วิชัน "ประชัย เลี่ยวไพรัตน์"ออกบอนด์ 5 แสนล้านผุดรถไฟฟ้า 10 สายใน 10 ปี


ผู้จัดการรายวัน(1 ตุลาคม 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

ถึงชั่วโมงนี้เครื่องยนต์ของพรรคประชาราช ได้เดินเครื่องวิ่งบนถนนสายการเมืองอย่างเต็มสูบ เพื่อลุยศึกเลือกตั้งครั้งใหม่ในวันที่ 23 ธันวาคม 2550 นี้ โดยล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่ 28 กันยายน 2550 พรรคประชาราชได้เปิดกว้างให้นักวิชาการอิสระที่มีดีกรีระดับดอกเตอร์จากสถาบันการศึกษาชั้นนำทั่วไปจำนวน 40 คน ซึ่งบรรดานักวิชาการอิสระดับอาจารย์ของมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศไทย ได้ระดมความคิดชนิด "ชำแหละ" นโยบายพรรคออกมาเป็นชิ้น ๆ ผ่านเวที "วิพากษ์สาธารณะ นโยบายพรรคประชาราชกับความคาดหวังของประชาชน" ที่เพิ่งคลอดออกมาสด ๆ ร้อน ๆ จำนวน 39 ข้อ

โดยภาพรวมนักวิชาการอิสระระดับด็อกเตอร์ มีความเห็นเป็นไปในทิศทางเดียวกันเกี่ยวกับประเด็นของนโยบายพรรคประชาราช ถือว่าเป็นนโยบายที่ "โดนใจของประชาชน" โดยเฉพาะนโยบายที่จะช่วยปัดเป่าความทุกข์ยากของประชาชนทั่วแผ่นดินให้เกิดความอยู่ดีมีสุข แต่มีบางนโยบายบางข้อที่ต้องนำไปปรับปรุงและแก้ไขให้ "ตกผลึก" เพื่อให้เปิดประโยชน์สูงสุดต่อการนำนโยบายไปปฎิบัติให้เกิดเป็นรูปธรรมอย่างมีประสิทธิภาพ

"ป๋าเหนาะ"เร่งปัดเป่า.. ความทุกข์ยากประชาชน

"เสนาะ เทียนทอง" ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาราชและเจ้าของฉายา "ผู้ปั้นนายกรัฐมนตรีถึงสามคน" เปิดอกให้เห็นกันจะจะว่า พรรคประชาราชแจ้งเกิดขึ้นมาท่ามกลางวิกฤติปัญหาของบ้านเมือง จึงตระหนักดีว่า การนำพาประเทศเดินหน้าไปสู่การปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขนั้น ถือว่าเป็น"ปณิธานสูงสุด" ตามที่พรรคตั้งความหวังเอาไว้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผลักดันนโยบายสำคัญ ๆ ของพรรคตาม "แผนปฎิบัติการตามนโยบายเร่งด่วนเฉพาะหน้าที่สำคัญ ทั้ง 38 ข้อ" เพื่อให้ถึงมือพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ ทั้งนี้มีเป้าหมายให้พวกเขาอยู่ดีมีสุขและให้สามารถดำรงชีวิตให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน

สิ่งสำคัญที่สุดของพรรคประชาราชที่จะดำเนินการทันที " ไม่ใช่การเขียนนโยบายให้สวยหรู ซึ่งในความจริงการเขียนนโยบายให้สวยหรูอย่างไรก็ได้ แต่หัวใจสำคัญของนโยบายพรรคประชาราช จะต้องนำไปปฎิบัติได้จริง เพื่อเป็นการปัดเป่าความทุกข์ยากของพี่น้องประชาชน" จึงมีการเปิดกว้างให้นักวิชาการอิสระผู้มีทั้งคุณวุฒิระดับด็อกเตอร์และมีประสบการณ์อย่างหลากหลาย เพื่อรับฟังความจริงในการวิพากษ์สาธารณะนโยบายของพรรค ทั้งนี้เพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไข ก่อนที่จะนำไปปฏิบัติให้ถึงมือพี่น้องประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม

"ประเทศไทยเป็นประเทศที่ส่งข้าวคุณภาพออกไปค้าขายในต่างประเทศมากที่สุดในโลก แต่คนไทยส่วนใหญ่ที่เป็นเกษตรกรหรือชาวนา กลับจนที่สุดในประเทศไทย ดังนั้นพรรคประชาราชจึงจะเข้าไปดำเนินการแก้ปัญหาในเรื่องนี้อย่างเร่งด่วนเป็นอันดับแรกสุด เพื่อแก้ปัญหาความยากชนของชาวนาไทย" หัวหน้าพรรคประชาราชกล่าวทิ้งท้ายด้วยความมั่นใจ

