กสิกรฯเข็นสินเชื่อธุรกิจโตตามเป้ามุ่งออกผลิตภัณฑ์ใหม่-ดบ.ลงหนุน


ผู้จัดการรายวัน(28 กันยายน 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

กสิกรไทยรับปล่อยสินเชื่อธุรกิจให้เข้าเป้าหมายที่ 15-16% เป็นเรื่องยาก แต่จะพยายามผลักดันให้ได้เลขสองหลัก แม้ปัจจุบันจะทำได้แค่ 5-6% ก็ยังพอใจเพราะโตกว่าตัวเลขของระบบ ส่วนเอ็นพีแอลสิ้นปีคาดอยู่ที่ 2-2.5% ยังเป็นระดับที่รับได้ ชี้ดอกเบี้ยนโยบายมีสิทธิ์ลงได้อีก 0.25-.050 %

นายบุญทักษ์ หวังเจริญ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK เปิดเผยว่า การตั้งเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อธุรกิจของธนาคารในปีนี้ถือเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูงโดยอยู่ที่ 15-16 % หรือคิดเป็นเม็ดเงินประมาณ 70,000 ล้านบาท โดย 8 เดือนที่ผ่านสินเชื่อดังกล่าวมีการขยายตัวเพียง 5-6% หรือเป็นเม็ดเงิน 20,000-30,000 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งในช่วงที่เหลือของปีการจะทำให้ถึงเป้าหมายคงเป็นเรื่องที่ยาก แต่ธนาคารได้พยายามผลักดันที่จะให้มีการขยายสินเชื่ออยู่อย่างต่อเนื่อง ทำให้คาดว่าในสิ้นปีตัวเลขการขยายตัวสินเชื่อดังกล่าวน่าจะขยับขึ้นไปอยู่ในตัวเลขสองหลักได้

ทั้งนี้ในส่วนของสินเชื่อผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) 8 เดือน ก็ทำได้ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้โดยมีการขยายตัวอยู่ที่ 8% จากเป้าหมาย 18% และสินเชื่อรายใหญ่ (คอร์เปอร์เรท) ขยายตัวอยู่ที่ 2% จากเป้าหมาย 12% เป็นผลมาจากการชะลอตัวของการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ เนื่องจากยังรอความชัดเจนในหลายปัจจัยเพื่อให้เกิดความมั่นใจก่อนจะลงทุน แต่คาดว่าในช่วงปลายปีความมั่นใจจะมีเพิ่มขึ้น จากปัจจัยด้านการเมืองที่มีความชัดเจนเรื่องการเลือกตั้ง ซึ่งจะทำให้ภาคอุตสาหกรรมมีการขยายกำลังการผลิตในช่วงดังกล่าวทันที โดยไม่รอถึงปีหน้า ส่วนรายได้จากดอกเบี้ยของสินเชื่อธุรกิจน่าจะได้ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 15,000 ล้านบาท แต่รายได้ค่าธรรมเนียมน่าจะได้ตามเป้าหมายที่ 8,000-10,000 ล้านบาท

"แม้ว่าสินเชื่อธุรกิจจะขยายตัวแค่ 5-6% เพราะสินเชื่อเอสเอ็มอีและสินเชื่อคอร์เปอร์เรทปล่อยได้ต่ำกว่าเป้าหมายนั้น ก็ยังถือว่าเป็นระดับที่เราพอใจ เนื่องจากสินเชื่อภาคธุรกิจของระบบมีการเติบโตที่ 0% จากปกติแล้วจะต้องโตประมาณ 1 เท่าครึ่งของตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจ แต่ครึ่งปีหลักสินเชื่อดังกล่าวจะโตมากขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการขยายกำลังการผลิตจากความมั่นใจในการลงทุนสำหรับภาคอุตสาหกรรมที่มองว่ายังมีศักยภาพ คือกลุ่มพลังงาน ออโต้ โมบิล และอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น "

อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่เหลือของปีธนาคารจะยังคงมุ่งผลักดันให้มีการขยายสินเชื่อ โดยจะทำกลยุทธ์ที่เน้นการสร้างความเข้าใจให้กับลูกค้า หาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ลูกค้าแต่ละกลุ่ม รวมถึงการบริหารความเสี่ยงที่จะช่วยให้ลูกค้ามีความมั่นใจในการลงทุนมากขึ้น ส่วนของลูกค้าเอสเอ็มอีก็จะเน้นการให้ความรู้ ให้เพิ่มประสิทธิภาพของผลผลิต ซึ่งเชื่อว่าการเติบโตของสินเชื่อธุรกิจครึ่งปีหลังจะดีมากกว่าครึ่งแรกปีแรกจากการเบิกใช้ที่มากขึ้น

สำหรับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของสินเชื่อธุรกิจปัจจุบันอยู่ที่ไม่ถึง 2% โดยตัวเลขทั้งปีน่าจะขยับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2-2.5% ถือเป็นเรื่องปกติและไม่น่าเป็นห่วงแต่อย่างใด โดยตัวเลขดังกล่าวอยู่ในการคาดการณ์ของธนาคารอยู่แล้ว ซึ่งการเพิ่มขึ้นนั้นกระจายอยู่ในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม โดยส่วนใหญ่จะเป็นพวกที่มีปัญหาเกี่ยวกับขีดความสามารถในการแข่งขัน

นายบุญทักษ์ กล่าวว่า แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยเมื่อเทียบกับสภาวะตลาดของต่างประเทศนั้นมีโอกาสจะปรับลงตามไปได้ในระดับ 0.25-0.50% ขึ้นอยู่กับภาวะดอกเบี้ยในตลาดขณะนั้น อีกทั้งปัจจัยภาคการบริโภคภายในประเทศยังคงชะลอตัว ซึ่งในส่วนของธนาคารพาณิชย์ก็มีโอกาสที่จะปรับลดลงได้เช่นเดียวกัน ส่วนเศรษฐกิจปีนี้หากจะขยายตัวที่ 4.5% ก็มีความเป็นไปได้ เนื่องจากภาคการส่งออกในช่วงครึ่งปีหลังจะยังคงขยายตัวได้แม้จะเป็นอัตราที่ชะลอตัวจากช่วงครึ่งปีแรกก็ตาม และกรณีที่มีรัฐมนตรีบางรายลาออกนั้นคงไม่มีผลต่อความเชื่อมั่น เพราะสิ้นปีนี้จะมีการเลือกตั้ง ประกอบกับธนาคารโลกได้เพิ่มอันดับประเทศที่น่าลงทุนจากอันดับที่ 17 มาเป็นที่ 15


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.