วันชัยถือภาษิตจีนข้อหนึ่งว่า "ให้ใครรักเราแค่ไหน เราจงรักเขาเป็นสามเท่า"
ความรักในรูปแบบ "บูมเมอแรง" นี้กลายเป็นคติพจน์สไตล์สยามกรุ๊ปในกรณีการร่วมลงทุนกับต่างประเทศซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทญี่ปุ่นชั้นนำ
บทบาทของวันชัยในฐานะกรรมการผู้อำนวยการได้ทำงานอยู่เบื้องหลังโครงการร่วมทุนขนาดใหญ่ของสยามสตีลกรุ๊ปมาตลอด
ขณะที่อนันตชัย ผู้น้องจะแสดงบทบาทเพื่อส่วนรวมเช่นประธานสภาหอการค้าสมุทรปราการ
หรือบทบาทของพ่อดีเด่น
"ภาพพจน์ของสยามสตีลกรุ๊ปในต่างประเทศ เราได้รับการตอบรับอย่างดี
โดยเฉพาะเรื่องความซื่อสัตย์ นโยบายของเราคือสินค้าไหนที่รู้ว่ามันไม่ดีเราจะห้ามเด็ดขาดเลย
ถึงแม้ลูกค้าจะซื้อเราก็ไม่ขาย" นี่คือภาพพจน์ที่วันชัยเน้นมาก ๆ"
ระหว่างสามพี่น้อง สมชัย ครุจิตร วันชัย คุณานันทกุลกับอนันตชัย คุณานันทกุล
วันชัยมีบุคลิกภาพที่เด่นชัดมากในเชิงนำ ทั้งนี้เพราะในระยะ 5 ปีที่ผ่านมา
การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของกลุ่มสยามสตีลเกิดจากโครงการใหม่ ๆ ที่ร่วมลงทุนกับต่างประเทศที่มีไม่ต่ำกว่า
20 แห่ง เช่น บริษัทสยามคาร์โก้คอนเทนเนอร์ ซึ่งเกิดจากการร่วมลงทุนของสามยักษ์ใหญ่คือฮุนไดซึ่งเป็นโรงงานผลิตคอนเทนเนอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
มิตซูบิชิ บริษัทเทรดดิ้งยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นและสยามสตีลกรุ๊ป
"เราแบ่งความรับผิดชอบกันแบบไม่ค่อยเฉพาะเจาะจง สำหรับผมยุ่งอยู่กับงานจอยน์เวนเจอร์
ส่วนคุณสมชัย พี่ชายผมจะดูแลด้านบัญชีการเงิน และน้องชายจะรับผิดชอบเรื่องการตลาดของกลุ่มเฟอร์นิเจอร์"
วันชัยเล่าให้ฟังถึงภารกิจที่แบ่งกันในหมู่พี่น้อง
พื้นฐานครอบครัวชาวจีนแคะของสามพี่น้อง "แซ่คู" (ญาติกับเกียรติ
วัธนเวคิน) เกิดที่ลำลูกกา ปทุมธานีนี้เป็นคนยากจนบิดาวันชัยชื่อตั้วจิบ
และมารดาชื่อเจียว แซ่เจ็ง (ขณะนี้ชรามากแล้ว) วันชัยมีพี่น้องห้าคน ชื่อจีนของวันชัยคือ
"เพียว" ในวัยเยาว์เขาต้องกำพร้าพ่อตั้งแต่อายุได้ 9 ขวบ วันชัยมีชีวิตที่ต้องดิ้นรนต่อสู้ด้วยตัวเอง
ไม่ว่าจะเป็นชีวิตการทำงานหรือการศึกษาที่ต้องอาศัยเรียนวัด และกวดวิชาจนจบระดับ
ม. 6
"มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ระยะต้น ๆ เราต้องใช้ความพยายามและความอดทนมากทีเดียว
ผมเริ่มต้นจากการเป็นลูกจ้างของบริษัทที่ทำหม้ออะลูมิเนียมตราจระเข้ แล้วสะสมเงินเดือนจนกระทั่งตั้งร้านศรีเจริญได้เมื่อ
39 ปีที่แล้ว" วันชัย เล่าให้ฟังถึงอดีตอันยากลำเค็ญ
