วิญญู "เขาเป็นคนกล้าได้กล้าเสีย"

โดย Mary Seldman
นิตยสารผู้จัดการ( มีนาคม 2533)



กลับสู่หน้าหลัก

ความสำเร็จของคนเรานอกจาก "เก่ง" กับ "เฮง" จะเป็นปัจจัยสำคัญแล้วนั้น ความฮึกเหิมภายในก็เป็นพลังกระตุ้นให้บรรลุเป้าหมายได้ง่ายและเร็วขึ้น จากแรงกดดันฐานะ "ลูกเมียน้อย" ที่ไม่มีทางเลือกอื่นใดกับการลบคำครหานอกจากมุ่งทำงานดุจมดง่ามชนิดหนักเอา - เบาก็สู้ จึงทำให้ "วิญญู คุวานันท์" มีวันนี้ได้

วันที่เขาเงยหน้าไม่อายฟ้า ก้มหน้าไม่อายดิน

สามสิบปีแห่งการเติบโตอย่างแข็งกร้าวเพื่อรอวันหยั่งรากลึกในอนาคตอันใกล้ชนิดที่จะหาบริษัทใดในภาคอีสานเสมอเหมือน "โค้วยู่ฮะกรุ๊ป" ที่มีวิญญู คุวานันท์ เป็นแกนหลักนั้นเกิดขึ้นเป็นจริงเพราะความบากบั่นที่ต้องการสานสร้างปมด้อยของชีวิตให้เป็นปมเด่นที่ใคร ๆ ต้องยอมรับโดยดุษฎี

"วิญญูเป็นลูกเมียคนที่สาม เป็นลูกเมียน้อยที่คนอื่นเขาดูถูกเอามาก ๆ เลยสอนให้แกเป้นคนมีน้ำอดน้ำทน และตั้งความหวังในชีวิตจะต้องโดดเด่นเหนือพี่น้องคนอื่น ๆ ให้จงได้" ญาติสนิทของครอบครัว "คุวานันท์" ปูพื้นปฐมบทแห่งความสำเร็จของวิญญูกับ "ผู้จัดการ"

ครอบครัวของ "คุวานันท์" แม้จะพอเป็นล่ำเป็นสันมีอยู่มีกินไม่อายใครจากอาชีพค้าของป่าและรับซื้อขายพืชไร่ในเขตเมืองพล จังหวัดขอนแก่น แต่ความที่ "ซุนหยู แซ่โค้ว" ผู้นำครอบครัวมีเมียที่ต้องเลี้ยงดูถึง 3 คนไม่นับรวมลูก ๆ จากทั้งสามท้องอีกหลายสิบคน เลยทำให้สมบัติหลังซุนหยูตายตกทอดไปถึงเมียและลูก ๆ คนละไม่มากนัก โดยเฉพาะ "ลูกเมียน้อย" อย่างวิญญูและพี่ ๆ น้อง ๆ อีก 4 คนแทบไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอัน

โชคดีเป็นของวิญญูบ้างตรงที่ได้เข้ามาเรียนภาษาจีนในกรุงเทพฯ และรู้จักพบรักกับ "มาลิน" ลูกสาวคนสวยของนายห้างไอศครีม "ป้อป" ที่ผู้บริโภคทุกระดับชื่นชอบเมื่อ 30 ปีก่อน มาลินหรือ "เสี่ยเนี้ย" ที่ทุกคนใน "คุวานันท์" และ "โค้วยู่ฮะกรุ๊ป" ให้ความเกรงใจเป็นพิเศษกลายเป็น "ตัวจักร" ของการขับเคลื่อนการหมุนเงินมาช่วยสามีที่สืบทอดกิจการค้าของป่าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

คนเราบทจะ "เฮง" ขึ้นมาอะไรก็ฉุดไม่อยู่ เช่นเดียวกับทางเดินชีวิตของวิญญูกับมาลินที่หลังจากเบี่ยงเบนทิศทางอาชีพจากค้าของป่ามาเป็นตัวแทนขายรถยนต์ "โตโยต้า" ในเขตเมืองพลราวปี 2501 นั้นก็เป็นปี "จอมพลนักรัก" ลูกอีสานจากขอนแก่นอย่าง "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" ทำการปฏิวัติและวางรากฐานการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา โดยเฉพาะการก่อสร้างสิ่งสาธารณูปโภคพื้นฐานต่าง ๆ เช่น การคมนาคมขนส่ง ตัดถนนหนทางเพิ่มขึ้นนับสิบ ๆ สาย เป็นผลให้ "คนค้ารถยนต์" อย่างวิญญูถูกหวยเข้าจังเบ้อเร่อ!!