"ประชัย"ใช้ประสบการณ์แสนล้าน เดินหน้าพลิกวิกฤติชีวิตใหม่คนไทย

ถึงวินาทีนี้ "ประชัย เลี่ยวไพรัตน์" นักธุรกิจระดับแสนล้านและในฐานะประธานคณะผู้บริหารพรรค กล้าเปิดอกและยอมรับว่า มีความพร้อมในการเดินหน้าผลักดันนโยบายสำคัญ ๆ ของพรรคประชาราชตาม "แผนปฎิบัติการตามนโยบายเร่งด่วนเฉพาะหน้าที่สำคัญ" รวมทั้งหมด 38 ข้อ เนื่องจากพรรคมีบุคลากรที่มีประสบการณ์ในการบริหารงาน ทั้งทางด้านการเงิน การคลังและการปกครองประเทศชนิด "คับแก้ว" ทุกคน

"สิ่งสำคัญในการเปิดวิพากษ์สาธารณะนโยบายพรรคในวันนี้ ถือเป็นโอกาสดีที่ทั้งหัวหน้าพรรคและนักวิชาการอิสระที่มีคุณวุฒิทางการศึกษาระดับด็อกเตอร์กว่า 40 ท่านและมีประสบการณ์อันหลากลาย มาช่วยเป็น "กระจกส่องเงา"ของพวกเรา และยังเป็นการร่วมกันใช้สติปัญญาและความชำนาญจากประสบการณ์ในการทดแทนบุญคุณของแผ่นดิน" ประธานผู้บริหารพรรคประชาราชเปิดฉากเรียกน้ำย่อย

ก่อนจะฉายวิชันในการพลิกวิกฤติเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยจะใช้ประสบการณ์ที่สั่งสมในแวดวงธุรกิจระดับแสนล้านและยาวนานกว่า 40 ปี เพื่อนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการบริหารชาติบ้านเมือง โดยออกตัวก่อนว่า "ถ้าผมไม่เล่นการเมืองชีวิตผมก็สบายอยู่แล้ว แต่วันนี้ได้รับคำเชิญจากท่านหัวหน้าพรรค(เสนาะ เทียนทอง)ให้มาร่วมงานทางการเมือง เพื่อผลักดันนโยบายของพรรคประชาราชให้ถึงมือคนไทยอย่างแท้จริง โดยยึดหลักการสำคัญที่ว่า "จะปกครองคนไทย เพื่อคนไทย ไม่ใช่ปกครองคนไทยเพื่อประเทศใดประเทศหนึ่ง" ทั้งนี้เพื่อนำพาคนไทยทั้งชาติหลุดพ้นความยากจนให้ได้

สิ่งที่พรรคจะเร่งดำเนินการอย่างเร่งด่วนก็คือ จะเน้นให้ "ประชาชน รวยกระจายไปทั่วประเทศ" ให้ประชาชนมีรายได้ดีขึ้นอย่างทั่วถึง ซึ่งต่างจากนโยบายของรัฐบาลชุดที่ผ่านมา ที่เน้นนโยบาย "รวยกระจุก แต่จนกระจายไปทั่วประเทศ" หรือเข้าทำนอง มีการผูกขาดความมั่งคั่งและร่ำรวยของกลุ่มคนเพียงกลุ่มเดียวหรือคนเพียงตระกูลเดียว ซึ่งไม่ใช่นโยบายของพรรคประชาราชแน่นอน

"ผมจะใช้ประสบการณ์จากการทำธุรกิจระดับแสนล้านมายาวนานกว่า 40 ปี เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ให้แก่พี่น้องประชาชนทั่วประเทศให้มากที่สุด โดยนโยบายทางเศรษฐกิจสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการก็คือ การปรับรายได้ของประชาชนจากประมาณ 100,000 บาทต่อคนต่อปีเป็นจำนวน 180,000 บาทต่อคนต่อปี และจะเร่งปรับผลิตภัณฑ์มวลรวมรายได้ของประเทศ(GDP)จาก 7-8 แสนล้านบาทเป็น 12 ล้านบาท" นักธุรกิจชั้นนำอย่าง "ประชัย" กล่าวอย่างมั่นใจ

พร้อมระบุว่า "ผมมีความเชื่อมั่นว่า ถ้าในประเทศมีคนยากจน ย่อมส่งผลให้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยไม่ยั่งยืน ตรงกันข้ามหากประเทศไหนมีคนร่ำรวย ประชาธิปไตยจะยั่งยืนแน่นอน เห็นได้จากประเทศที่ร่ำรวยและพัฒนาแล้ว ประชาธิปไตยของประเทศนั้นจะยั่งยืน"

