TOPฟุ้งปี51โกยกำไรเละ


ผู้จัดการรายวัน(28 กันยายน 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

ไทยออยล์ฟุ้งปี 51 โกยกำไรถล่มทลายนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท เนื่องจากมีกำลังการกลั่นเพิ่มเป็น 2.75 แสนบาร์เรล/วันและอะโรเมติกส์รวม 9 แสนตัน/ปี ย้ำการปิดหน่วยกลั่นCDU 3 นาน2 เดือนส่งผลให้กำลังการผลิตหาย 30%ต่ำกว่าแผนเดิมที่ตั้งไว้ เผยในอนาคตเตรียมลงทุนสร้างมูลค่าเพิ่มอะโรเมติกส์ ย้ำยื่นประมูลไอพีพีแน่อย่างน้อย 800เมกะวัตต์ มั่นใจชนะประมูล

นายวิโรจน์ มาวิจักขณ์ กรรมการอำนวยการ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เปิดเผย บริษัทฯวางแผนปิดซ่อมบำรุงหน่วยกลั่น 3 (CDU3) ที่มีกำลังการผลิต 1.15 แสนบาร์เรล/วัน เพื่อเชื่อมต่อท่อส่งน้ำมันต่างๆของส่วนเดิมและส่วนขยายกำลังการกลั่นอีก 5 หมื่นบาร์เรล/วัน ระหว่างในวันที่6 ต.ค.-10 ธ.ค.นี้ จากการปิดซ่อมบำรุงดังกล่าวทำให้ไทยออยล์มีกำลังการผลิตหายไป 30%ของกำลังการผลิตรวม ต่ำกว่าประมาณการเดิมที่เคยคาดไว้ว่าจะมีกำลังการผลิตหายไป 50%

โดยไทยออยล์จะนำเข้ามิกซ์ไซลีนมาใช้ในการผลิตพาราไซลีนในช่วงที่หน่วยกลั่นCDU 3 ปิดซ่อมบำรุงไปทำให้ส่วนผลิตมิกซ์ไซลีนของบริษัทต้องหยุดไปด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ ไทยออยล์เคยวางแผนที่จะหยุดซ่อมบำรุงหน่วยกลั่นดังกล่าวและหน่วยผลิตพาราไซลีน แต่เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาด้านแรงงานของผู้รับเหมาจึงได้ตัดสินใจเลื่อนการหยุดซ่อมหน่วยผลิตพาราไซลีนเพื่อขยายกำลังการผลิตเพิ่มอีกเท่าตัวออกไปเป็นวันที่ 11 ม.ค.-15 มี.ค. 2551 แทน

" การหยุดซ่อมบำรุงCDU3 นี้เป็นไปตามแผนงานที่ไทยออยล์วางไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว โดยบริษัทฯได้มีการสต็อกดีเซลไว้ 100 ล้านลิตร น้ำมันอากาศยาน 40 ล้านลิตรและน้ำมันเตาไว้ในช่วงที่หยุด จึงไม่ส่งผลให้เกิดปัญหาขาดแคลนน้ำมันหรือราคาสูงด้วย "

ดังนั้นในปี 2551 ไทยออยล์จะมีกำลังการกลั่นเพิ่มขึ้นเป็น 2.75 แสนบาร์เรล/วัน และอะโรเมติกส์เพิ่มขึ้นจาก 4.22 แสนตันเป็น 9 แสนตัน/ปี ส่งผลให้ไทยออยล์มีกำไรมากขึ้นเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯมา หากราคาน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ใกล้เคียงปีนี้ โดยปีนี้ บริษัทฯคาดว่าจะมีกำไรสูงกว่าเป้าหมายที่เคยตั้งเป้าไว้เดิม 1.3 หมื่นล้านบาทเนื่องจากค่าการกลั่นในครึ่งแรกของปี 2550 สูงถึง 9.60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และคาดว่าค่าการกลั่นเฉลี่ยปีนี้จะไม่ต่ำกว่าปีที่แล้วที่ 6 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ส่วนสาเหตุหยุดปิดซ่อมบำรุงในช่วงไตรมาส 4 เนื่องจากเป็นช่วงที่ค่าการกลั่นต่ำสุดในรอบปี โดยไตรมาส 4 /2549 ไทยออยล์มีค่าการกลั่นเฉลี่ยเพียง 0.7 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ดังนั้นการหยุดซ่อมบำรุงครั้งนี้จึงไม่ส่งผลกระทบต่อไทยออยล์มากนัก

" หลังจากไทยออยล์มีกำลังการกลั่นเพิ่มขึ้นเป็น 2.75 แสนบาร์เรล/วัน จะมีรายได้จากค่าการกลั่นเพิ่มขึ้น 23% และเมื่อรวมรายได้จากการกำลังการผลิตอะโรเมติกส์ที่เพิ่มขึ้นเท่าตัว ทำให้ปี 2551 บริษัทฯมีรายได้เพิ่มขึ้น 35%จากรายได้รวมปี 2550 "

นายวิโรจน์ กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ บริษัทฯยังศึกษาความเป็นไปได้ในการเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ เช่น นำโทลูอีนมาผลิตพาราไซลีน เป็นต้น รวมทั้ง กลุ่มปตท.อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะนำน้ำมันเตาที่ผลิตได้จากทุกโรงกลั่นในเครือฯมากลั่นเป็นน้ำมันใส หรือมาสร้างมูลค่าเพิ่มร่วมกันจากที่ปัจจุบันน้ำมันเตามีราคาต่ำกว่าน้ำมันดิบมาก และไทยต้องส่งออกน้ำมันเตาถึงเดือนละ 150 ล้านลิตร

ส่วนการยื่นประมูลโครงการผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (ไอพีพี)ว่า ขณะนี้ไทยออยล์อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะยื่นประมูลไอพีพี 1-2 โรงๆละ 800 เมกะวัตต์ โดยเชื่อมั่นว่าไทยออยล์จะชนะการประมูลอย่างน้อย 1 โรง เนื่องจากไม่ต้องลงทุนสายส่งไฟฟ้าเพิ่มเติม และมีระบบสาธารณูปโภคอยู่แล้ว

ด้านโครงการผลิตเอทานอลขนาด 2 แสนตัน/ปีนั้น บริษัทฯจะชะลอการลงทุนออกไปก่อน เพื่อรอดูนโยบายของภาครัฐว่าจะสนับสนุนให้มีการส่งออกหรือไม่ หลังจากช่วงนี้มีปัญหาเอทานอลล้นตลาด

นายวิโรจน์ กล่าวต่อไปว่า ในปีนี้บริษัทฯจะไม่มีแผนออกหุ้นกู้เพื่อใช้ในการลงทุนโครงการต่างๆ เนื่องจากบริษัทฯมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานมาใช้ลงทุนเพียงพอ และที่ผ่านมาไทยออยล์ได้มีการทยอยลงทุนล่วงหน้าแล้ว


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.