ถึงแม้ว่าคีรี กาญจนพาสน์จะชนะคู่แข่งทัศนีย์ ศิริเยี่ยมในการต่อรองเป็นเจ้าภาพจัดประกวดมิสยูนิเวิร์สครั้งที่
41 โดยใช้เวลาในการล็อบบี้เพียง 3 เดือนเศษ ในขณะที่อีกฝ่ายในเวลาติดต่อนานเกือบ
2 ปี แต่ผู้รับผลประโยชน์สูงสุดหาใช่เป็นของผู้ชนะประมูล ทว่าเป็นบริษัทมิสยูนิเวิร์ส
อิงค์ ที่อยู่ในฐานะ "เสือนอนกิน" อย่างแท้จริง
คนไทยคุ้นเคย "นางงามจักรวาล" หรือ "มิสยูนิเวิร์ส"
เป็นอย่างดีจากผู้หญิงไทย 2 คน คือ อาภัสรา (หงสกุล) จิราธิวัฒน์ และภรณ์ทิพย์
นาคหิรัฐกนก
คนแรกจากเวทีประกวดไมอามี่บีช รัฐฟลอริดาสหรัฐอเมริกาเมื่อเกือบ 30 ปีก่อน
ส่วนคนหลังจากไทเป ไต้หวันเมื่อ 4 ปีที่แล้ว
แม้ว่าคนไทยเคยครองมงกุฎนางงามจักรวาลมาแล้วและการประกวดก็มีมานานถึง 40
ปีก็ตาม แต่ก็ยังไม่เคยมีมิสยูนิเวิร์สคนใดได้สวมมงกุฎบนแผ่นดินไทย
จนกระทั่งมาถึงปีนี้ ไม่ว่ามิสยูนิเวิร์สจะเป็นคนไทยหรือไม่ก็ตาม เธอจะได้รับการสวมมงกุฎบนเวทีการประกวดนางงามจักรวาล
ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ประเทศไทย
มีบริษัทของคนไทยเป็นเจ้าภาพจัดงานคือ "ไทยสกาย" โดยคีรี กาญจนพาสน์
ประธานบริษัทสยามบรอดแคสติ้ง คอมมิวนิเคชั่น ได้รับลิขสิทธิ์จัดงานประกวดครั้งที่
41 จากบริษัทมิสยูนิเวิร์สอิงค์
การประกวดนางงามจักรวาลถือกำเนิดขึ้นบนแผ่นดินสหรัฐอเมริกาในปี พ.ศ.2495
ที่ลองบีชรัฐแคลิฟอร์เนีย ในตอนนั้น "มิสอเมริกา" และ "มิสยูนิเวิร์ส"
จัดการประกวดพร้อมกัน ผู้ร่วมการประกวดปีแรกเป็นสาวอเมริกัน 39 คน และอีก
29 คนเป็นสาวงามจากประเทศอื่น ๆ
"มิสอเมริกา" และ "มิสยูนิเวิร์ส" จัดประกวดควบคู่กันอยู่
13 ปี จึงเริ่มแบ่งแยกออกเป็น 2 รายการ เนื่องจากได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อย
ๆ รวมทั้งมีการย้ายสถานที่จัดไปที่เมืองไมอามี่บีช รัฐฟลอริดาและประกวดเป็นประจำอยู่ที่นี่ทุกปีจนกระทั่งถึงปี
พ.ศ. 2515 มีโอกาสหมุนเวียนไปจัดในประเทศอื่นครั้งแรกที่โรงแรมเซอร์โรมาร์
บีช ในเมืองโดราโด เปอร์โตริโก
คนอเมริกันเป็นลูกค้ารายใหญ่สำคัญของรายการยังเชียร์หน้าจอโทรทัศน์ได้เช่นเดิมเพราะมีการถ่ายทอดสดผ่านดาวเทียม
จากการที่วงการโทรทัศน์พัฒนาสู่ยุคระบบดาวเทียมนี้เองกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่นำรายได้ก้อนโตมาให้บริษัทมิสยูนิเวิร์ส
อิงค์ คือค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดนอกเหนือจากค่าลิขสิทธิ์จัดประกวดที่เรียกเก็บจากเจ้าภาพ