ยิ่งกว่านั้น หลังจากที่ห้างหุ้นส่วนจำกัดโต๊เฮ่งเตียงมอเตอร์ของวิญญูกับมาลินที่ตั้งอยู่บริเวณถนนหน้าเมือง จ.ขอนแก่น ได้เปลี่ยนจากการเป็นตัวแทนขายโตโยต้ามาขาย "อีซูซุ" ก็เป้นช่วงเวลาเดียวกันกับที่จอมพลสฤษดิ์ได้ตัดสินใจวางแผนพัฒนาให้ "ขอนแก่น" เป็นศูนย์กลางของภาคอีสาน มหาวิทยาลัยขอนแก่นเกิดขึ้น หน่วยงานราชการต่าง ๆ ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด และแน่นอนเส้นทางเชื่อมจากขอนแก่นไปยังจังหวัดต่าง ๆ ทั่วภาคอีสานก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ !!

ซึ่งถ้าจะพิจารณาจากอดีตถึงปัจจุบันย่อมพบความเป็นจริงอย่างหนึ่งว่า ภาคอีสานซึ่งมีภาพลักษณ์ของความแห้งแล้งกันดารมากที่สุดของประเทศนั้นกลับเป็น "พื้นที่" ที่รถยนต์วิ่งมากที่สุดของประเทศ โดยคิดจากเส้นทางรถยนต์ทั้งระบบ

โอกาสเช่นนี้ "พลาด" ไม่ได้สำหรับผู้ค้ารถยนต์ โดยเฉพาะผู้ค้ารถยนต์ที่มีสายตายาวไกล รวมทั้งโชคหนุนช่วยอย่าง "วิญญู คุวานันท์" ซึ่งการพลิกสถานะมาเป็นตัวแทนของ "อีซูซุ" นั่นถือได้ว่าเป็นการตัดสินใจที่ไม่พลาดเลยแม้แต่นิดเดียว ทั้งนี้เพราะ "อีซูซุ" สามารถให้บริการแก่ลูกค้าได้ทั้งรถบรรทุกและรถปิกอัพดีเซล ซึ่งสอดคล้องกับความเป็นไปทางเศรษฐกิจของภาคอีสานที่จำเป็นต้องพึ่งพารถบรรทุกในการขนส่งพืชไร่เป็นจำนวนมาก

ปรากฎการณ์ทางการตลาดที่เกิดขึ้นกับ "โค้วยู่ฮะมอเตอร์" ในช่วงปี 2503-08 ก็คือ "ผู้ซื้อต้องมาไหว้ขอซื้อรถและต้องสั่งจองล่วงหน้านานถึง 3-5 เดือนกว่าจะได้รถ" และที่เข้าตาเข้าใจคนค้ารถยนต์อย่างวิญญูมากที่สุดก็คือ ลูกค้าส่วนมากซื้อกันในระบบเงินผ่อน ซึ่งเป็นระบบที่ทำกำไรให้กับผู้ขายมากที่สุด ทั้งนี้ทั้งนั้นลูกค้าที่มาจากทุกสารทิศในภาคอีสานจะนำเอาที่ดินมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันด้วย โดยไม่ต้องวางเงินดาวน์

และนี่เป็นอีกองค์ประกอบหนึ่งที่ทำให้วิญญูกับมาลินได้ชื่อว่าเป็น "ราชาที่ดิน" รายใหญ่รายหนึ่งของเมืองไทยในปัจจุบันโดยที่ดินที่ถือครองอยู่นั้นมากมายได้มาจากลูกค้าที่ขาดการผ่อนชำระ และไม่อยู่ในวิสัยที่จะผ่อนปรนได้อีกต่อไป !!

"ตอนนั้นบริษัทมีพนักงานไม่กี่สิบคน ซึ่งหลายคนก็ยังเป็นลูกหม้อที่อยู่มาจนถึงปัจจุบัน ตอนที่เสี่ยตัดสินใจเลิกขายโตโยต้ามาเป็นอีซูซุนั้น เพราะทางอีซูซุบอกว่า ให้เลือกเอาถ้าจะทำอีซูซุต้องเลิกโตโยต้า เสี่ยมองว่ารถอีซูซุมีรุ่นให้เลือกมากกว่าและสอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้ในพื้นที่มากกว่า ก็ไม่รู้ว่าตัดสินใจผิดหรือถูก ถ้าเลือกโตโยต้าอาจจะดีกว่าอีซูซุก็เป็นได้" พนักงานเก่าแก่คนหนึ่งของโค้วยู่ฮะฯ กล่าวกับ "ผู้จัดการ"

