|
ส.ขอนแก่นจ้างโปแลนด์ผลิต
ผู้จัดการรายวัน(28 กันยายน 2550)
กลับสู่หน้าหลัก
อุตสาหกรรมอาหาร ส. ขอนแก่น พลิกเกมรบรับมือตลาดอียูกีดกันเนื้อหมูนำเข้าและค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น ชูกลยุทธ์ตั้งฐานผลิตแบบโออีเอ็มที่ยุโรป ประเดิมที่โปแลนด์ ว่าจ้างบริษัท Paruzel เป็นฐานผลิตในยุโรป หวังขยายตลาดยุโรปเพิ่มขึ้น คาดหวังสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มเป็น 40% ในอีก 3 ปีจากนี้ พร้อมทั้งเตรียมบุกตลาดรีดดี้ทูอีกเต็มที่ปีหน้า ตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 6% หวังกวาดรายได้ 770 ล้านบาท
นายเจริญ รุจิราโสภณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อุตสาหกรรมอาหาร ส. ขอนแก่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ปรับกลยุทธ์การทำตลาดในกลุ่มประเทศอียูและยุโรป ใหม่ โดยจะไปตั้งฐานผลิต ด้วยการว่าจ้างบริษัท Paruzel ของประเทศโปแลนด์ ให้เป็นโรงงานในการผลิตสินค้า และเป็นฐานส่งออกในยุโรป โดยใช้โนว์ฮาว์และการตรวจสอบคุณภาพโดยทีมงานของบริษัทฯซึ่งประจำอยู่ที่โปแลนด์ภายใต้การบริหารของ นายจรัสภล รุจิราโสภณ ซึ่งเป็นลูกชายเป็นผู้จัดการทั่วไป ประจำสาขาที่ยุโรป ดูแลด้านการตลาดและการผลิตทั้งหมด
สาเหตุหลักของการลงทุนดังกล่าวแม้ว่าจะใช้งบประมาณไม่มากนักเนื่องจากว่า ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเนื้อสัตว์อื่นและลูกชิ้นหมูไม่สามารถนำเข้าไปจำหน่ายในกลุ่มประเทศอียูได้ เพราะข้อจำกัดทางการค้า และปัญหาโรคปากเปื่อยเท้าเปื่อยของสุกร ทั้งๆที่ยุโรปเป็นตลาดใหญ่เนื่องจากมีคนเอเชียอาศัยอยู่มากกว่า 10 ล้านคน ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของบริษัทฯ ประกอบกับช่วงที่ผ่านมา ค่าเงินบาทของไทยได้แข็งค่าขึ้นมาตลอด ทำให้การส่งออกไปนั้นได้กำไรลดลงไม่คุ้มค่ากับการส่งออกจากไทย และที่ผ่านมาขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนไปประมาณ 3 ล้านบาท จึงต้องปรับกลยุทธ์การดำเนินการ
สาเหตุที่เลือกประเทศโปแลนด์เป็นฐานการผลิตนั้นซึ่งก่อนหน้านั้นได้พิจารณาทั้งหมด 3 ประเทศคือ เชก ฮังการีและโปแลนด์ แต่เลือกโปแลนด์เพราะว่าเป็นศูนย์กลางของยุโรป ง่ายต่อการส่งออกผลิตภัณฑ์ไปยังประเทศต่างๆ และยังสะดวกที่จะขยายฐานไปยังประเทศที่สามเช่น อเมริกา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เป็นต้น โดยบริษัทฯจะใช้ระบบ ยูโร เคอร์เรนซี่ ( Euro Currency) ในการซื้อขาย
“ตลาดที่นั่นต้องการสินค้าของเรามาก และยังขายได้ราคาด้วย ที่โปแลนด์ต้นทุนการผลิตถือเป็นแค่ 1 ใน 3 เท่านั้น ขณะที่อีก 2 ส่วนคือกำไร แต่กำไรนั้นก็ต้องมาแบ่งให้กับคู่ค้าเช่น ร้านค้าปลีก 40% เอเย่นต์ทั่วไป 25%” นายเจริญกล่าว
ทั้งนี้โรงงานดังกล่าวตั้งอยู่ที่เมือง Katowice ทางตอนใต้ห่างจากเมืองหลวงกรุงวอร์ซอประมาณ 500 กิโลเมตร จะเริ่มผลิตเดือนพฤศจิกายนนี้ มีทั้งพรีเมี่ยมแบรนด์ “ส.ขอนแก่น” ประกอบด้วย แหนม ไส้กรอกอีสาน หมูยอ กุนเชียง ลูกชิ้นหมู ลูกชิ้นเนื้อ และแบรนด์ “วินเนอร์” ที่เน้นกลุ่มเป้าหมายร้านอาหารโดยราคาจะถูกกว่ากลุ่มพรีเมี่ยมและแบรนด์อื่นยุโรป 15% มีกำลังผลิต 50 ตันต่อเดือน คาดรายได้ในช่วงปีแรกประมาณ 60 ล้านบาท ซึ่งวัตถุดิบโดยเฉพาะหมูนั้นจะใช้พันธ์เดนมาร์กที่ใช้ในไทยเหมือนกัน ส่วนเครื่องเทศสามารถนำเข้าจากไทยได้
ปัจจุบันบริษัทฯมีรายได้จากการส่งออกต่างประเทศประมาณ 10% โดยแบ่งเป็น ตลาดยุโรป 5% อเมริกา 4%, และ เอเชีย 1% ซึ่งจากกลยุทธ์ดังกล่าวคาดว่าจะสามารถเพิ่มสัดส่วนรายได้จากตลาดต่างประเทศเป็น 15% ในปีนี้และปีหน้า และเพิ่มเป็น 40% ภายใน 3 ปีนี้ ซึ่งสาเหตุที่เพิ่มขึ้นยังเป็นผลมาจากรายได้จากการส่งออกสแน็กที่ขายดีด้วยในตลาดเวียดนามและไต้หวัน เป็นต้น ขณะที่สัดส่วนรายได้ของบริษัทฯนั้นมาจาก อาหารพื้นบ้าน 64%, ซีฟู้ด 26% และสแน็ก 10% คาดว่าจะส่งผลให้รายได้รวมในปีนี้ประมาณ 770 ล้านบาท เติบโต 6% จากปีที่แล้วที่ทำได้ 730 ล้านบาท
นอกจากนั้นในปลายปีนี้และปีหน้าบริษัทฯเตรียมรุกตลาดอาหารพร้อมทานหรือรีดดี้ทูอีท ด้วยเต็มที่ โดยใช้แบรนด์ “ส.ขอนแก่น” เช่น เมนูขาหมูพร้อมทาน เมนูหมูแดง เป็นต้น วางขายในคอนวีเนียนสโตร์ และยังจะวางตลาดผลิตภัณฑ์สแน็กแบรนด์อองเทร่เพิ่มอีก เพื่อต้องการขยายฐานตลาดในไทยไปสู่กลุ่มวัยรุ่นมากขึ้นจากเดิมที่ตลาดหลักคือ กลุ่มคนรุ่นเก่ามากกว่า 70%
ในส่วนของการลงทุนนั้น ในปีนี้ได้ใช้งบประมาณกว่า 30 ล้านบาท ในการปรับปรุงเครื่องจักรในการผลิต และปีหน้าจะลงทุนเพิ่มอีกมากกว่า 30 ล้านบาทเพื่อสร้างห้องเย็นเพิ่มขึ้น ส่วนในช่วงไตรมาสสุดท้ายปีนี้ได้ใช้งบการตลาด 10 ล้านบาท สำหรับผลิตภัณฑ์อองเทร่
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|