ยิ่งมีจำนวนสาวงามต่างชาติ ภาษี สีผิว ร่วมเดินบนเวทีมากเท่าไรความมโหฬารยิ่งเพิ่มทวีเป็นเงาตามตัวซึ่งย่อมส่งผลถึงรายได้มหาศาล
จากจุดเริ่มต้นปีแรกมีสาวงามต่างชาติ 26 คนเวลาล่วงเลยมาถึงปีที่ 41 ยอดสาวงามนานาชาติเดินบนเวทีนางงามจักรวาลเพิ่มขึ้นเป็น
70 คนจาก 70 ประเทศ
และมี 80 กว่าประเทศที่ต้องการชมภาพการประกวดสดผ่านดาวเทียม
สำหรับบริษัทมิสยูนิเวิร์ส อิงค์แล้ว ถือว่าการจัดการประกวดสาวงามเป็นธุรกิจกำไรงามแขนงหนึ่งเนื่องจากมีผู้ติดตามคอยชมมากเป็นอันดับ
3 รองลงมาจากฟุตบอลโลกและโอลิมปิก ซึ่งเมื่อมาถึง ณ จุดนี้ บริษัทอยู่ในฐานะนั่งกินบุญเก่าจากชื่อเสียงที่สร้างสมมาเป็นสิบ
ๆ ปี จนกลายเป็นสถาบันที่ทั่วโลกยอมรับ
ด้วยเหตุนี้ การจับมือกับประเทศที่ต้องการเป็นเจ้าภาพจึงมีลักษณะเชิงธุรกิจ
ที่มีการเจรจาต่อรองเรื่องผลประโยชน์อย่างชัดเจน
การรับมอบสัญญาอย่างเป็นทางการจากบริษัทมิสยูนิเวิร์ส อิงค์ ผ่านทางลูปิตา
โจนส์นางงามจักรวาลปี 1991 ในคืนงานการกุศล "ยูนิเวิร์สกาลาไนต์"
เมื่อ 27 พฤษภาคม ปีที่แล้ว
สร้างความงงงวยต่อคนทั่วไปอย่างมากเพราะก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวอย่างต่อเนื่องว่า
ทัศนีย์ ศิริเยี่ยม ผู้อำนวยการสอนตัดเสื้อ "กาลวิน" จะได้เป็นผู้ประสานงานการประกวดนางงามจักรวาลปี
1992
แต่เพราะเหตุไร จึงพลิกผันเป็นคีรี กาญจนพาสน์ อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยมาก่อน
ในสายตาของบริษัทมิสยูนิเวิร์ส อิงค์แล้ว มีความเห็นว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพดีเหมาะสมสำหรับจัดการประกวดมากที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่น
ๆ ในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เพราะเป็นประเทศที่มีความตื่นตัวสูงในเรื่องการประกวดนางงาม บวกกับภาครัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยว
จากเอกสารคู่มือจัดเตรียมการประกวดที่มิสยูนิเวิร์ส อิงค์ จัดทำขึ้นสำหรับประเทศได้ลิขสิทธิ์เขียนเกริ่นนำ
ด้วยการอ้างอิงผลสำรวจขององค์การสหประชาชาติที่ว่า การท่องเที่ยวเป็นอุคสาหกรรมสำคัญของโลกปัจจุบัน
ซึ่งทางบริษัทมิสยูนิเวิร์ส อิงค์คิดว่าการประกวดนางงามจักรวาลเป็นวิธีส่งเสริมที่ดีวิธีหนึ่ง
รวมทั้งยังช่วยให้เกิดการพัฒนาทางธุรกิจอีกด้วย
ฉะนั้นในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันที่รัฐบาลตั้ง "ปีการท่องเที่ยวไทย 2530"