"โดยหลักการแล้ว ผู้จำหน่ายอีซูซุแต่ละแห่งจะได้รับมอบหมายเขตการจำหน่ายที่แน่นอนเป็นสิทธิขาด แต่ในกรณีของโค้วยู่ฮะนั้นเริ่มจากการเป็นผู้จำหน่ายอีซูซุโดยไม่มีเงื่อนไขชนิดไม่มีเขตจำหน่ายเป็นสิทธิขาด มีการจำหน่ายรถยนต์ยี่ห้ออื่นตามไปด้วย" มร.วาย โมริตะ ที่ปรึกษาบริษัทมิตซูบิชิ คอร์ปอเรชั่น พูดถึงวิญญูและทางที่เลือกแล้วของโค้วยู่ฮะที่ต้องมีดีในตัวไม่เช่นนั้นคงไม่ได้สิทธิพิเศษเช่นนี้

จุดดีของโค้วยู่ฮะที่ญี่ปุ่นมองเห็นจนได้สิทธิพิเศษนั้นก็คือ วิญญูกล้ารับซื้อรถปิคอัพอีซูซุรุ่นที่กระบะหลังสั้นในสมัยยุคเริ่มแรก ไม่เป็นที่นิยมของตลาดภูธรที่ต้องใช้บรรทุกสินค้าพืชผล แต่วิญญูรับซื้อทั้งหมด แล้วนำไปขายให้เกษตรกรจนหมด ขณะที่ดีลเลอร์คนอื่น ๆ ไม่กล้าทำเช่นนี้

อหังการ์ในชีวิตของคนเราไม่เพียงแต่จะพึ่งพาความฉลาดหลักแหลม ความมีปฏิภาณไหวพริบเยี่ยมยอดพร้อมจะรุกและรับหรือพลิกแพลงข้อต่อรองทางธุรกิจในแต่ละช่วงเวลาให้ตัวเองเป็นฝ่ายได้เปรียบ เป็นฐานรากแข็งแกร่งเท่านั้น หากบางครั้ง "ความกล้าได้กล้าเสีย" เข้าทำนอง "บ้าดีเดือด" ชนิดลูกวัวไม่กลัวแม่เสือก็เป็นแรงหนุนเนื่องที่ทำให้พบความสำเร็จได้เช่นกัน

บุคลิกเช่นนี้ เถ้าแก่ลูกทุ่งทั้งหลายมีมากนักแล ยิ่งถ้าเพิ่มเติมความจัดเจนในศาสตร์ทางธุรกิจ รู้จักจังหวะ และวิเคราะห์สภาพการณ์ทางการตลาดได้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงด้วยแล้ว ก็จะกลายเป็น "อาวุธ" อันแหลมคมในฉับพลัน

การเติบโตแบบทะลุกลางปล้องของ "โค้วยู่ฮะมอเตอร์" ในพื้นที่ภาคอีสานราวปี 2510 ที่สามารถทำยอดขายได้สูงสุดของประเทศหลายปีติดต่อกันจนต่อเนื่องถึงปัจจุบัน ที่ "โค้วยู่ฮะมอเตอร์" เป็นเอเยนต์นัมเบอร์วันของอีซูซุอย่างยากที่จะคลอนแคลนได้ง่าย ๆ นั้นเกิดขึ้นเพราะ "ความกล้าได้กล้าเสีย" ของวิญญูเป็นที่ตั้ง

"คุณมาลินเป็นตัวตั้งตัวตีในการวิ่งหาเงินก้อนหลายร้อยล้านบาทมา เพื่อให้เสี่ยปล่อยให้กับลูกค้าที่มาซื้อรถ โดยไม่ต้องมีเงินดาวน์ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน ปรากฏว่ามีลูกค้าทั่วภาคอีสานมาเข้าคิวนับพัน ๆ รายที่จะซื้อรถจากโค้วฯ จะว่าเสี่ยงก็เสี่ยงไม่น้อย เพราะการหมุนเงินหลายร้อยล้านมาเป็นเงินดาวน์ให้กับลูกค้า หากมีรายการเบี้ยวก็ปิดฉากอย่างน่าเวทนา แต่โชคดีเป็นของเสี่ยงและเสี่ยเนี้ยที่ไม่มีปัญหา หนี้สูญแทบจะไม่มีเลย หรือถ้ามีก็ยังมีที่ดินค้ำอยู่ ยุทธวิธีนี้ประสบผลสำเร็จอย่างสูงจนทำให้โค้วฯ ขายรถได้สูงสุด 6-7 ปีติดต่อกัน ก็ต้องชมเชยความเป็นคนกล้าได้กล้าเสียของเสี่ย และการหมุนเงินที่เก่งของเมีย" แหล่งข่าวในวงการค้ารถยนต์บอกกับ "ผู้จัดการรายเดือน"

