|

ดัชนีหุ้นไทยผันผวนหนักซื้อพลังงานเทขายแบงก์
ผู้จัดการรายวัน(17 ตุลาคม 2550)
กลับสู่หน้าหลัก
ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์วานนี้ (16 ต.ค.) ตลาดหุ้นผันผวนหนักเนื่องจากเริ่มมีความกังวลต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ทั้งในสหรัฐอเมริการและในไทยจากปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ (ซับไพรม์) แม้ว่าจะมีแรงซื้อเข้ามาอย่างหนาแน่นในหุ้นกลุ่มพลังงานโดยเฉพาะหุ้น PTT ที่ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 20 บาทมาปิดที่ 386 บาท โดยดัชนีปรับตัวลดลงมาปิดที่ 894.53จุด ลดลง 2.57 จุด หรือ 0.29% โดยระหว่างวันดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุ 900 จุดอีกครั้งไปสูงสุดที่ 908.83 จุด ขณะที่ต่ำสุดอยู่ที่ 892.88 จุด มูลค่าการซื้อขาย 34,683.35 ล้านบาท
ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,065.68 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 1,301.88 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 763.80 ล้านบาท
นางสาววิริยา ลาภพรหมรัตน ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เกียรตินาคิน จำกัด กล่าวว่า นักลงทุนเริ่มกังวลต่อผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนที่จะเริ่มประกาศออกมา เนื่องจากยังไม่สามารถประเมินถึงผลกระทบจากซับไพรม์ได้อย่างชัดเจนจนส่งผลทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลง ในขณะที่ตลาดหุ้นไทยยังได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง จนส่งผลทำให้หุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มน้ำมัน 5 บริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างรุนแรง จนทำให้ต้องพักฐานบ้าง และมีแรงขายทำกำไรออกมาเมื่อดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 900 จุด ซึ่งคาดว่าอาจจะต้องเวลาอีกซัก 2-3 วันโดยจะต้องประเมินทิศทางตลาดหุ้นอีกครั้งในช่วงสัปดาห์หน้า
"หุ้น 5 ตัวในกลุ่มพลังงานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นส่งผลต่อดัชนีประมาณ 10 จุด ซึ่งหากหุ้น 5 บริษัทดังกล่าวไม่ปรับตัวเพิ่มขึ้นดัชนีจะปรับตัวลดลงมากกว่านี้ค่อนข้างมาก"นางสาววิริยากล่าว
นายอดิศักดิ์ คำมูล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจ และกลยุทธ์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า มีการเข้ามาเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มพลังงานค่อนข้างมาก แต่ยังต้องจับตาทิศทางของนักลงทุนต่างชาติว่าจะยังเข้ามาซื้อหุ้นในตลาดหุ้นไทยอีกหรือไม่ โดยหุ้น 3 กลุ่มหลักที่นักลงทุนต่างลงทุน คือ พลังงาน ปิโตรเคมี และเดินเรือ ในส่วนของหุ้นธนาคารมีแรงขายออกมาค่อนข้างมากเนื่องจากคาดการณ์ว่าผลการดำเนินงานอาจจะไม่ดีนัก
นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.นครหลวงไทย กล่าวว่า การปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นไทย ถือว่าน้อยกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาครวมทั้งตลาดหุ้นในสหรัฐฯ เนื่องจากมีแรงซื้อเข้ามาค่อนข้างหนาแน่นในหุ้นกลุ่มน้ำมัน ซึ่งถือได้ว่าเป็นหุ้นในกลุ่มที่ช่วยพยุงดัชนีวานนี้
น้ำมันพุ่ง86.13เหรียญ/บาร์เรล
สำหรับราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสร้างสถิติสูงสุดครั้งใหม่โดยราคาน้ำมันตลาดเวสต์เทกซัสของสหรัฐปรับขึ้นไปถึง 86.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล
นายธีระพจน์ วัชราภัย ประธานบริษัทเชลล์ในประเทศไทย กล่าวว่า ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังเกิดสถานการณ์ความตึงเครียดในตุรกี เนื่องจากรัฐบาลขอให้รัฐสภาอนุมัติปฏิบัติการโจมตีกลุ่มแยกดินแดนชาวเคิร์ดที่อยู่ทางตอนเหนือของอิรัก
ทั้งนี้ หากพิจารณาปริมาณกำลังผลิตและความต้องการของตลาดโลกแล้ว ยังถือว่าไม่ได้เป็นปัจจัยที่ราคาต้องปรับขึ้นแต่อย่างใด โดยมีผู้เชี่ยวชาญบางแห่งคาดว่าราคาน้ำมันจะลดลงมาถึง 60 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่บางค่ายคาดว่าจะขึ้นไปถึง 90-100 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล
"ไซแมทฯ"พร้อมเทรด12 ธ.ค.
นายวิชา โตมานะ หัวหน้าฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บมจ.ไซแมท เทคโนโลยี เปิดเผยว่า บมจ.ไซแมทฯ จะเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 18.75 ล้านหุ้นในวันที่ 27-29 พ.ย.นี้ และคาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ได้ภายในวันที่ 12-14 ธ.ค.นี้
ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถสรุปราคาขายเสนอได้ในช่วงสัปดาห์หน้า เพราะต้องนำตัวเลขงบการเงินของบริษัทในช่วงไตรมาส 3/50 มาประกอบการพิจารณาเพื่อกำหนดราคาขาย โดยคาดว่าจะได้เงินจากการระดมทุนในครั้งนี้ประมาณ 100 ล้านบาท
สำหรับบมจ.ไซแมทฯ เป็นผู้ให้บริการจัดจำหน่ายคอมพิวเตอร์เคลื่อนที่และพัฒนาโปรแกรมการใช้งานคอมพิวเตอร์เคลื่อนที่แบบครบวงจร สำหรับระบบการจัดเก็บและจัดการข้อมูลภายในองค์กร ที่สามารถเชื่อมต่อกับระบบการบริหารจัดการทรัพยากรในองค์กร ของบริษัทลูกค้า โดยบริษัทฯมีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับเทคโนโลยีบาร์โค้ด และ Radio Frequency Identification(RFID) โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือบริษัทเอกชนที่ประกอบธุรกิจค้าปลีก คลังสินค้า ธุรกิจขนส่ง ธุรกิจการผลิต รวมถึงภาครัฐบาลและรัฐวิสาหกิจ
กลับสู่หน้าหลัก
 ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|