ขึ้น บริษัทมิสยูนิเวิร์ส อิงค์บินมาเมืองไทยทาบทามให้สถานีโทรทัศน์ช่อง
7 สีเป็นเจ้าภาพการประกวดนางงานจักรวาล
การเจรจาครั้งนั้นไม่ประสบผลสำเร็จด้วยเหตุผลว่าบริษัทมิสยูนิเวิร์ส อิงค์เรียกค่าตอบแทนจำนวนมาก
อีกทั้งค่าใช้จ่ายในการจัดการประกวดที่ประเทศเจ้าภาพต้องเสียก็สูงไม่แพ้กัน
เมื่อคำนวณแล้วจึงคิดว่าไม่คุ้มกับการลงทุน
บริษัทมิสยูนิเวิร์ส อิงค์จึงต้องหันไปจัดประกวดที่สิงคโปร์ในปี พ.ศ. 2530
และที่ไต้หวันในปีถัดมา
ผลของการประกวดที่ไต้หวัน นอกจากทำให้เมืองไทยได้นางงามจักรวาลเพิ่มขึ้นมาอีกคนคือ
ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนกแล้ว ยังเปิดโอกาสเหมาะมาสู่บริษัทมิสยูนิเวิร์ส อิงค์อีกครั้งหนึ่งในการที่จะให้เมืองไทยจัดประกวดนางงาม
เมื่อภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนกกลับมาเยือนเมืองไทยในเดือนสิงหาคมหลังจากที่สวมมงกุฎนางงามจักรวาลแล้ว
การเลียบเคียงถามอย่างไม่เป็นทางการจึงเกิดขึ้นอีกคราหนึ่ง
"มิสเตอร์ มาร์ติน คิพ ติดต่อว่าทำไมคุณไม่โปรโมทประเทศของคุณ ประเทศคุณสวยงามมากน่าจะเผยแพร่สู่ทั่วโลก"
ทัศนีย์ ศิริเยี่ยม เล่าถึงความสัมพันธ์ทางจดหมายครั้งแรกกับรองประธานฝ่ายผลิตรายการของบริษัทมิสยูนิเวิร์ส
อิงค์ กับ "ผู้จัดการ"
และนับจากตรงนั้นการติดต่อทางจดหมายและโทรสารก็มีต่อกันอย่างสม่ำเสมอ จนถึงขั้นที่ทัศนีย์
ศิริเยี่ยมเริ่มศึกษาการเป็นเจ้าภาพจัดการประกวดด้วยการเดินทางไปร่วมงานประกวดนางงามจักรวาลถึง
2 ปีซ้อน ที่เมืองแคนคัน เม็กซิโกในปี 2532 และปีต่อมาที่เมืองลอสแองเจลิส
รัฐแคลิฟอร์เนีย
การติดต่อมากระฉับเกลียวขึ้นอีกในช่วงปลายเดือนสิงหาคมต่อกับต้นเดือนกันยายน
2533 บริษัทมิสยูนิเวิร์ส อิงค์ส่งจดหมายถึงคนสำคัญในรัฐบาลยุคนั้น ได้แก่
ชาติชาย ชุณหะวัณ นายกรัฐมนตรี ประมาณ อดิเรกสารรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
และกร ทัพพะรังสี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ
เนื้อความบรรยายถึงการที่คนไทยทัศนีย์ ศิริเยี่ยม ได้ติดต่อไปเพื่อขอให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประกวดนางงามจักรวาล
เนื่องในปีที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถเจริญพระชนมายุครบ 60 พรรษา
ซึ่งบริษัทมิสยูนิเวิร์ส อิงค์มีความเห็นว่าเมืองไทยเป็นสถานที่วิเศษสุดในการจัดการประกวด
