|
เอเจนซี่ฯเตือนคนซื้อคอนโดฯ ระวังหลายโครงการไม่ผ่านสวล.
ผู้จัดการรายวัน(21 กันยายน 2550)
กลับสู่หน้าหลัก
“AREA” เชื่อปี2552 คอนโดมิเนียมยังไม่ล้นตลาด เผย6ปัจจัยสำคัญชี้ชัด ตลาดคอนโดฯยังห่างภาวะโอเวอร์ซัปพลาย ระบุโครงการที่ประกาศตัวจะก่อสร้างแล้วเสร็จในแต่ละปี อาจจะมียกเลิกโครงการหากขายไม่หมด เชื่ออีกหลายโครงการยังไม่ผ่านการอนุญาตจัดสรร อาคารชุด –กม.สิ่งแวดล้อม
นายโสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหารบริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด (AREA) เปิดเผยว่า จากที่หลายฝ่ายคาดการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยประเภทโครงการคอนโดมิเนียมในปี 2552 จะเกิดภาวะสินค้าล้นตลาด (โอเวอร์ซัปพลาย)นั้น อาจจะต้องพิจารณาหลายองค์ประกอบ โดยหากมีการพิจารณาปัจจัยแวดล้อม 6 ปัจจัยแล้ว จะทำให้โอกาสที่จะเกิดสถานการณ์โอเวอร์ซัปพลายในปี 52 มีน้อยมาก
โดยปัจจัยแรกที่บริษัทฯ นำมาประกอบการพิจาณานั้น คือ การเปิดขายอาคารชุดจำนวนมาก ในขณะที่ที่อยู่อาศัยประเภทอื่นๆ ที่เปิดใหม่มีจำนวนน้อยลง จากการสํารวจของศูนย์ข้อมูล วิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทฯฯพบว่า ในรอบ8 เดือนแรกของปี 2550 (มกราคม – สิงหาคม 2550) มีโครงการเกิดใหม่ที่เป็นอาคารชุดถึง 24,227 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนถึง 60% ของหน่วยขายที่อยู่อาศัยทุกประเภท ที่เปิดตัวในช่วงเวลาเดียวกัน
ปัจจัยที่สอง การที่อาคารชุดเกิดขึ้นมาก เพราะเป็นสินค้าที่ดูแลได้ง่าย และมีค่าเสื่อมต่ำกว่าที่อยู่อาศัยประเภทอื่น ทั้งยังสามารถหารายได้จากการให้เช่าได้ง่ายกว่า จึงเป็นสินค้าเพื่อการลงทุนเก็งกําไร ทําให้มีจํานวนผู้ซื้อมาก ทำให้การพัฒนาที่อยู่อาศัยประเภทดังกล่าวจึงมากตามไปด้วย
ปัจจัยที่สาม การขาดความระมัดระวังในการพัฒนาโครงการของผู้ประกอบการ ซึ่งพิจารณาจํานวนที่มีผู้จองซื้อและมีการจองซื้อกันอย่างต่อเนื่อง ทําให้เห็นว่า ความต้องการซื้ออาคารชุดมีมาก จึงไม่น่าห่วง และไม่คิดว่าซัปพลายเริ่มสูงกว่าความต้องการ(ดีมานด์)ที่มีอยู่ในตลาด
ปัจจัยที่สี่ คือ การซื้อส่วนใหญ่เชื่อว่า เป็นการซื้อเพื่อการลงทุนเก็งกําไร คือหวังประโยชน์จากการให้เช่าได้ ในอัตราผลตอบแทนที่ดีกว่าฝากธนาคาร และหวังประโยชน์ จากการขายต่อได้ราคาดีในภายหลัง ดังนั้นการที่คิดว่าไม่มีการเก็งกําไรในทรัพย์สินประเภทนี้ จึงเป็นความเข้าใจผิดอย่างยิ่ง
ปัจจัยที่ห้า การที่ผู้ประกอบการคาดการณ์กันว่าในปี 2552 จะมีการสร้างเสร็จมากมายจนอาจเกิดการล้นตลาดนั้น เป็นความเข้าใจผิดเช่นกัน เพราะในขณะนี้โครงการอาคารชุดจำนวนมาก ซึ่งแม้ขายหมดแล้ว ก็ยังไม่ได้ก่อสร้าง
" เพราะหลายโครงการยังไม่ได้รับการอนุมัติเกี่ยวกับข้อกําหนดด้านสิ่งแวดล้อม หรือยังติดปัญหาผังเมืองอยู่เลย ซึ่งถือว่าเป็นปัญหาสําคัญที่พึงระวัง เพราะหากการก่อสร้างเนิ่นนานออกไป ค่าก่อสร้างอาจเพิ่มขึ้น ทําให้มีความเป็นไปได้ที่โครงการบางแห่งอาจล้มเลิกไป "
และปัจจัยสุดท้าย คือ โครงการที่เปิดตัวและขายแล้วหากภาวะตลาดในอนาคตไม่อํานวย ก็อาจจะล้มเลิกไปได้ ดังนั้น การคิดคํานวณง่ายๆ จากปีที่โครงการหนึ่ง ๆ ประกาศคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จ แล้วนำประกอบการพิจารณาว่า อาคารชุดพักอาศัยจะล้นตลาดในปี 2552 จึงถือเป็นความเข้าใจผิด ข้อวิตกเรื่องการล้นตลาดของอาคารชุดพักอาศัยจึงไม่น่าจะมี
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|