"สะใภ้ราชสกุล "กิติยากร" ม.ร.ว. วิจิตรโฉม กิติยากร"

โดย สุปราณี คงนิรันดรสุข
นิตยสารผู้จัดการ( ตุลาคม 2535)



กลับสู่หน้าหลัก

ภาพสามพี่น้องในราชกลุก "กิติยากร" คือ ม.ร.ว. เกียรติคุณ ม.ร.ว. สฤษดิและ ม.ร.ว. สุจิตคุณ สารสิน ที่เกาะเกี่ยวกันในความผูกพันที่มีต่อมารดาบังเกิดกล้า หม่อมราชวงศ์วิจิตรโฉม กิติยากร บัดนี้ได้กลายเป็นภาพแห่งความทรงจำไปเสียแล้วภายหลังที่ ม.ร.ว. วิจิตรโฉมได้ถึงแก่กรรมเมื่ออายุ 81 ปีในวันที่ 13 สิงหาคม 2534

ประวัติชีวิตของ ม.ร.ว. วิจิตรโฉม เป็นธิดาคนที่สามของหม่อมเจ้าสฤษดิเดช ชยางกูร กับหม่อมเนื่อง ชยางกูร (ณ นคร) มีพี่น้องร่วมมารดาเดียวกันห้าคน ได้แก่ ม.ร.ว. หญิงทิพยวดี ทวีวงศ์ ม.ร.ว. หญิงศรีสฤษดิ์ ธรรมสโรช ม.ร.ว. หญิงวิจิตรโฉม กิติยากร ม.ร.ว. หญิงโสมสมร กำภูและท่านผู้หญิงพรพรรณ ทวีวงศ์ถวัลยศักดิ์

ม.ร.ว. วิจิตรโฉมเป็นนักเรียนปีนัง CONVENT OF THE HOLY JESUS สมัยเดียวกันกับ หม่อมกอบแก้วอาภากร ณ อยุธยาต่อมาได้สมรสกับหม่อมเจ้าขจรจบกิตติคุณ กิติยากร มีบุตรธิดาสามคนคือ

หนึ่ง-ม.ร.ว. เกียรติคุณ กิติยากร ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการศูนย์พาณิชยกรรม นครลอสแองเจลีส สหรัฐอเมริกา เคยสมรสกับอาภัสรา หงสกุล มีบุตรชายคนเดียวคือ ม.ล. รุ่งคุณ กิติยากร หรือ "พระโจ้" ซึ่งบวชเป็นพระแล้วสละทางโลก โดยไม่หวังจะสึก

สอง-ม.ร.ว. สฤษดิคุณ กิติยากร ปัจจุบันเป็นประธานกรรมการบริษัทเชลล์ในประเทศไทย สมรสกับ ม.ร.ว. เดือนเด่น สวัสดิวัฒน์ มีบุตรสามคนคือ ม.ล. ชาครีย์ ม.ล. ทยาและ ม.ล. รมย์

สาม-ม.ร.ว. หญิงสุจิตคุณ สารสิน สมรสกับอาสา สารสินอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ มีบุตรธิดาสามคนคือ กิตติยา อมาตยกุล พาที สารสินและปิยมา สารสิน

เมื่อครั้งเยาว์วัย ม.ร.ว. วิจิตรโฉมได้มีโอกาสติดตามท่านพ่อหม่อมเจ้าสฤษดิเดชซึ่งเป็นข้าหลวงประจำจังหวัดต่าง ๆ และสมุหเทศาภิบาลในมณฑลต่าง ๆ ของภาคใต้ทำให้มีความรู้ด้านชีวิตและวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของชาวบ้านในต่างจังหวัด เช่น นครศรีธรรมราช ภูเก็ต ปัตตานีและจันทรบูร