และการจัดการประกวดก็จะเป็นเครื่องมือที่เยี่ยมในการเผยแพร่เมืองไทยสู่คนทั่วโลกด้วยเช่นกัน
ฉะนั้นในโอกาสที่จะมาเมืองไทยตามคำเชิญของทัศนีย์ก็มีความยินดีเจรจารายละเอียดของงานกับผู้นำรัฐบาลไทย
ปลายเดือนกันยายน 2533 ทัศนีย์ ศิริเยี่ยมจัดงานต้องรับผู้บริหารบริษัทมิสยูนิเวิร์ส
อิงค์อย่างดีที่โรงแรมดุสิตธานี รวมทั้งพาเข้าพบบุคคลสำคัญในรัฐบาลและสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง
5
ทัศนีย์ใช้เวลาล็อบบี้หน่วยงานไทยและบริษัทมิสยูนิเวิร์ส อิงค์อยู่นานถึง
2 ปีกว่าจะมาถึง ณ จุดที่เรียกได้ว่าเกือบถึงเส้นชัย แต่ก็กลับพลิกล็อกให้คีรี
กาญจนพาสน์ซึ่งใช้เวลาเจรจา 3 เดือนเศษเท่านั้น
ถ้าหากทัศนีย์ไม่รีรอการเป็นเจ้าภาพจัดการประกวดโดยการเลื่อนออกไป 1 ปี
เพื่อให้ตรงกับปีที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถเจริญพระชนมายุครบ
60 พรรษา แต่ทำตามคำเรียกร้องของบริษัทมิสยูนิเวิร์ส อิงค์ที่ต้องการให้มีขึ้นในเมืองไทยเร็วที่สุด
การณ์อาจกลับตรงข้ามจากปัจจุบันได้
เพราะหลังจากที่ผู้บริหารของบริษัทมิสยูนิเวิร์ส อิงค์พบกับทัศนีย์ที่เมืองไทยเรียบร้อยแล้ว
ระยะเวลาใกล้เคียงกัน คีรี กาญจนพาสน์มอบหมายให้ MR.CLARENCE CHANGE บินไปอเมริกาเพื่อพบผู้บริหารของบริษัทมิสยูนิเวิร์ส
อิงค์
MR.CHANG เป็นผู้อำนวยการบริหารบริษัท MEDIA ENTERTAINMENT INTERNATIONAL
COMPANY (MEI) ซึ่งเป็นบริษัทของคีรีที่ทำธุรกิจด้านบันเทิงในฮ่องกง
คีรี กาญจนพาสน์ ให้สัมภาษณ์ในวันประชุมครั้งแรกของคณะกรรมการอำนวยการและคณะกรรมการจัดการประกวดนางงามจักรวาลปี
2535 เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่โรงแรมดุสิตธานีว่า มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับบริษัทผู้ผลิตการประกวดมิสยูนิเวิร์ส
คือ MADISON SQUARE GARDEN EVENT PRODUCTIONS (MSGEP) มานานพอสมควร
เท่ากับว่าทางฝ่ายคีรีเป็นต่อคู่แข่งระดับหนึ่ง
ประจวบกับที่ผลการเจรจากับทางทัศนีย์ไม่ค่อยจะราบรื่นเท่าไรนัก
เริ่มจากการเดินทางมาเมืองไทยตามคำเชิญของทัศนีย์เมื่อปลายเดือนกันยายน
2533 ผลปรากฎว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ท.ท.ท. ไม่มีงบประมาณเพียงพอที่จะเป็นเจ้าภาพจัดการประกวด
จะช่วยได้ในฐานะเป็นผู้สนับสนุนเท่านั้น
เมื่อรัฐบาลปฏิเสธการเป็นเจ้าภาพจัดงาน ทำให้ทัศนีย์ต้องกระโดดลงเต็มตัวและเริ่มต่อรองกับบริษัทมิสยูนิเวิร์ส
อิงค์ ทันที