นิสัยละเอียดรอบคอบและฝักใฝ่การเรียนรู้เป็นลักษณะเด่นของวันชัย ที่ทำให้เขาไม่เคยหยุดนิ่งที่จะสร้างสรรค์งานโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยแบบ
"มนุษย์เหล็ก" แต่ละปีวันชัยต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อย ๆ เพื่อธุรกิจที่ร่วมลงทุนกัน
"ผมติดต่อกับคู่ค้าต่างประเทศโดยไม่เคยใช้ล่ามเลย" วันชัยเล่าให้ฟัง
พรสวรรค์ในการเรียนรู้ทำให้ได้เปรียบในเชิงธุรกิจ ความสามารถในการพูดภาษาจีนได้อย่างดีทั้งจีนแคะและจีนกลาง
แต้จิ๋วและจีนฮกเกี้ยนตลอดจนภาษาญี่ปุ่น ซึ่งถือว่าสำคัญมากในการต่อรองกับคู่ค้าญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษ
"ผมพูดภาษาญี่ปุ่นได้ดี ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเรียน เพราะว่าผมค่อนข้างเอาใจใส่เรื่องพวกนี้
ผมจะละเอียดอ่อนและพยายามถ่ายทอดความรู้สึกให้อีกคนหนึ่งรู้ ผมเชื่อว่าคนอื่นไม่สามารถถ่ายทอดได้ดีกว่าเรา
ดังนั้นผมจึงไม่ใช้ล่ามแต่จะต่อรองกับญี่ปุ่นโดยตรงเลย งานถึงเดินได้เร็ว
มิฉะนั้นเราจะขยายฐานของบริษัทไม่ทัน" วันชัยเล่าให้ฟังถึงกลวิธีทำงานของเขาในต่างแดน
ความสามารถในเชิงภาษาของวันชัย ได้ปรากฏในชื่อต่าง ๆ ของกิจการ และผลิตภัณฑ์ที่วันชัยเป็นผู้ตั้งชื่อให้
นับตั้งแต่ชื่อกิจการสมัยยังเป็นห้างร้านจนถึงบริษัท "ศรีเจริญอุตสาหกรรม"
และผลิตภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์เหล็กตรา "LUCKY" และ "KINGDOM"
"ลักกี้เป็นชื่อที่ผมเขียนด้วยลายมือตัวเอง มันสวยดีและมีความหมายถึงโชคดี
เป็นชื่อเรียกง่าย ๆ เหมือนกับตอนที่ผมตั้งชื่อศรีเจริญอุตสาหกรรมที่เป็นมงคลนามและเรียกง่ายแต่ต่อมาต้องเปลี่ยนเป็นชื่อสยามสตีล
ซึ่งให้ภาพพจน์เกี่ยวกับธุรกิจและเข้าใจง่ายเวลาเราติดต่อกับต่างประเทศ"
นามสำคัญ ๆ เหล่านี้ได้กลายเป็นภาพพจน์กิจการที่มีชื่อเสียงโด่งดังความตั้งใจของวันชัยที่เล่ามา
ในความรู้สึกลึก ๆ ของวันชัย เขาตระหนักดีว่าชื่อนั้นสำคัญมากเพราะในอดีตความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ทะเบียนราษฎร์ได้ก่อให้เกิดความสับสนอย่างมาก
ดังชื่อของคนในครอบครัวเช่นพี่ชายคนโต สมชัย ครุจิตร ที่เปลี่ยนชื่อมาจาก
"หลู แซ่จิ๊บ" อันเป็นชื่อที่เจ้าหน้าที่อำเภอตั้งให้เอง
"ไม่มีแซ่จิ๊บในโลกนี้หรอกครับ แต่เขาไปฟังจากชื่อพ่อผม ตั้วจิบ แซ่คู
เหมือนกับแม่ผมที่เขียนผิดเป็นคูเจ็งจริง ๆ แล้วแม่ผมชื่อ เจียว แซ่เจ็ง
แม้กระทั่งผมเองที่ชื่อ "เพียว" เขาก็ไปเขียนเป็น "เมียว"
