แอนโธนี่ โซลาแห่ง "ไมดาส อะโกรโนมิคส์" ทุกธุรกิจในมือมีแต่ "ความสำเร็จ"


นิตยสารผู้จัดการ( เมษายน 2535)



กลับสู่หน้าหลัก

กล่าวได้ว่า แอนโธนี่ โซลา ชาวสหรัฐฯ ผู้มีอาชีพเป็นที่ปรึกษาทางธุรกิจและเพื่อนนักธุรกิจชาวไทยของเขาคือเชิดชัย องค์สิริวัฒนานั้น เป็นผู้ที่จัดอะไรเป็นเงินเป็นทองไปหมด เพราะเพียงชั่วระยะเวลาปีเดียวกิจการ "ไมดาส อะโกรโนมิคส์ โค" ของคนทั้งสอง ซึ่งมีฐานสำนักงานใหญ่ในไทยก็สามารถสร้างชื่อเสียงเป็นบริษัทรับบริหาร และให้คำปรึกษาทางด้านธุรกิจการเกษตรชั้นนำโดยมีภาระ หน้าที่ทั้งในส่วนของการให้คำปรึกษาแก่องค์กรระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนา และยังรับเป็นผู้บริหารจัดการทางด้านการ เพราะปลูกให้กับเจ้าของที่ดินรายใหญ่ของไทย

แต่ก่อนที่จะประสบความสำเร็จเช่นนี้ ทั้งโซลาและเชิดชัยต่างก็สั่งสมประสบการณ์ทางธุรกิจมาเป็นระยะเวลานานพอสมควรทีเดียว สำหรับโซลานั้น เขาเริ่มเข้ามาในไทยตั้งแต่ปี 1970 จากการเป็นอาสาสมัครสันติภาพของ"พีซ คอร์ป" และเป็นนักวางแผนทางด้านสิ่งแวดล้อม หลังจากนั้นยังช่วยงานในโครงการของยูเสดและธนาคารโลกอีกหลายโครงการทั้งในไทยและลาว ก่อนที่จะเข้าร่วมงานกับ "ฮาวายเอี้ยน อะโกรโนมิคส์" ในปี 1985 โดยประจำสำนักงานในไทย

อีก 2 ปีถัดมากิจการแห่งนี้เปลี่ยนชื่อเป็น "แปซิฟิก แมเนจเมนท์ รีซอร์ส" หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ "แพ็คมาร" โดยเป็นบริษัทแฟรนไชส์แห่งหนึ่งของบริษัทที่ปรึกษาสหรัฐฯ เมื่อถึงต้นปี 1991โซลา และเชิดชัยก็เข้าซื้อกิจการแฟรนไชส์แห่งนี้เสีย และเปลี่ยนชื่อเป็น "ไมดาส อะโกรมิคส์" ปัจจุบันมีผู้เชี่ยวชาญอยู่ในบริษัทราว 25 คน ทั้งที่ประจำสำนักงานในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด

"ผมถือหุ้นในกิจการไมดาสอยู่ราว 40%" โซลากล่าวและเสริมว่า "ส่วนที่เหลือนั้นเป็นของคุณเชิดชัย 30% ของพนักงาน 23% และของโรเบิร์ต มัสแคท (นักเขียนชาวสหรัฐ) อีก 7%

ความสำเร็จของโซลายังเห็นได้จากธุรกิจซึ่งไม่ใช่ธุรกิจหลักของเขาด้วย อาทิ กิจการลงทุนเกี่ยวกับที่ดินซึ่งจดทะเบียนในไทยชื่อ "คลับ แม่โขง" ซึ่งโซลาถือหุ้นอยู่เพียงราว 20% โดยมีผู้ถือหุ้นชาวไทยอีกมากหน้าหลายตาเป็นเจ้าของส่วนที่เหลือ อีก 80%