ซึ่งย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายนักเพราะบริษัทมิสยูนิเวิร์ส อิงค์ หนักแน่นในการรักษาระดับมาตรฐานเกรดเอของตนไว้
ฉะนั้นความพยายามของทัศนีย์ที่จะลดค่าใช้จ่ายจึงเป็นไปค่อนข้างยากมาก จากข้อต่อรองที่สำคัญ
10 ข้อ เธอประสบความสำเร็จเพียงข้อเดียว
คือเรื่องค่าลิขสิทธิ์การจัดการประกวดที่ทางบริษัทมิสยูนิเวิร์ส อิงค์ตั้งไว้
1 ล้าน ยู. เอส. ดอลล่าร์หรือประมาณ 25 ล้านบาท จากยอดเงินจำนวนนี้ทางบริษัทจะจัดสรรให้
2 ส่วนเท่า ๆ กันคือ ทูลเกล้าถวายเงินโดยเสด็จพระราชกุศลแด่องค์สมเด็จพระนางเจ้าฯ
พระบรมราชินีนาถ 1 แสน ยู. เอส. ดอลล่าร์หรือประมาณ 2.5 ล้านบาท และอีกส่วนจะมอบให้เธอในฐานะเป็นผู้ประสานงาน
แต่ทั้งสองกรณีต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าทางบริษัทต้องได้รับเงินค่าลิขสิทธิ์เต็มจำนวนแล้วเท่านั้น
จากการต่อรองเรื่องลดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ หลายประการ อาทิ ขอส่วนแบ่งตลาดลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดผ่านดาวเทียม
จำนานตั๋วเครื่องบินชั้นหนึ่ง จำนวนพี่เลี้ยงนางงาม ค่าใช้จ่ายในส่วนที่เกี่ยวกับนางงาม
และอื่น ๆ อีก ข้อเรียกร้องเหล่านี้ จึงเสมือนเป็นตัวแปรสำคัญที่กลายเป็นผลบวกให้กับ
MR. CHANG
"ตอนที่ฝรั่งบอกว่าทำสัญญากับคนฮ่องกงแล้วดิฉันร้องไห้โฮเลย ทำไมคุณถึงทำแบบนี้กับดิฉัน"
ทัศนีย์เล่าถึงความรู้สึกวินาทีที่รู้ว่าเธอหมดสิทธิ์เป็นเจ้าภาพจัดประกวดอย่างแน่นอน
เป็นที่น่าสังเกตว่าอะไรเป็นแรงจูงใจที่ทำให้ทั้งทัศนีย์ ศิริเยี่ยม และคีรี
กาญจนพาสน์ ต้องการเป็นเจ้าภาพจัดการประกวดมิสยูนิเวิร์ส
เพราะมีผลตอบแทนเป็นเงินมหาศาลหรือ ซึ่งถ้าหากการจัดการประกวดสามารถทำกำไรได้สูงแล้วเพราะอะไรเมื่อคราวที่บริษัทมิสยูนิเวิร์ส
อิงค์ติดต่อสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 สี จึงถูกปฏิเสธไป
จนบริษัทมิสยูนิเวิร์ส อิงค์ ต้องไปจัดประกวดที่สิงคโปร์ ซึ่งในครั้งนี้สิงคโปร์ต้องลงทุนประมาณ
100 ล้านบาท และมิใช่เป็นเอกชนเป็นเจ้าภาพจัดเฉกเช่นเมืองไทย ทว่าเป็นองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งสิงคโปร์เป็นผู้รับภาระ
เพราะรัฐบาลสิงคโปร์คิดว่าการจัดการประกวดสาวงามเป็นการส่งเสริมสถานที่ท่องเที่ยวไปด้วยในตัว
ยิ่งมีการถ่ายทอดสดตั้งแต่ต้นจนจบรายการก็นับว่าคุ้มอยู่มาก
สำหรับคีรี เจ้าของเคเบิลทีวี "ไทยสกายทีวี" เขาก็ให้เหตุผลที่คล้ายคลึงกันคือ
