมกาอย่างที่กล่าวในข้างต้น

บ่ออาบน้ำแร่สองบ่อแรกสร้างขึ้นและเปิดให้บริการแก่สาธารณะในปี 1974 หลังจากนั้นก็มีการสร้างบ่ออาบน้ำแร่เพิ่มขึ้นอีกเพื่อรองรับลูกค้าและผู้มาเยือนมากมายที่กลับมาใช้บริการซ้ำเพราะติดใจในพลังการบำบัดรักษาแบบสุดวิเศษของน้ำแร่ ปัจจุบัน Milk River Mineral Bath & Spa มีบ่อน้ำแร่ทั้งหมด 9 บ่อ และสระว่ายน้ำแร่กลางแจ้งอีกหนึ่งสระ โดยบ่อน้ำแร่ได้รับตกแต่งอย่างสวยงามด้วยการปูกระเบื้องโมเสกโทนสีพาสเทล นอกจากนี้ยังเน้นออกแบบเพื่ออำนวยความสะดวกและให้ความปลอดภัยแก่ผู้มาใช้บริการโดยเฉพาะ จึงไม่น่าแปลกใจที่มีราวสำหรับเกาะและขั้นบันไดสำหรับก้าวขึ้นลงจากบ่อ โดยคิดค่าบริการสำหรับการลงแช่ในบ่อน้ำแร่เพื่อบำบัดรักษาโรค 15 นาที เพียง 200 ดอลลาร์จาเมกา

โครงสร้างตัวอาคารส่วนใหญ่สร้างในช่วงปลายทศวรรษ 1700 และต้นทศวรรษ 1800 สถาปัตยกรรมโครงสร้างของที่นี่ ก็ยังสะท้อนสไตล์ยุคต้นศตวรรษที่ 18 และ 19 ไว้เต็มเปี่ยม อย่างไรก็ตาม ภายใต้โครงสร้างเก่าแก่แลดูขลังนี้ก็ยังมีความพยายามผสมผสานความสง่างามตามสไตล์โบราณเข้ากับความสวยงามตามแบบฉบับสมัยใหม่จากการเลือกวัสดุปูพื้นและเครื่องตกแต่ง เห็นได้จากการเปลี่ยนกระเบื้องปูพื้นส่วนที่นำไปสู่บริเวณแผนกต้อนรับซึ่งมีเฉดสีพาสเทลมาเป็นพื้นไม้ที่ขัดมันจนขึ้นเงามันปลาบ สร้างความประทับใจแก่ผู้ได้สัมผัสถึงเสน่ห์แห่งความงามจากวัสดุธรรมชาติ พื้นไม้นี้ยังกลายเป็นวัสดุหลักในงานปูพื้นตามห้องนอน ห้องอาหาร ลานและระเบียงนั่งเล่นด้วย

ความโดดเด่นที่สะดุดตาผู้มาเยือนยังอยู่ที่ผลงานศิลปะเก่าแก่และเครื่องตกแต่งโบราณที่ตั้งโชว์อยู่ทั่วทั้งอาคารเพื่อเสริมมนตร์เสน่ห์ได้อย่างวิเศษ ที่ต้องสังเกตคือวิธีเลือกสีและเครื่องตกแต่งล้วนสะท้อนเอกลักษณ์ของความเป็นเขตร้อนให้เด่นยิ่งขึ้น

แปลและเรียบเรียงโดย ดรุณี แซ่ลิ่ว
จากนิตยสาร Health Home & Garden
Summer 2007 Volume 7 Issue 2


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.