|
บล.กรุงศรีฯระส่ำหนักไร้แม่ทัพลือแบงก์แม่เล็งขายทิ้ง
ผู้จัดการรายวัน(1 ตุลาคม 2550)
กลับสู่หน้าหลัก
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรีอยุธยา จำกัด ต้องเจอมรสุมระลอกใหญ่ หลังจากที่ผู้บริหารระดับสูงรวม 3 คน ได้ประกาศลาออกไปเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2550 ที่ผ่านมา ประกอบด้วย ม.ร.ว.ศศิพฤนท์ จันทรทัต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นายพรทัต อมตวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการสายงานวาณิชธนกิจ และนายธนา บุบผาวณิชย์ กรรมการผู้จัดการ สายธุรกิจสถาบัน
ประเด็นดังกล่าว ได้สร้างความสงสัยและความน่าเป็นห่วงต่อการดำเนินงานของบล.กรุงศรีฯไม่น้อย เนื่องจากผู้บริหารทั้ง 3 ราย ถือได้ว่าเป็นกุญแจสำคัญทั้งในเรื่องส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เกตแชร์) ด้านนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์และงานด้านวาณิชธนกิจที่เกิดขึ้น
พลันเวลาผ่านมากว่า 2 เดือน ภาพความสงสัยต่อนโยบายในการบริหารงาน ที่อาจจะมีทั้งสานต่อหรือปรับเปลี่ยนให้เข้ายุคเข้าสมัยก็ยังไม่เกิดขึ้น แม้ว่านายอมรศักดิ์ นพรัมภา จะยังดำรงตำแหน่งเป็นประธานกรรมการบริษัทเพื่อดูแลนโยบาย ขณะเดียวกันได้มีการแต่งตั้งนายมงคล กิตติภูมิวงศ์ เข้ามาเป็นรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แต่นโยบายที่ชัดเจนในสภาวะการแข่งขันที่บริษัทหลักทรัพย์จำนวนมากต่างเร่งสร้างความแตกต่าง สร้างศักยภาพรองรับการเปิดเสรีค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์ที่จะเกิดขึ้นกลับยังไม่มีความชัดเจน
แหล่งข่าวจากผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ถือว่าไม่ปกติเหมือนกันที่องค์กรขนาดใหญ่อย่าง บล.กรุงศรีอยุธยาจะไม่มีการแสดงจุดยืนที่ชัดเจนหลังปรากฎข่าว การเปลี่ยนแปลงในส่วนของผู้บริหารระดับสูงถึง 3 รายในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมารวมถึงความไม่ชัดเจนนโยบายในการดำเนินงานว่าจะเป็นอย่างไร
ทั้งนี้ ความไม่ชัดเจนโดยเฉพาะในเรื่องนโยบาย อาจจะสะท้อนได้ถึงความไม่มั่นใจต่อความมั่นคงของพนักงานบริษัท เพราะนอกเหนือจากงานที่ลดลงแล้ว พนักงานยังไม่มั่นใจต่อนโยบายของผู้บริหารที่จะเข้ามาใหม่ว่าจะเดินนโยบายในรูปแบบใด
"ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า เกิดอะไรขึ้นกับบล.กรุงศรีอยุธยา จะเป็นว่าแบงก์แม่เขาไม่สนใจก็ไม่น่าจะใช่ จะเป็นว่าเขากำลังหาพันธมิตรเข้ามาร่วมธุรกิจก็ไม่แน่ แต่ถ้าเขายังอยู่นิ่งๆเหมือนที่เป็นอยู่ในตอนนี้แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงภายในบ้าง ผมว่าไม่ใช่เรื่องที่ดีของบริษัทแน่ ๆ"แหล่งข่าวกล่าว
นอกจากนี้ มีกระแสข่าวลือที่เริ่มแพร่ในกลุ่มพนักงานของบริษัทว่า ขณะนี้บริษัทแม่ คือ ธนาคารกรุงศรีอยุธยาอยู่ระหว่างการประเมินผลงานของบล.กรุงศรีฯ ซึ่งหากผลการดำเนินงานไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ในขณะคือ กลุ่ม GE CAPITAL INTERNATIONAL HOLDING CORPORATION มีความเป็นไปได้ที่ GE CAPITAL อาจจะตัดขายหรือยอมที่จะให้งบล.กรุงศรีอยุธยาไปควบรวมกับบริษัทหลักทรัพย์รายอื่น
อย่างไรก็ตาม กระแสข่าวดังกล่าวในช่วงที่ผ่านมา อาจจะถูกกลบด้วยความพยายามลบกระแสด้วยข่าวการจับมือแบงก์กรุงศรีฯ ในเรื่องการแนะนำลูกค้าเพื่อสร้างลูกค้าใหม่ โดยหวังว่าจะทำให้บล.กรุงศรีอยุธยาก้าวขึ้นมาติดอันดับ 1 ใน 3 ของบริษัทหลักทรัพย์ที่ดีที่สุดในตลาดหุ้นไทย
สำหรับผลการดำเนินงานของบล.กรุงศรีอยุธยาในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาจากการรวบรวมข้อมูลส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เกตแชร์) พบว่า มาร์เกตแชร์เฉลี่ยเดือนก.ค. อยู่ที่ 3.37% ขณะที่ในช่วงวันที่ 3 ก.ย. - 27 ก.ย. เฉลี่ยอยู่ที่ 4.65% ซึ่งปรับเพิ่มขึ้นค่าเฉลี่ย 6 เดือนซึ่งอยู่ที่ 2.81% โดยแหล่งข่าวกล่าวว่าสาเหตุที่มาร์เกตแชร์ของบล.กรุงศรีฯปรับตัวเพิ่มขึ้นเนื่องจากกลุ่มซิตี้กรุ๊ป ซึ่งเป็นนักลงทุนสถาบันจากต่างประเทศ ที่เคยส่งคำสั่งการซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านบริษัทหลักทรัพย์ที่ติดอันดับท๊อป 5 ของตลาดหุ้นไทยในตอนนี้มีการปรับเปลี่ยนคำสั่งการซื้อขายหลักทรัพย์โดยเริ่มมีการส่งออเดอร์ผ่านบล.กรุงศรีฯมากขึ้น
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมากระแสข่าวที่เกิดขึ้นภายในองค์กร หลังการย้ายออกของผู้บริหารระดับสูงทั้ง 3 รายแล้วโครงสร้างผู้บริหารในระดับต่างๆก็เริ่มมีการปรับเปลี่ยน โยกย้ายฝ่าย ย้ายหน่วยจนทำให้พนักงานกลุ่มหนึ่งเริ่มมีความไม่สบายใจกับโครงสร้างของบริษัทในปัจจุบัน และเริ่มมีข่าวลือออกมาว่าอาจจะมีการลาออกของพนักงานกลุ่มใหญ่อีกครั้งเร็วๆ นี้
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|