ความเป็นคนกล้าได้กล้าเสียของวิญญูอาจตรวจสอบได้อีกกับการเข้าไปเป็น "แกนหลัก" ของสำนักงานประสานหอการค้าจังหวัดที่รวบรวมบรรดาหอการค้าจังหวัดทั่วประเทศร่วมกันกำหนดยุทธศาสตร ์และยุทธวิธีพัฒนาโดยไม่อิงหอการค้าไทยมากเกินไป การก่อตั้ง "สำนักประสาน" ที่สัมฤทธิ์ผลนั้นเป็นเพราะการทุ่มเทให้อย่างมากมายของวิญญูโดยเฉพาะเรื่องกำลังทรัพย์ ซึ่งวิญญูอุทิศพื้นที่ของอาคารโค้วยู่ฮะกรุงเทพให้เป็นที่ตั้งสำนักประสาน

ที่วิญญูสามารถซื้อหัวใจสมาชิกหอการค้าจังหวัดทั่วประเทศได้อย่างแนบเนียนก็คือ การแสดงออกถึงความไม่มักใหญ่ใฝ่สูงหรือต้องการตำแหน่งใด ๆ ในสำนักประสานฯ อันรวมไปถึงการเข้าเรียน ปรอ.วปอ.ที่รู้จักกันดีว่าคิวต้น ๆ ในรุนแรกนี้เป็นของวิญญู แต่เขาก็ยินดีหลีกทางให้คนอื่นได้เข้าไปเรียนแทน การเดินหมากอย่างชาญฉลาดเช่นนี้ส่งผลให้วิญญูเป็นที่เกรงใจของเถ้าแก่ลูกค้าทั้งมวล

"การทำงานอย่างทุ่มเทของวิญญู ทำให้โค้วยู่ฮะขยายกิจการเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แม้จะมีปริมาณงานมากก็ตาม แต่ก็ไม่มีฐานการเงินที่มั่นคงพอที่จะสนับสนุนกิจการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ข้าพเจ้าจึงได้ปรึกษากับคุณปิยะ ศิวะยาธร กรรมการบริหารธนาคารกรุงเทพ และแนะนำให้กับคุณวิญญูกับคุณมาลินรู้จักในเวลาต่อมา ในที่สุดธนาคารกรุงเทพและบริษัทมิตซูบิชิก็ได้ร่วมกันให้โค้วยู่ฮะกู้เงินซื้อที่ดินหลายสิบไร่ เพื่อสร้างโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเป็น 1 ใน 2 ของโชว์รูมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย" มร.วาย โมริตะ ที่ปรึกษาของบริษัทมิตซูบิชิ กล่าวถึงการให้การช่วยเหลือวิญญูที่พื้นฐานความกล้าได้กล้าเสียในการทำตลาดของเขาทำให้ทุกคนต้องเชื่อมั่นว่า "วิญญูคงไม่ทำให้ผิดหวัง"

ในโลกนี้ การทำธุรกิจมี 2 ฉากใหญ่ ฉากแรกคือการซื้อมาขายไป ซื้อถูกขายแพง ฟันกำไรเนื้อ ๆ ส่วนอีกฉากหนึ่งเป็นเรื่องของการลงทุนเป็นโลกของอุตสาหกรรมที่นวัตกรรม (INNOVAITON) อะไรต่อมิอะไรอาจไม่เห็นผลคุ้มค่าในเสี้ยวปีหรือสองปี แต่เมื่อคืนทุนก็นอนหลับได้สบาย ๆ การเติบโตและขยายตัวอย่างน่าจับตามอง "โค้วยู่ฮะกรุ๊ป" ภายใต้การบัญชางานของวิญญูที่ไปยังธุรกิจหลายแขนงนั้น หากพิจารณาผิวเผินดูเหมือนจะเห็นว่าวิญญูและโค้วยู่ฮะกรุ๊ปเริ่มที่จะให้ความสนใจต่อการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมอย่างเป็นระบบมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโครงการตั้งโรงงานประกอบรถยนต์ การดำเนินโครงการนิคมอุตสาหกรรม การจัดตั้งเมืองอิเลคทรอนิกส์ เป็นต้น

