|
ศุภาลัยดึงเจ้าของธุรกิจถังน้ำ'ดอส' ลงขันซื้อที่ดินผุดคอนโดฯ-โชว์รูมรถ
ผู้จัดการรายวัน(1 ตุลาคม 2550)
กลับสู่หน้าหลัก
บริษัทอสังหาฯชิงความได้เปรียบในการพัฒนาโครงการ ดึงพันธมิตรที่แข็งแกร่งร่วมลงทุนซื้อที่ดิน ล่าสุดค่ายศุภาลัยผนึกบริษัท ธรรมสรณ์ จำกัด ผู้ผลิตถังน้ำแบรนด์ดัง"ดอส" ซื้อที่ดินย่านเกษตร-นวมินทร์ 20 ไร่ ส่งผลความได้เปรียบโครงการขายของศุภาลัยต่ำกว่าคู่แข่ง ปูพรม 6 โครงการครึ่งปีหลัง ลุ้นยอดขายให้ได้ 3,000 ล้านบาท หวังปั๊มตัวเลขทั้งปี 8,800 ล้านบาท
นายประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแนวโน้มของการลงทุนซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการว่า นอกจากจะเป็นการลงทุนของบริษัทโดยตรงแล้ว ในบางโครงการจะมีการร่วมลงทุนซื้อที่ดินกับพันธมิตร เพื่อเป็นการลดต้นทุนในการพัฒนาโครงการของบริษัท โดยล่าสุด ได้ร่วมกับบริษัท ธรรมสรณ์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายถังน้ำและอื่นๆภายใต้แบรนด์ "ดอส" ในการซื้อที่ดินเนื้อที่ 20 ไร่เศษ ย่านเกษตร-นวมินทร์ โดยทางบริษัทศุภาลัยฯ ได้ที่ดินมาคิดเป็น 2 ใน 3 หรือกว่า 16 ไร่ ราคาเฉลี่ยกว่า 1.6 ล้านบาท/ไร่ ที่เหลืออยู่บริเวณด้านหน้าริมถนนนั้นเป็นของ ธรรมสรณ์ ทำโชว์รูมโตโยต้า และทำออฟฟิศของบริษัท
โดยที่ดินในส่วนที่เป็นกรรมสิทธิของบริษัทศุภาลัย จะนำมาพัฒนาเป็นอาคารพักอาศัยคอนโดมิเนียมกว่า 15 ไร่ มีทั้งสิ้น 2 อาคาร จำนวน 1,400 กว่ายูนิต คิดเป็นพื้นที่ขายกว่า 10,000 ตร.ม.ราคาขายเริ่มต้น 36,500 บาท/ตร.ม. นอกจากนี้ยังมีส่วนที่อาคารพาณิชอีก 24 ยูนิตๆละ 3.9 ล้านบาทขึ้นไป
ทั้งนี้โครงการดังกล่าวได้เริ่มเปิดในวันที่ 28 ก.ย - 3 ต.ค.นี้ ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซ่า ลาดพร้าว ทั้งนี้มีลูกค้าเก่ามาจองแล้วคิดเป็นจำนวนกว่า 100 ยูนิต มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท โดยผู้ที่จองในงานจะได้รับของแถมและส่วนลดสูงสุด 5 แสนบาท
" ความร่วมมือในการซื้อที่ดินกับพันธมิตรครั้งนี้ จะทำให้ศุภาลัยมีต้นทุนที่ดินต่ำกว่าในแข่งในรัศมีใกล้เคียงย่านรัชโยธิน ที่มีการซื้อขายที่ดินไม่ต่ำกว่า 1 แสนบาทต่อตารางวา ในส่วนของบริษัท กลับมีต้นทุนในการซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการเพียงกว่า 40,000 บาทต่อตารางวา ทำให้สามารถทำสินค้าออกมาขายต่ำกว่าคู่แข่งไม่น้อยกว่า 20 % โดยปัจจุบันในบริเวณดังกล่าวมีคอนโดฯเกิดขึ้นร่วม 6 โครงการจำนวน 5,000-6,000 ยูนิต "นายประทีปกล่าวและว่า
ในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ ทางบริษัทมีแผนพัฒนาโครงการอีก 6 โครงการ แบ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยว 1 โครงการ ,โครงการทาวน์เฮาส์ 1 โครงการ โครงการบ้านแฝดรูปแบบผสมกับทาวน์เฮาส์ 1 โครงการและคอนโดฯ 2 โครงการ ที่เหลือจะเป็นการลงทุนพัฒนาโครงการที่ภูเก็ต รวมมูลค่าโครงการ 11,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ การเร่งเปิดโครงการใหม่ จะมีส่วนช่วยผลักดันให้ยอดขายในไตรมาส 4 ได้เกือบ 3,000 ล้านบาท ถึงจะได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ทั้งปี 8,800 ล้านบาท ซึ่งในไตรมาสสุดท้าจะมีการใช้งบการตลาดไม่น้อยกว่า 20 ล้านบาท จากตัวเลขงบประมาณที่ตั้งไว้ตลอดทั้งปีประมาณ 100 ล้านบาท
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|