ต้องการเผยแพร่ชื่อเสียงของประเทศไทยให้เป็นที่รู้จักของชาวโลกรวมทั้งต้องการให้คนไทยมีโอกาสแสดงความสามารถในการจัดงานระดับโลก
แม้จะต้องประสบปัญหาขาดทุนบ้างก็ถือว่าคุ้มค่ากับการลงทุน
ในตอนแรกกลุ่มผู้จัดการประกวดครั้งนี้ตั้งงบประมาณไว้ 200 ล้านบาท ต่อมาลดลงเหลือ
150 ล้านบาท และล่าสุดคณะกรรมการจัดการประกวดมีมติลดค่าใช้จ่ายบางส่วนลงมาอีกให้เหลือไม่เกิน
130 ล้านบาท
ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เจ้าภาพต้องเสียส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่ทางบริษัทมิสยูนิเวิร์ส
อิงค์กำหนดไว้ชัดเจน อาทิ
ตั๋วเครื่องบินชั้นหนึ่ง 34 ที่นั่งสำหรับคณะสำรวจและ 120 ที่นั่งสำหรับทีมงานจากบริษัทมิสยูนิเวิร์ส
อิงค์
ที่พักอย่างน้อยต้องมี 2 โรงแรม เพราะนางงามและพี่เลี้ยงต้องไม่พักอยู่โรงแรมเดียวกันกับคณะกรรมการตัดสิน
และต้องเตรียม "ห้องชุด" จำนวน 25-30 ห้องสำหรับคณะกรรมการ นักแสดงรับเชิญและแขกวีไอพี
อาหาร 3 มื้อและขอบขบเคี้ยวต่าง ๆ ตลอดระยะที่มีการซ้อมเดินและซ้อมเต้นรำ
ต้องจัดรายการนำเที่ยวให้ผู้ติดตามคณะกรรมการในขณะที่กรรมการกำลังทำงาน
มีเครื่องมืออุปกรณ์สื่อสารพร้อมสรรพ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ โทรสาร
และเทเล็กซ์
สถานที่ประกวดต้องใหญ่ไม่ต่ำกว่า 2,000 ที่นั่ง
ค่าออกแบบเวทีให้แก่ DUKES STUDIO ซึ่งเป็นบริษัทที่ทางบริษัทมิสยูนิเวิร์ส
อิงค์เจาะจงมา
จัดประกวด "หนูน้อยจักรวาล" เพื่อคัดเลือกเด็กเดินเคียงคู่นางงาม
รถยนต์ 65 คัน รถบัสสำหรับทีมงาน รถแวนและรถบรรทุก พร้อมด้วยคนขับที่พูดภาษาอังกฤษได้
และต้องบริการตลอด 24 ชั่วโมง
และมีปลีกย่อยอื่น ๆ อีก นอกจากนี้แล้วในการเตรียมการต่าง ๆ รวมถึงการตลาด
และการเลือกรายการให้นางงามปรากฎตัว ต้องผ่านการตัดสินใจครั้งสุดท้ายจากบริษัทมิสยูนิเวิร์ส
อิงค์ก่อนทุกครั้ง
วงเงินที่ใช้ในการจัดการสูงเช่นนี้ ทาง "ไทยสกายทีวี" สามารถหาทุนได้จากค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดในประเทศ
ด้วยการหาผู้สนับสนุนเอกชนเข้าช่วยแบ่งเบาภาระ ส่วนในภาครัฐมี ท.ท.ท. ยื่นมือช่วยรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการถ่ายทำภาพยนต์สารคดีท่องเที่ยวไทยความยาว
15 นาที รวมทั้งให้การต้อนรับดูแลผู้สื่อข่าวต่างประเทศด้วย
นอกจากนี้แล้วผู้จัดยังมีรายได้จากการขายบัตรเข้าชม 3 รอบ คือรอบปฐมทัศน์ที่เอ็มบีเคฮอลล์
