ธปท.ปลื้มรายย่อยซื้อบอนด์71%


ผู้จัดการรายวัน(19 กันยายน 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

ธปท.ยิ้มแก้มปริหลังประชาชาชนแห่จองซื้อพันธบัตรออมทรัพย์เกือบ 9 หมื่นบ้านบาท ระบุช่วยกระจายให้แก่ประชาชนรายย่อยที่มีเงินต่ำกว่า 1 ล้านบาทได้ถึง 71% เผยปีนี้ไม่มีแผนออกเพิ่ม รอดูสถานการณ์ปีหน้า ยอมรับแบงก์บางแห่งอาจได้รับผลกระทบต่อฐานเงินฝากและสภาพคล่องลดลง แต่ต้องมีการปรับตัว

นางผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายตลาดการเงินและบริหารเงินสำรอง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.มีความพอใจที่การออกพันธบัตรออมทรัพย์ ธนาคารแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 1 สามารถที่จะกระจายไปยังประชาชนรายย่อยได้จริงตามเจตนารมณ์ที่ต้องการเพิ่มทางเลือกให้กับประชาชนในช่วงที่ดอกเบี้ยเงินฝากมีแนวโน้มต่ำต่อเนื่อง

โดยจากการสำรวจการซื้อพันธบัตรดังกล่าว พบว่า พันธบัตรออมทรัพย์ ธปท. วงเงิน 89,899.98 ล้านบาทนั้นได้มีการกระจายให้แก่ประชาชนที่มีวงเงินไม่ถึง 1 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 47%ของวงเงินรวม และวงเงิน 1 ล้านบาท คิดเป็น 28%ของเงินรวม ขณะที่วงเงิน 1.01-3 ล้านบาท มีสัดส่วน 13% และมากกว่า 3 ล้านขึ้นไปมีสัดส่วน 16%ของวงเงินรวม จึงแสดงให้เห็นว่ารายย่อยที่มีเงินต่ำกว่า 1 ล้านได้ซื้อพันธบัตรออมทรัพย์ดังกล่าวถึง 71%

โดย 82% ของผู้ซื้อเป็นบุคคลธรรมดา และอีก 18% เป็นองค์การการกุศล และสหกรณ์ โดยคนที่ซื้อส่วนใหญ่จะเป็นกรุงเทพ และปริมณฑล ซื้อสูงกว่า 80% ซึ่งเป็นไปตามฐานเงินฝากเดิมของธนาคารพาณิชย์

อย่างไรก็ตาม จนถึงปลายปี 2550 นี้ ธปท.ยังไม่มีแผนที่จะออกพันธบัตรออมทรัพย์เพิ่มเติมอีก เพราะยังเห็นว่าไม่เหมาะกับสถานการณ์ ส่วนในปี 2551 นั้น คงจะต้องพิจารณาอีกครั้ง แต่ในส่วนของกระทรวงการคลัง มีการออกพันธบัตรออมทรัพย์ในปีงบประมาณอย่างต่อเนื่องทุกเดือน

ทั้งนี้ นางผ่องเพ็ญ ยืนยันว่า การออกพันธบัตรออมทรัพย์ของ ธปท.จำนวนสูงถึงเกือบ 90,000 ล้านบาทครั้งนี้ ไม่ได้ทำให้สภาพคล่องของระบบการเงินลดลง เพราะหลังจากที่ได้มีการดูดซับสภาพคล่องเข้าไปแล้ว ธปท.จะปล่อยคืนหมดทั้งจำนวนผ่านช่องทางอื่น ดังนั้น ปริมาณเงินในระบบไม่มีการเปลี่ยนแปลง และไม่ทำให้อัตราดอกเบี้ยเปลี่ยนไปเป็นขาขึ้นอย่างแน่นอน

“ยอมรับว่า การออกพันธบัตรออมทรัพย์ ธปท. อาจจะมีผลต่อฐานเงินฝาก และสภาพคล่องของบางธนาคารให้ลดลง เพราะถูกถอนเงินฝากออกไปลงทุนในพันธบัตรออมทรัพย์แทน แม้ว่า ธปท.จะส่งคืนเงินเข้าระบบ แต่ก็อาจจะไม่ได้คืนไปยังธนาคารเดิมทั้งหมด แต่จะเกี่ยวเนื่องกับการออกโครงการออมเงิน 7 เดือนที่ให้อัตราดอกเบี้ยเงินออมสูงกว่าราคาตลาดของบางธนาคารหรือไม่นั้น ไม่แน่ใจ แต่จุดนี้ธนาคารพาณิชย์คงต้องปรับตัว”


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.