สำหรับในไทยนั้น ไมดาสเข้าไปบริหารสวนผลไม่ 2 แห่งที่ตราดและหนองคาย และกำลังเพิ่มอีก 3 แห่งคือที่จันทบุรี 1 แห่งและนครนายกอีก 2 แห่ง "ธุรกิจของเราราว 50% จะเกี่ยวข้องกับการบริหารกิจการฟาร์มในเชิงพาณิชย์" โซลาอธิบาย ส่วนธุรกิจในส่วนภาคเอกชนนั้นจะอยู่ในความรับผิดชอบของเชิดชัยซึ่งเป็นผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร ปัจจุบันเชิดชัยอายุ 35 ปี เขาจบการศึกษาเศรษฐศาสตร์บัณฑิตจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง และเข้าร่วมงานกับฮาวายเอี้ยนในปี 1985

ตัวโซลานั้นมีความสนใจเป็นพิเศษทางด้านการให้คำปรึกษากับหน่วยงานภาครัฐบาล ซึ่งส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับภูมิภาคบริเวณแม่น้ำโขงโดยรวมถึงพม่าด้วย ส่วนในไทย กิจการของไมดาสจะเน้นหนักไปที่การวางแผนทางด้านสิ่งแวดล้อม และเมื่อเดือนมิถุนาที่ผ่านมาก็ยังได้เสนอรายงานผลการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องอนุรักษ์ป่าไม้จำนวน 4 ชุดให้กับธนาคารโลก อันจะนำไปสู่โครงการใหม่ ๆ ทางด้านการอนุรักษ์ป่าไม้ในไทยซึ่งได้รับการสนับสนุนจากนานาชาติ

"ลาวนั้นล้าหลังกว่าไทยอยู่ราว 20-30 ปี เราจึงใช้ยุทธศาสตร์ที่แตกต่างกัน" โซลาอธิบาย "เราประสานงานกับภาครัฐบาลมากขึ้น โดยเน้นด้านการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการเพาะปลูกพืชผล การปศุสัตว์ ระบบชลประทาน และการทำป่าไม้ อีกทั้งยังช่วยด้านการเตรียมการสำหรับโครงการของภาคเอกชนด้วย" และงานส่วนใหญ่นี้จะได้รับการสนับสนุนจากสหประชาชาติหรือธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย

ยิ่งกว่านั้นไมดาสยังมีสายสัมพันธ์เกี่ยวโยงกับ "บูรพา ดิเวลลอปเมนท์" ด้วย โซลาชี้ว่า "อันที่จริงแล้ว เรากำลังจะเปิดสาขาของเราในสำนักงานของบูรพาที่เวียงจันทร์ และให้เขาเปิดสาขาในสำนักงานของเราด้วย อีกทั้งยังมีโครงการจะเปิดสำนักงานร่วมกันในพนมเปญเร็ว ๆ นี้"

โซลายังชี้ด้วยว่าหลังจากที่เขาได้ดำเนินการจัดการประชุมร่วมระหว่างไทย-ลาวในเรื่องการลงทุนในลาว เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมาแล้ว ปรากฏว่ามีนักธุรกิจที่สนใจขอคำปรึกษาจากเขาเกี่ยวกับที่ดินในลาวเป็นจำนวนมากทีเดียว

"จุดขายของเรานั้น อยู่ที่การชี้ให้เห็นว่า ยังมีที่ดินในลาวอีกเป็นจำนวนมากที่เหมาะสำหรับการเพาะปลูก ทั้งในบริเวณที่ราบสูงโบโลเวน ลุ่มแม่น้ำโขงและบริเวณทุ่งไหหิน นอกจากนั้น เรายังสนับสนุนให้ปลูกป่าจำพวกไม้อะคาเซียและป่าไผ่มากกว่าป่ายูคาสิปตัสด้วย ขณะนี้เรากำลังทำการศึกษาข้อมูลให้กับบริษัทของไทยอยู่ 2 แห่ง กับรับผิดชอบโครงการป่าไม้ครอบคลุมพื้นที่ราว 75 กิโลเมตรทางตอนเหนือของเวียงจันทน์อีกด้วย"



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.