ศูนย์การค้ามาบุญครอง ราคาบัตรมีทั้งหมด 3 ราคา คือ 800 บาท 1,000 บาท และ
1,500 บาท ส่วนรอบรองสุดท้ายและรอบสวมมงกุฎ รวมกันเป็นบัตร 1 ใบใช้ได้ 2
วัน ราคาบัตรใบละ 20,000 บาททุกที่นั่ง
เมื่อคำนวณตัวเลขรายได้จาก 2 รายการข้างต้นโดยประมาณการจากยอดของผู้สนับสนุนทั้งหมด
17 รายการ เป็นเงิน 91 ล้านบาท
บวกด้วยยอดรายได้จากการขายบัตร จากการสอบถามฝ่ายดูแลเรื่องการขายบัตรปรากฏว่ามีผู้สนใจสั่งจองมากพอควรทั้งจากผู้ซื้อคนไทยและชาวต่างชาติโดยเฉพาะชาวญี่ปุ่น
ฉะนั้นคาดว่าทั้งสอง แห่งคงไม่มีปัญหาเรื่องยอดขาย
ที่เอ็มบีเคฮอลล์ จุได้ 3,000 คน บัตรมี 3 ราคาเมื่อคำนวณอย่างประมาณการโดยนำเฉพาะบัตรราคา
1,000บาท มาคูณกับ 3,000 ที่นั่ง เท่ากับเป็นเงิน 3,000,000 บาท
ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ มีที่นั่งทั้งหมด 2,500 ที่นั่ง แบ่งเป็นบัตรเชิญของบริษัทมิสยูนิเวิร์ส
อิงค์ 500 ที่นั่ง และไทยสกายทีวีอีก 500 ที่นั่งเช่นกัน ฉะนั้นเหลือที่นั่งสำหรับการขาย
1,500 ที่นั่งคูณกับบัตรราคา 20,000 บาทคิดเป็นเงิน 30,000,000 ล้านบาท
เมื่อนำมารวมกับยอดรายได้จากเอ็มบีเคฮอลล์ 3 ล้านบาท เท่ากับเป็นรายได้จากการขายบัตรประมาณ
33 ล้านบาท รวมกับยอดของผู้สนับสนุนแล้วจะได้เงินทั้งหมด 124 ล้านบาท
รายได้จำนวนนี้ยังไม่รวมรายได้ที่สามารถได้จากการขายของที่ระลึกต่าง ๆ
รายได้จากการรับเชิญให้นางงานปรากฏตัว รายได้จากสปอนเซอร์ที่สนับสนุนเกมโชว์ทางโทรทัศน์
และรายได้จากการประมูลสินค้าที่นางงามแต่ละชาตินำมาจากประเทศของตน ซึ่งรายการนี้ทางบริษัทมิสยูนิเวิร์ส
อิงค์ระบุว่าขึ้นอยู่กับประเทศเจ้าภาพว่าจะมอบให้การกุศลหรือไม่ก็ได้
ฉะนั้นดูจากตัวเลขโดยกะประมาณการ 124 ล้านบาท ก็เป็นอันว่า "ไทยสกายทีวี"
เฉียดฉิวกับการจะได้กำไร
อย่างไรก็ดี การผันแปรของตัวเลขในทางบวกอาจจะเกิดขึ้นได้ขึ้นอยู่กับตัวเลขรายจ่ายที่แท้จริงและรายรับอื่น
ๆ อีกที่ไม่เปิดเผยเป็นที่แน่ชัดเช่นเรื่องลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดผ่านดาวเทียมที่ทางผู้จัดบอกว่าได้เฉพาะประเทศไทยเท่านั้น
หรือถ้าจะถือว่าเป็นการลงทุนเพื่อโปรโมตกิจการเคเบิลทีวีซึ่งระยะหลัง ๆ
มักมีข่าวสู่สาธารณะในทางลบอยู่เนือง ๆ ก็คงเป็นการลงทุนที่สูงอยู่ไม่น้อย
อีกทั้งยังเป็นการลงทุนที่ค่อนข้างเสี่ยงกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์เพราะเป็นงานใหญ่ระดับชาติ