"เป็นความสุขอย่างหนึ่งที่ลูก ๆ ทั้งสามตั้งแต่เยาว์วัยจนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ได้รับฟังเกล็ดความทรงจำของคุณแม่สมัยท่านยังเล็กอยู่ ท่านได้เล่าเรื่องชีวิตความเป็นไปภายในวังของเจ้านายและใครต่อใครเป็นญาติและเกี่ยวดองกันอย่างไร และที่ท่านได้ติดตามท่านตาไปอยู่ตามจังหวัดต่าง ๆ สมัยที่ท่านตายังเป็นข้าหลวงประจำจังหวัดและเทศาฯ ลูกได้ฟังด้วยความระทึกใจ เมื่อคุณแม่ได้เล่าเรื่องตื่นเต้นต่าง ๆ ในสายตาของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เช่นเรื่องที่ชาวประมงได้ใช้เบ็ดตกจระเข้ที่ในแม่น้ำปัตตานี ความที่คิดอยู่เสมอว่า ความรู้จากคำบอกเล่าของคุณแม่เหล่านี้จะพึงมีและไม่สูญไปไหนเสีย ทำให้ลูก ๆ เสียใจที่ไม่มีโอกาสจะได้รื้อฟื้นความทรงจำนี้อีกเพราะไม่ได้บันทึกหรือซักถามท่านอย่างละเอียด" บันทึกตอนหนึ่งของลูก ๆ ที่เขียนไว้อาลัยในอนุสรณ์งานศพได้เล่าไว้

สามพี่น้องได้ใช้ชีวิตวัยเยาว์เติบโตในบรรยากาศแห่งความสุขที่บ้านเทเวศน์ เล่นขายของ วิ่งไล่จับหรือปีนป่ายต้นไม้ตามประสาเด็ก ๆ แต่เมื่อสงครามโลกมาเยือนความสงบสุขได้เปลี่ยนโฉมหน้าแห่งชีวิตประจำวันให้กลับกลายเป็นภาวะแห่งความคับขัน อาหารการกินและความเป็นอยู่อัตคัดขาดแคลน แต่กุลสตรีผู้ขยันขันแข็งอย่าง ม.ร.ว. วิจิตรโฉมยังมุมานะทำขนมจนเป็นอาชีพ สิ่งที่ทำเป็นกอบเป็นกำคือหวานเย็น ขนมกะหรี่ปั๊บ ขนมไข่ไส้ครีม (เอแคล) และขนมเค้กต่าง ๆ

กรรมวิธีที่เธอคิดค้นทำขนมแปลก ๆ ใหม่ ๆ ก็โดยใช้เตาอบแผ่นสังกะสีเรียบเป็นตู้เล็ก ๆ มีถ่านที่คุแดงวางข้างบนและข้างล่าง ที่น่าสนใจมากที่สุดคือการทำขนมปังข้าวเจ้า โดยมีจุดประสงค์เพื่อนำมาแทนขนมปังที่ทำจากแป้งสาลี ซึ่งในตอนนั้นขาดแคลนและไม่มีจำหน่าย ขนมปังข้างเจ้าก็ได้รับการพัฒนาจนสำเร็จและขึ้นฟูเช่นเดียวกับขนมปังแป้งสาลี แต่ไม่นาน หลังจากสงครามยุติลง ความนิยมขนมปังแป้งสาลีก็กลับคืนมาดังเดิม

ดังนั้นหลังสงครามโลกยุติลง ที่วังเทเวศร์ได้กลายเป็นแหล่งทำขนมปังแป้งสาลีแห่งแรกที่เริ่มทำจากการทำเตาอิฐขนาดใหญ่ และเป็นต้นแบบวิศวกรรมที่ใช้การก่ออิฐหลังคาโค้งที่น่าสนใจทีเดียว

"บ้านที่เคยสงบเงียบในตอนกลางวัน กลับเต็มไปด้วยความคึกคักตั้งแต่ตอนดึกของกลางคืนจนถึงเช้ามืด มีผู้คนมาติดต่อทำการค้าขายมากมาย แต่พอฟ้าสาง พ่อค้าแม่ค้าทั้งหลายก็กระจัดกระจายกันไป พร้อมทั้งขนมหวานและอาหารรับประทานซึ่งนำออกไปขาย ลูก ๆ จำได้ว่าคุณแม่ตื่นขึ้นมาทำงานตั้งแต่ห้าทุ่ม และทำงานเรื่อยไปจนประมาณตีห้า แต่ถึงกระนั้น ลูก ๆ ก็ยังได้พบคุรแม่โดยไม่ขาดโดยเกือบลืมนึกไปว่าคุณแม่ท่านมีเวลานานผิดกับคนอื่น ๆ แต่คุณแม่ก็ยังมีเวลาให้ความอบอุ่นแก่ลูก ๆ สม่ำเสมอและแม้กระทั่งการไปหัวหินตอนหน้าร้อน ซึ่งเป็นสิ่งที่ท่านพ่อโปรดปรานที่สุด และไปครั้งหนึ่งเป็นเวลานาน คุณแม่ก็สามารถไปด้วยกับพวกเราโดยไม่ขาด" บันทึกแห่งอดีตได้กล่าวไว้