ทว่า ถ้าติดตามการเคลื่อนไหวและวิเคราะห์กันลึกซึ้งยังพบ "ความจริง" ที่เป็น "แก่นแท้" ในการทำธุรกิจของวิญญูและโค้วยู่ฮะกรุ๊ปได้ว่า "ที่สุดของที่สุดเขายังสลัดไม่หลุดไปจากฉากแรกของโลกธุรกิจแบบซื้อมาขายไป"

ตัวอย่างความใฝ่ฝันที่จะไปเจิดจรัสในโลกอุตสาหกรรมของวิญญูและโค้วยู่ฮะกรุ๊ปที่ยังไม่ขยับไปได้สักกี่ช่วง หรือดูเหมือนว่าอาจจะเป็น "ฝันกลางแดด" ไปเสียแล้ว ดูง่าย ๆ ก็จากโครงการจัดตั้ง "เมืองอิเล็กทรอนิกส์" ที่ขอนแก่น ซึ่งมีแผนงานที่จะร่วมกับสวิสฯ โดยจะจัดตั้งบริษัทโค้ววอชช์ขึ้นมา ซึ่งหลังจากที่หมดเงินไปชั้นต้นหลายสิบล้านบาท โครงการก็ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างจนในที่สุดทางสวิสฯได้ถอนตัวออกมา และหันไปร่วมกับสหพัฒน์ฯ แทนและโรงงานผลิตก็เป็นรูปเป็นร่างขึ้นแล้ว

ถ้าความรู้สึกนึกคิดของวิญญูจะเป็นเช่นนี้มันก็ไม่ผิดที่เขาจะเลือกเดินทางสายเก่าต่อไป

เพียงแต่การสร้างภาพพจน์สู่โลกอุตสาหกรรมที่อาจหวังผลต่อราคาหุ้นในตลาดนั้นคงเป็นเรื่องที่ต้องตามไปพิสูจน์ให้เห็นชัด ๆ

"ท่านเป็นคนเข้าใจอะไรเร็ว และ NICE PERSONALITY เป็น PURELY MARKETING ที่ทุกคนต้องยกนิ้วให้ ท่านเป็น TRADER ที่เก่งจริง ๆ แต่ท่านไม่ได้เป็น INDUSTRIALIST ยังไม่เข้าใจงานด้าน MANAGEMENT ของโลกอุตสาหกรรมที่ดีพอ ทั้ง ๆ ที่ความพร้อมมีอยู่แล้ว ซึ่งถ้าแก้ไขข้อนี้ได้โค้วยู่ฮะคงไปโลก" คนที่เคยร่วมงานกับโค้วยู่ฮะกรุ๊ปรายหนึ่งบอกกล่าวกับ "ผู้จัดการ"

แต่ในเรื่องเดียวกันนี้ ถ้าจะมองความพยายามของวิญญูวันนี้ที่อายุ 58 ปีแล้วที่ดึงเอาผู้เชี่ยวชาญมาร่วมงานอยู่บ่อยครั้ง แต่ว่าแต่ละชุดกลับมีอายุงานไม่นานนักจนทำให้มองกันไปได้ว่า "วิญญูไม่พร้อมที่จะรับการเปลี่ยนแปลงของการก้าวไปสู่โลกอุตสาหกรรมที่แท้จริง" แต่ลูกหม้อคนหนึ่งของโค้วยู่ฮะได้ให้เหตุผลเชิงคัดค้านกับ "ผู้จัดการรายเดือน" ว่า

"กว่าที่จะถึงวันนี้ได้ ต้องไม่ลืมว่าเสี่ยผ่านบทเรียนมากี่มากน้อย เคยเจ็บมาแล้วเท่าไหร่กับใครหลาย ๆ คน โดยตัวเสี่ยแล้วยินดีที่จะรับฟังความคิดเห็นของทุกคน แต่จะปักใจเชื่อหรือยอมเดินตามชนิดไม่มีข้อโต้แย้งเลยนั้น แกถือว่า "ความซื่อสัตย์" เป็นตัวช่วยตัดสินใจ ความสามารถยังมองเป็นอันดับสอง ผิดกับบริษัทอื่น ๆ เพราะเราคนจีนต้องถือความซื่อสัตย์หรือเหลาซิกมาเป็นอันดับหนึ่ง"

นี่เป็นอีกวัตรปฏิวัติหนึ่งในการทำงานของ "โค้วยู่ฮะกรุ๊ป" ซึ่งเส้นแบ่งของความซื่อสัตย์กับการกล้าได้กล้าก้าวขยับย่างสู่โลกอุตสาหกรรม บางทีอาจเป็นเส้นขนานที่ไม่มีวันบรรจบกันเลยก็เป็นได้ !!!



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.