ตัวอย่างกรณีการเลื่อนการประกวดรอบสุดท้ายให้เร็วขึ้นหนึ่งอาทิตย์ เนื่องจากวันที่กำหนดไว้แต่เดิมถูกต่อต้านจากผู้นำศาสนาในประเทศอย่างแรง
เพราะเหตุว่าตรงกับวันวิสาขบูชาฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่จะทำให้คนทั้งโลกพอใจในขณะเดียวกันคนไทยเจ้าของประเทศก็พอใจด้วย
ปัญหาปวดขมับทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ ผู้ที่ต้องรับภาระความเสี่ยงหนักสุดก็คือ
ไทยสกายทีวีและคนไทยเจ้าของประเทศ เพราะงานครั้งนี้หากไม่ได้ผลกำไร ผู้ที่ขาดทุนก็คือ
ไทยสกายทีวี และถ้าหากหน้าตาเมืองไทยที่สู่สายตาชาวโลกที่ทางผู้จัดคิดว่าจะช่วยสร้างภาพพจน์ที่ดีที่ถูกต้อง
กลับกลายเป็นตรงข้าม ผู้ที่เสียหายที่สุดคือคนไทยเราเอง
บริษัทมิสยูนิเวิร์ส อิงค์ จึงเป็นผู้มีกำไร 100 เปอร์เซ็นต์อย่างแท้จริงฝ่ายเดียว
เริ่มจากค่าลิขสิทธิ์การจัดประกวด ค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดผ่านดาวเทียม
ค่าลิขสิทธิ์เทปบันทึกภาพ ค่าลิขสิทธิ์การปรากฎตัวนางงามจักรวาลซึ่งเป็นจำนวนเงินสูงมากในราว
6,000 เหรียญสหรัฐหรือประมาณ 150,000 บาทต่อครั้ง ตลอดจนค่าใช้จ่ายต่าง ๆ
นับตั้งแต่การจัดเตรียมงานจนถึงวันประกวดก็ตกเป็นความรับผิดชอบของประเทศเจ้าภาพทั้งสิ้น
ถ้าจะเปรียบบริษัทมิสยูนิเวิร์ส อิงค์ เป็นดั่ง "เสือนอนกิน"
ก็คงไม่ผิดจากความจริงเท่าไรนัก
และเสือตัวนี้ก็เห็นประโยชน์ทางธุรกิจเป็นเรื่องสูงสุด
ด้วยเหตุนี้ไม่ว่างานจะถูกจัดขึ้นในมุมไหนของโลกการถ่ายทอดสดจะต้องตรงกับเวลาหัวค่ำของประเทศอเมริกา
เพราะกลุ่มลูกค้าหลักและจ่ายผลประโยชน์สูงสุดคือคนอเมริกา
ผู้ชมจากเวทีในเมืองไทย ซึ่งจ่ายเงินค่าบัตรราคาเป็นหมื่นจึงจำต้องแต่งชุดราตรีสโมสรเต็มยศทั้งชายหญิงเพื่อให้ดูเป็นงานกลางคืนที่หรูหรา
แต่ต้องมาปรากฎตัวที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิต์ก่อน 8 นาฬิกาในตอนเช้าวันเสาร์ที่
9 พฤษภาคม เพื่อให้มีการถ่ายทอดสดไปสหรัฐฯ ตอนเย็นของคืนวันศุกร์ที่ 8
ก็คงเป็นภาพแปลกหูแปลกตาไปอีกแบบสำหรับบรรยากาศยามเช้าตรู่
การเป็นเจ้าภาพจัดการประกวดนางงามจักรวาลอาจะเป็นความภาคภูมิใจในชีวิตของผู้จัดและผู้สนับสนุนแต่สำหรับบริษัทมิสยูนิเวิร์ส
อิงค์แล้วมีมากกว่าความภูมิใจธรรมดา เพราะการจัดนอกประเทศอเมริกาได้มากครั้งเท่าไรย่อมเท่ากับเป็นการเสริมสร้างเครดิตให้สูงยิ่งขึ้นเท่านั้น
ซึ่งนั้นหมายถึงเงินที่กำลังตามมามหาศาลอย่างแน่นอน