เมื่อลูก ๆ เติบใหญ่อยู่ในวัยเรียน แต่ละคนก็เริ่มจากบ้านไปศึกษาต่อยังประเทศอังกฤษทีละคน บ่อยครั้ง ๆ ที่จะไม่มีลูกอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันในประเทศไทย ยามคิดถึง ท่านพ่อกับคุณแม่ก็จะพากันไปเยี่ยมลูก ๆ ที่อังกฤษ ความรู้สึกใกล้ชิดอบอุ่นก็จะเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

"ท่านพ่อขับรถพาทั้งครอบครัวไปเที่ยวตามหัวเมืองต่าง ๆ ของอังกฤษ คุณแม่สนุกสนานมาก และประทับใจกับความงามและเงียบสงบของเมือง TORQUAY ทางใต้ของอังกฤษ และปรารภว่า อยากจะไปที่นั้นอีกถ้ามีโอกาสในภายหน้า หลังจากอยู่อังกฤษนานพอสมควรแล้ว ท่านพ่อได้พาเราข้ามไปเที่ยวยุโรป และขับรถไปหลายประเทศ ตามเมืองต่าง ๆ บางครั้งเนื่องจากเป็นช่วงระยะเวลาของการท่องเที่ยว เรามีความจำเป็นต้องไปจอดรถนอนริมชายหาด เพราะไม่มีโรงแรมไหนว่างอยู่เลย และในครั้งนั้นเราจะไปไหนก็ไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้ากันไว้ ความรู้สึกของความใกล้ชิดในความเป็นครอบครัวในครั้งนั้นไม่มีวันจะเกิดขึ้นอีก" ความทรงจำอันพรั่งพรูบนหน้ากระดาษแห่งบันทึกเล่าไว้ให้ฟัง

แต่ความสุขมักจะจากไปเร็วกว่าที่คาดคิดไว้ ภายหลังจากที่หม่อมเจ้าขจรจบ กิตติคุณได้สิ้นชีพตักษัยในปี 2510 อนิจจา…ชีวิตของ ม.ร.ว. วิจิตรโฉมได้หายไปครึ่งหนึ่ง ซึ่งเป็นส่วนที่ผูกพันลึกซึ้งกับคู่ชีวิต ความเงียบเหงา กังวลใจ หงุดหงิด และเบื่อหน่ายชีวิตก็ได้เข้ามาเยือนชีวิต

"เมื่อสิ้นท่านพ่อ คุณแม่รู้สึกว่าเหงามาก เวลาลูก ๆ ไม่อยู่ โดยเฉพาะความที่มีชีวิตที่ไม่เคยอยู่เฉย ๆ โดยไม่ได้ทำงาน ท่านเป็นคนไม่ค่อยได้อ่านหนังสือ งานอดิเรกอื่นก็ไม่มีนอกจากปลูกต้นไม้ ทำสวน ซึ่งคุณแม่ทำได้ดีแต่ให้ความสนใจไม่ต่อเนื่องกัน" ลูก ๆ ได้บันทึกไว้

ความรู้สึดเศร้าเมื่อพลัดพรากจากที่รักได้นำมาสู่ความระทมทุกข์ในบั้นปลาย แต่อาศัยอยู่ได้ด้วยกำลังใจแห่งลูกหลานและญาติมิตร เมื่อครบรอบวันเกิด 80 ปี ลูกหลานได้จัดงานเลี้ยงฉลองขึ้นที่ดุสิตธานี โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถและพระบรมโอรสาธิราชเสด็จเป็นการส่วนพระองค์ร่วมงานด้วย

ผ่านพ้นงานวันเกิดอายุ 80 ได้เพียงปีเดียว ม.ร.ว. วิจิตรโฉมก็สิ้นบุญ เหลือไว้แต่รอยแห่งความทรงจำในดวงจิตของลูก ๆ ทั้งสาม



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.