อันนี้เป็นบ่อเกิดแห่งความสับสน ที่ทำให้ผมเห็นว่าการตั้งชื่อควรจะทำให้มันเข้าใจง่ายและเหมาะสม"
วันชัยเล่าถึงที่มาของการตั้งชื่อ
ปัจจุบันวันชัยสมรสแล้วกับอรชร มีบุตรธิดา 5 คนได้แก่ทวีศักดิ์ นภาพร สุรพล
นาฏยาและสิทธิชัยที่ต่างได้รับการศึกษาอย่างดีจากต่างประเทศ บุตรชายคนโตขณะนี้ได้เข้ารับผิดชอบกิจการในเครือแล้วก็คือ
สุรศักดิ์ คุณานันทกุลเป็นกรรมการบริหาร นอกนั้นเพิ่งจบการศึกษาปริญญาโทมาสองคนอีกสองคนกำลังทำปริญญาตรีที่กรุงเทพฯ
คนหนึ่งและที่กรุงโตเกียวอีกคนหนึ่ง
ความปราณีตในการแต่งกายของวันชัยเป็นบุคลิกอันสะท้อนความละเอียดอ่อนแต่เข้มแข็งของผู้ชายคนนี้
ในที่ทำงานภาพพจน์ของวันชัยจะมีลักษณะเผด็จการมากกว่าอนันตชัย เพราะวันชัยไม่ชอบมาก
ๆ กับคนประมาทต่อชีวิตและการทำงาน
บ่อยครั้งที่วันชัยจะเรียกตัวเองว่า "หางเครื่องระดับชาติ" จากการที่เขาได้เป็นผู้นำการลงทุนขนาดใหญ่ของบรรษัทข้ามชาติในไทย
เช่น กรณีการเซ็นสัญญาบริษัทสยามเพอร์สตอร์ป ซึ่งเกิดจากการร่วมทุนระหว่างสยามสตีลกรุ๊ปกับบริษัทเพอร์สตอร์ปซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่อุตสาหกรรมเคมีของยุโรป
"MISSION ที่ไปสวีเดนครั้งนั้น ผมไปเป็นหางเครื่องระดับชาติ โดยทางไทยเรามีรัฐมนตรีเป็นพยาน
ส่วนสวีเดนก็มีรัฐมนตรีนอร์ดิคซึ่งดูแลภูมิภาคยุโรปเหนือเป็นพยานในงานเซ็นสัญญาร่วมลงทุนบริษัทสยามเพอร์สตอร์ป"
วันชัยเล่าให้ฟังอย่างภาคภูมิใจ
ครั้งหนึ่งในชีวิตของวันชัยมีอยู่เหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้วันชัยต้องเสียใจ
ก็คือการพลาดหวังในโครงการผลิตเหล็กรีดร้อนเย็นมูลค่าสามหมื่นล้านบาทที่ถูกสหวิริยากรุ๊ปช่วงชิงชัยชนะไปได้ในที่สุด
"ถ้าผมทำโครงการนี้ ผมสมควรจะได้รับเหรียญจึงจะถูกต้อง แต่ทันทีที่ผมได้เห็นประกาศว่าโครงการนี้ผมไม่ได้ทำแล้ว
ผมก็มีเวลาว่างที่จะไปหัดเล่นกอล์ฟได้" วันชัยถอนใจนิด ๆ เมื่อเล่าให้ฟัง
สายสัมพันธ์ทางธุรกิจของวันชัยที่ไม่อิงกับการเมืองเป็นสิ่งที่สะท้อนวัฒนธรรมองค์กรอย่างสยามสตีลกรุ๊ปได้ชัดเจน
การเติบโตของกลุ่มนี้จึงแตกต่างจากกลุ่มของสหวิริยา เพราะภาพพจน์ของผู้นำองค์กรอย่างวันชัยจะมีบุคลิกนักธุรกิจที่เก็บตัวเงียบ
ๆ
"ผมเป็นคนโชคดีมาก มักจะเป็นดวงของผมก็ได้เพราะคนรู้จักผมส่วนมากจะรักผม
อาจจะเป็นเพราะผมไปรักท่านสามเท่าก็ได้" วันชัยยิ้ม ๆ เมื่อพูดถึงตรงนี้
นี่คือวันชัย คุณานันทกุล ผู้สร้างตัวจากช่างทำเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่ธรรมดาจนกลายมาเป็นเศรษฐีรุ่นใหม่ที่มีอาณาจักรทรัพย์สินไม่ต่ำกว่าหมื่นล้าน