ออกบอนด์ 5 แสนล้าน ผุดรถไฟฟ้า 10 สายทางใน 10 ปี

สำหรับนโยบายที่เป็น "หัวใจสำคัญ" นโยบายหนึ่งของพรรคประชาราช ที่กำลังมีการเร่งผลักดันให้เดินหน้าไปสู่ความจริงให้เร็วที่สุดนั้น เป็นนโยบาย "สร้างรถไฟฟ้า 10 สายทาง ภายใน 10 ปี เก็บค่าโดยสาร 15 บาทตลอดสาย" ซึ่งมีระยะทางทั้งระบบบนดินและใต้ดินรวมกันกว่า 300 กิโลเมตร โดยครอบคลุมพื้นที่ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลว่ากันว่า "เดินไปทางซ้าย-ขวา-เดินหน้า-ถอยหลัง ในระยะทาง 100-150 เมตร จะเจอสถานีรถฟ้าทันที" ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเดินทางของประชาชนอย่างสะดวกสบายและช่วยประหยัดการนำเข้าน้ำมันต่างประเทศได้อย่างดี

"ประชัย" ฟันธงในมุมของนักธุรกิจว่า นโยบายการก่อสร้างรถไฟฟ้า 10 สายทางของพรรคประชาราช จะผลักดันให้เกิดเป็นจริงในระยะเวลา 10 ปี และเก็บค่าโดยสาร 15 บาทตลอดสาย ทั้งนี้สิ่งสำคัญก็คือ เงินลงทุนจำนวนกว่า 500,000 ล้านบาทนั้น ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยมีศักยภาพในการลงทุนอยู่แล้ว แต่รัฐบาลชุดที่ผ่านมาหรือธนาคารแห่งประเทศไทย(แบงก์ชาติ)ไม่ได้ดำเนินการหรือคิดไม่ถึงหรือเข้าทำนอง "เส้นผมบังภูเขา" เท่านั้นเอง

โครงการลงทุนรถไฟฟ้า 10 สายทาง หากก่อสร้างทั้งบนดินและใต้ดินควบคู่กันไป โดยเฉพาะการก่อสร้างบนดิน จะทำให้ต้นทุนก่อสร้างถูกกว่าสร้างบนดิน 3-4 เท่าตัว ดังนั้น จะใช้เงินก่อสร้างรถไฟฟ้าทั้งหมดเพียง 300,000 ล้านบาท โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากการให้รัฐบาลออกพันธบัตรรัฐบาลหรือบอนด์ ในวงเงินประมาณ 500,000-600,000 ล้านบาท ระยะเวลา 40 ปี อัตราดอกเบี้ย 5-6 %

ซึ่งวิธีการหาแหล่งเงินทุนโดยการออกบอน์ดของรัฐบาลไทยดังกล่าว ถือว่าเป็นการปรับแนวคิดใหม่ โดยนำเงินทุนสำรองของไทยกว่า 74,500 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯหรือกว่า 2.5 ล้าน ๆ บาท ซึ่งเป็นจำนวนเงินมหาศาล ที่ผู้ว่าแบงก์ชาตินำไปฝากไว้ที่ธนาคารที่อเมริกาหรือซื้อพันธบัตรของอเมริกา ทำให้รัฐบาลอเมริกานำเงินคนไทยไปพัฒนาประเทศเขาให้เจริญรุ่งเรือง

"ดังนั้น ต้องปรับแนววิธีการใหม่ โดยรัฐบาลต้องออกพันธบัตรหรือบอนด์ แล้วให้แบงก์ชาติซื้อไป เพื่อนำเม็ดเงินจำนวนมหาศาลมาพัฒนาประเทศไทย ไม่ใช่นำเงินคนไทยไปฝากไว้ธนาคารหรือซื้อพันธบัตรของอเมริกาอย่างที่ทำกันอยู่ อย่างไรก็ดี สิ่งที่ผมจะทำในลักษณะดังกล่าว เราไม่ได้ต่อต้านอเมริกา เพราะผมเรียนจบจากระดับปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยเบร์คเลย์ ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของอเมริกา และเวลาทำธุรกิจผมก็คิดอย่างอเมริกา แต่ว่าจิตใจของผมเป็นคนไทย และจะต้องคำนึงถึงประโยชน์ของคนไทยมาก่อนเป็นอันดับแรก"ประชัยกล่าว

นอกจากนี้ ธนาคารต่าง ๆ ก็พร้อมจะซื้อบอนด์ของรัฐบาลอยู่แล้ว ทั้งนี้เพื่อนำเงินคนไทยมาพัฒนาประเทศไทย ซึ่งหากดำเนินการดังกล่าว ระยะเวลาเพียง 30 ปีรัฐบาลก็สามารถคืนทุนจากการ

ออกบอนด์ได้แล้ว ส่วนเวลาที่เหลืออีก 10 ปีที่เหลือได้กำไรและประชาชนคนไทยก็ได้ประโยชน์จากการใช้ระบบขนส่งมวลชนรถไฟฟ้าในการเดินทางได้อย่างประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเป็นการแก้ปัญหาสภาพการจราจรที่คับคั่งในกรุงเทพฯและปริมณฑลอย่างได้ผล" ประธานคณะผู้บริหารพรรคประชาราชฉายวิชันทิ้งท้าย


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.